บท
ตั้งค่า

10 ใครออกแบบ 2

ครืด กลทีป์ถีบเก้าอี้ให้เลื่อนไปด้านหลัง ยกขาไขว่ห้าง กอดอกในท่าทางสบาย ๆ แต่สายตาของเขานั้นไม่ได้สบายด้วยเลย เหมือนกำลังมองประเมินคนตรงหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาไม่ชอบใจในสถานการณ์ตอนนี้เลย นอกจากจะขึ้นเตียงกับญาติเจ้าสาวตัวเองแล้ว ยังเป็นสมภารกินไก่วัดอีกต่างหาก นี่มันไม่ถูกต้อง กลทีป์หลับตาลงแน่น ๆ และเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

“ที่คุณบอกว่ารักผมนั่นมันอะไร” ถามเสร็จกัดฟันแน่นจนโหนกแก้มนูน

“...” เฌอลิณณ์อ้าปากค้าง ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ แบบนี้ ตายล่ะหว่า เธอพูดออกไปจริง ๆ เหรอเรื่องนั้น

“เฌอลิณณ์ผมถามคุณอยู่ คุณเป็นพวกโรคจิตหรือไงมาแอบมองผมอยู่ได้เป็นปี ๆ แล้วไปแอบมองผมที่ไหน ผมคุ้นหน้าคุณอยู่เหมือนกันนะ แต่จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน”

ความเงียบตาค้างของเฌอลิณณ์ ทำให้กลทีป์แน่ใจแล้วว่า สิ่งที่หญิงสาวพูดในคืนนั้นเป็นเรื่องจริง

อีกคนที่กำลังถูกกดดันอยู่นั้น กำลังคิดหาทางออกให้ตัวเองอยู่ กลอกตาล่อกแล่กไปมาอย่างน่าสงสัย

‘นี่มันศาลไคฟงหรือรึไง เหมือนเธอมองเห็นเครื่องประหารหัวสุนัขอยู่รำไร’

“คุณเฌอลิณณ์ !”

“ที่ร้านกาแฟค่า !”

“ร้านกาแฟหรอกหรือ ฮึ ฮึ” เขาเยาะในลำคอเบา ๆ แต่สายตานั้นเย็นยะเยือกปานน้ำแข็ง

‘โอย น่ากลัวอ่า’

“ยัยโรคจิตเอ๊ย !”

คนถูกด่าถึงกับคอตั้งมองเขา เม้มปากเข้าหากันแน่น ๆ ด้วยความไม่พอใจ

“คุณกลทีป์คะฉันต้องขอโทษคุณด้วยจริง ๆ ที่แอบมองคุณ แต่ที่ฉันทำไปก็เพราะว่าฉัน เอ่อ ก็นั่นแหละค่ะ ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเลยนะคะ ก็แค่แอบมองเฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรให้คุณรำคาญใจเลยนี่คะ สักครั้งก็ไม่เคยไม่ใช่เหรอคะ” เฌอลิณณ์พยายามอธิบายให้เขาเข้าใจ เธอไม่ใช่พวกโรคจิตสักหน่อย

“ช่างหัวเรื่องนั้นผมไม่สนใจหรอก”

‘ช่างหัวเรื่องที่ฉันแอบชอบคุณนี่นะ’

“แล้วคุณสนใจเรื่องไหนคะ”

ยังมีหน้ามาถามอีก กลทีป์ตวัดสายตามองแบบโกรธ ๆ ผู้หญิงคนนี้มันอะไรกัน ทำไมถึงได้กวนประสาทเขาได้ขนาดนี้นะ

“ก็เรื่องที่คุณกับผมในห้องหอนั่นไง”

“ฮะ” เฌอลิณณ์ถึงกับผงะ เขาจะวนรถกลับไปที่คืนนั้นอีกทำไม

“ทำไมต้องตกใจด้วย ผมต้องคุยกับคุณเรื่องนี้ให้เข้าใจ จะได้ไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง”

เฌอลิณณ์เห็นสีหน้าเขาจริงจังมาก ตอนพูดถึงเรื่องในคืนนั้น กลัวปัญหาตามมาภายหลังนี่เอง แต่ว่าปัญหาอะไรล่ะ ไม่ใช่ว่าเธอบอกไปแล้วเหรอ ให้ทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น

“ก็ได้ค่ะ คุยก็คุย”

“คืนนั้นผมไม่ได้ใส่ถุงยาง” เขาโพล่งขึ้นดัง ๆ

“ฉันกินยาคุมฉุกเฉินแล้วค่ะ” อีกคนตอบกลับเสียงดังไม่แพ้กัน

กลทีป์สูดลมเข้าปอดจนอกกระเพื่อม เขินอายสักนิดก็ดีนะแม่คุณ

“ห้ามบอกเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นให้คนอื่นรู้เด็ดขาด”

“จะปิดปากให้สนิทเลยค่ะ” เฌอลิณณ์ทำท่ารูดซิปตรงปากให้เขาดูด้วย

ชายหนุ่มหลับตาแน่น ๆ แล้วเลื่อนเก้าอี้กลับมาใกล้ ๆ จ้องตากับคนตรงหน้าคล้ายการขมขู่

“มีอะไรรับประกันได้ว่าคุณจะไม่เอาเรื่องนี้ไปพูด”

“แล้วฉันจะพูดไปให้ได้อะไรล่ะคะ ไม่ใช่เรื่องดีสักหน่อย ใครรู้ก็อายเขาตาย”

“เพื่อนสนิทหรือครอบครัวก็ห้ามบอก”

“ไม่บอกหรอกค่ะ ขืนบอกพ่อกับแม่คงได้มาถลกหนังหัวคุณแน่”

“ถลกอะไรนะ” เสียงลอดไรฟันออกมาบอกว่าเขาโกรธจัด

“แค่เปรียบเทียบน่ะค่ะ ฉันเข้าใจแล้วค่ะคุณกลทีป์ คุณกลัวฉันท้องเพราะไม่ได้ใส่ถุงยาง กลัวฉันเอาเรื่องที่เราเมาแล้วมีอะไรกันไปบอกคนอื่น แต่ฉันไม่ทำแบบนั้นแน่นอนค่ะ”

เฌอลิณณ์ยังตกใจตัวเอง นี่เธอพูดเรื่องพวกนี้แบบหน้าตายเฉยได้อย่างไร เห็นเขาหลับตากัดฟันกรอด ๆ อยู่หลายหน ไม่ใช่เธอไปทำเขาโมโหหนักกว่าเดิมหรอกนะ

“พูดปากเปล่าไม่ได้ ต้องเซ็นสัญญาด้วย เอ้าเขียนไป” เขาเลื่อนกระดาษเอสี่ไปตรงหน้าของเฌอลิณณ์ พร้อมโยนปากกาตามไปด้วย

“ทำไมต้องทำสัญญาด้วยล่ะคะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย นี่มันเรื่องส่วนตัวชัด ๆ” เสียงบ่นออดแอดเบา ๆ เพราะไม่เห็นด้วยกับเรื่องทำสัญญา

“ผมเป็นนักธุรกิจทำการค้าไม่มีคำว่าทำปากเปล่า”

“นี่มันการค้าที่ไหนกันคะ”

“เขียนลงไปตามที่ผมบอกแล้วกัน” กลทีป์ชี้นิ้วไปที่กระดาษ หมุนเก้าอี้ไปด้านข้าง เหมือนกำลังนึกหาคำพูดมาให้หญิงสาวเขียน

“ค่า” เสียงตอบรับมาพร้อมลมหายใจหนัก ๆ อยากเอาปากกาปาหัวเขาเหลือเกิน นี่ใช่คุณสุดหล่อที่เธอเฝ้ามองจริงหรือ นี่มันผีห่าซาตานชัด ๆ ได้แล้วเทเลยนะคะ สุภาพบุรุษสุด ๆ

“นี่ไม่ต้องมาทำปากขมุบขมิบเหมือนหมอผีแบบนั้นนะ มีข้าวสารเสกหน่อยล่ะใช่เลย”

“...” จู่ ๆ เธอก็กลายเป็นหมอผีไปซะงั้น เฌอลิณณ์ยิ่งหน้างอหงิกหนักกว่าเดิม

“ก่อนร่างสัญญา คุณต้องเข้าใจเรื่องราวระหว่างเราก่อนนะเฌอลิณณ์ หนึ่งคุณผิดที่เมาแล้วไปเข้าห้องหอของผม สองถึงผมเมาผมก็ไม่ผิดเพราะเข้าห้องหอตัวเอง” เขาหยุดมองคนตรงหน้า เห็นหญิงสาวพยักหน้ารับรู้ ถึงได้พูดข้อต่อไป

“แล้วข้อสุดท้าย...เราทำเรื่องนั้นด้วยกันเพราะความเมา ไม่มีใครบังคับใคร เพราะฉะนั้นผมไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้”

คำพูดที่เต็มไปด้วยความจริงห้ามโต้แย้งของเขา มีหรือเฌอลิณณ์จะไม่เข้าใจ แต่ว่าเธอไม่ได้คิดให้เขารับผิดชอบสักหน่อย ยอมรับว่าเคยหวังแหละ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย สมัยนี้ใคร ๆ ก็มีแฟนหลายคนกันทั้งนั้น แม้เรื่องของเธอจะไม่ได้เข้าข่ายคำว่าแฟนก็เถอะ

“ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี่คุณเข้าใจไหม” เห็นอีกคนยังนั่งนิ่งเลยถามย้ำอีกรอบ

“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ คุณจะให้ฉันเขียนอะไรก็ว่ามาเลยค่ะ” หน้างอ ๆ ของเฌอลิณณ์ ทำให้อีกคนมองแล้วขัดใจ ไม่เงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยซ้ำ เอาแต่ทำปากคว่ำมองปากกาในมืออยู่นั่นแหละ นี่มันประท้วงเงียบหรือไงกัน

“อ๊ะ” ปากกากับกระดาษถูกดึงกลับไป

“ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมจะลองเชื่อใจคุณดูก็แล้วกัน ถ้าคุณกล้าพูดเรื่องนั้นไปผมเอาคุณตายแน่ แค่นี้ชีวิตผมก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว อ้อ ต่อไปนี้ห้ามคุณมาแอบมองผมอีกนะ อย่าทำตัวโรคจิตให้มันมากนัก อีกอย่างผมไม่ใช่สิ่งของ จะได้มาจับจองเอาไว้ได้ ไปกลับไปทำงานได้แล้ว” เขาเทศนายาวเหยียด ก่อนโบกมือไล่ให้ออกจากห้องไป

‘จับจอง’ เฌอลิณณ์ทำตาปริบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจในเวลาต่อมา ‘...ฉันอุตส่าห์เฝ้ามองแอบจองคุณไว้ตั้งหนึ่งปี...’

“ค่ะ” รีบลุกขึ้นเดินตัวแข็งทื่อออกจากห้องไป เขาห้ามเธอแอบมอง ก็เท่ากับห้ามเธอรักเขา นี่เธอกำลังถูกหักอกอยู่ใช่ไหม เขาทำแบบนี้เธอควรเกลียดเขาสิ แต่ทำไมหัวใจมันไม่รักดีเอาเสียเลย

ประตูลิฟต์ปิดลงหยดน้ำตาก็ร่วงหล่นในทันที ความสดใสในชีวิตที่เคยมีได้หายไป ทำไมเขาถึงมีอิทธิพลต่อเธอขนาดนี้ วาดฝันมาตลอดเรื่องที่ได้พูดคุยกับเขาใกล้ ๆ แต่นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดเอาไว้เลย รีบเข้าไปจัดการน้ำตาตัวเองในห้องน้ำ ครั้นเดินเข้าแผนกไป สองสาวก็หันมามองเธอเป็นสายตาเดียวกัน

“เป็นไงบ้างคะคุณลิณณ์ ผอ.ฝ่ายการตลาดเรียกพบเรื่องอะไร” พีรยาเดินเข้ามาหาที่โต๊ะด้วยความเป็นห่วง จำได้ว่าก่อนออกจากห้องประชุม เฌอลิณณ์มีสีหน้าขอความช่วยเหลือมากแค่ไหน

“เอ่อ งานออกแบบนั่นแหละค่ะ ถามรายละเอียดเพิ่มนิดหน่อย ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่ยา”

“งั้นก็ดีไปนึกว่าจะเรียกไปดุเสียอีก”

“ไม่ได้ดุหรอกค่ะ” ใครจะกล้าบอกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องของกลทีป์

“ตอนแรกนี่สถานการณ์ตึงเครียดมากเลย ใครจะไปคิดว่าแค่คุณลิณณ์เข้าห้องประชุมไป คุณเด่นภูมิก็เกรงใจขึ้นมาเลย นี่ถือว่าได้คุณลิณณ์ช่วยเอาไว้จริง ๆ นึกว่าจะมีเรื่องกันเสียอีก”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะพี่ยา ลิณณ์ก็แค่ตอบข้อสงสัยของคุณอาเด่นภูมิได้ งานก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ”

“ไม่จริงหรอกค่ะ ตอนนั้นเหมือนมาหาเรื่องกันชัด ๆ พี่คิดว่าคงเคืองกันมาก่อนหน้าแน่ ๆ แต่ว่าได้คุณลิณณ์ช่วยทุกอย่างเลยไม่มีปัญหา ถือว่าโชคดีไปค่ะ” พีรยากลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง

มนรดารีบเลื่อนเก้าอี้มาหาเฌอลิณณ์ที่ด้านข้าง มองเห็นร่องรอยการร้องไห้มาหมาด ๆ

“พี่ลิณณ์”

“กลับไปทำงานยัยมน”

มนรดาเบรกล้อเก้าอี้แทบไม่ทัน

“ค่า” ทำเสียงอ่อย ๆ เลื่อนเก้าอี้กลับหลุมตัวเองไป แบบนี้คงเจอเรื่องไม่ดีมาแน่ รอให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีก่อน เธอค่อยหลอกถามก็แล้วกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel