เจี้ยนอวี่ ข้านี้ไม่อยากหลับ

104.0K · จบแล้ว
เหมมิกา
42
บท
28.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

"การขาดสติเพียงครั้งเดียวกลายเป็นตราบาปที่เป็นทั้งพรและบทลงโทษ"เจี้ยนอวี่ นางจำต้องแต่งเข้าวังองค์ชายแปด เพื่อรักษาชีวิตครอบครัวว่ากันว่านางนั้นโชคดี ที่ได้เป็นอนุของเมิ่งหลาน'เขา ผู้สง่างาม ร่ำรวย และปราดเปรื่อง' สตรีทั้วแคว้นล้วนอยากถูกเขาครอบครอง โดยที่ไม่รู้เลยว่า ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้ม และความสวยหรูนั้น เต็มไปด้วยอันตรายที่ยากจะคาดเดา

นิยายจีนโบราณท่านอ๋องแต่งงานสายฟ้าแลบรักหวานๆจีนโบราณโรแมนติกพระเอกเก่ง

บทที่ ๑ สตรีที่ถูกถอนหมั้น

บทที่ ๑

สตรีที่ถูกถอนหมั้น

อาณาจักรหนานตง ราชวงศ์โจว เมืองกวานลี่

เมืองกวานลี่ ตั้งอยู่บนที่ราบติดชายฝั่ง พื้นดินอุดมสมบูรณ์ ขนาดเมืองกว้างขวางล้อมรอบภูเขาสวยงาม มีทั้งทะเลสาบและทะเล จึงเป็นทำเลทองสำหรับการตั้งถิ่นฐานยามบั้นปลายชีวิตและค้าขาย

เมืองกวานลี่ เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีเศรษฐกิจดีที่สุดของแคว้นเลยทีเดียว ผู้คนที่นี้ประกอบวิชาชีพส่วนมากเป็นพ่อค้าวาณิชและเกษตรกรรม ในเมืองกวานลี่ มีเศรษฐีหลายตระกูล แต่ตระกูลที่เป็นคนขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเมือง คือ ตระกูลเจี้ยน

ตระกูลเจี้ยน เป็นตระกูลแรกที่เริ่มการค้าขายในเมืองนี้ และช่วยส่งเสริมให้ชาวเกษตรกรรมได้มีรายได้ ประมุขตระกูลปัจจุบัน นาม เจี้ยนฟั่น เศรษฐีผู้มากด้วยปัญญาและคุณธรรม มีภรรยาเอกและอนุรวมแล้ว สามคน ไม่มากและไม่น้อย บุตรสาวบุตรชายทั้งจากภรรยาเอกและอนุรวม ห้า คน คนโตนาม เจี้ยนอวี่ เกิดจากภรรยาเอก นามเสียนฮวา ฮูหยินใหญ่ผู้ดูแลบ้านและตระกูล เรื่องลือในจิตใจกว้างขวางและเมตตา ดูแลทั้งเรื่องภายในบ้านและชื่อเสียงของตระกูล ช่วยเหลือผู้เป็นสามีทั้งในและนอกบ้าน เป็นสตรีที่เพียบพร้อม ทั้งหน้าตา กิริยา วาจา จิตใจ ว่ากันว่า เศรษฐีเจี้ยนฟั่นนั้นเป็นผู้มีโชค และมหาโชคคือเหล่าบรรดาเมียทั้งสามรักใคร่ปรองดอง ไม่ก่อเรื่องให้ต้องปวดใจ ทั้งบุตรชายและบุตรีก็ว่านอนสอนง่าย เชี่ยวชาญทั้งปัญญา กิริยา การค้าขาย เก่งกาจไปเสียในทุกด้าน ไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสียต่อตระกูล ครอบครัวอบอุ่น รักใคร่ เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ แต่กลับเป็นเรื่องจริง

คุณหนูใหญ่ เจี้ยนอวี่ อายุ 17 ปี เฉลี่ยวฉลาด ทั้งรูปลักษณ์งดงามเหนือหญิงใดในเมือง จิตใจมีเมตตา ใครต่างอยากได้ไปเป็นศรีภรรยาแต่ความฝันหลายคนต้องเก็บไว้เพียงในใจ เมื่อสตรีเพียบพร้อมผู้นี้ ได้หมั้นหมายไว้กับคุณชายใหญ่สกุลถัง บุตรคนโตของท่านเสนาบดีแห่งแคว้น เดือนหน้าก็จะจัดงานแต่งแล้ว

*******

จวนสกุลเจี้ยน

เรือนหลันฮวา ตัวเรือนลักษณะสองชั้น สร้างจากไม้ มีระเบียงยื่นออกมารอบๆชั้นสอง รอบๆตัวเรือนจัดสวนปลูกต้นไม้ ดอกไม้นานาชนิด ยามก้าวเข้ามาในเรือนหรือเปิดหน้าต่างออกไปก็จะได้กลิ่นหอมของมวลดอกไม้ ตรงกลางทางเข้าประตูเรือน มีอ่างสระบัวขนาดใหญ่ บัวในอ่างมีทั้งชนิดบานและตูมคละกันไป

เจ้าของเรือนดงไม้นี้ คือ เจี้ยนอวี่ คุณหนูใหญ่สกุลเจี้ยน

สตรีผู้หนึ่งปรากฏกายหน้าประตูเรือน หญิงสาววัยสะพรั่งในชุดสีหวาน หน้าตาน่ารักริมฝีปากทั้งสองคลี่ยิ้มกว้าง ถือซองกระดาษสีน้ำตาลไว้ในมือ เดินเข้าเรือนมา

ภายในเรือนเป็นโถงกว้าง ด้านซ้ายจัดไว้รับแขก ด้านขวาเป็นห้องที่กินพื้นที่ใหญ่โข ตรงกลางมีบันไดขึ้นชั้นสอง นางเดินขึ้นชั้นสองของเรือน ชั้นสองมีห้องสามห้อง หญิงสาวเดินตรงไปห้องทางขวา เคาะประตูร้องบอกคนด้านใน

“คุณหนู จินเออร์เองเจ้าค่ะ”

คนภายในห้องตอบกลับมา “เข้ามาได้”

หญิงสาวที่บอกว่าตนคือจินเออร์จึงเปิดประตูเข้าไปในห้อง

ภายในห้องกว้างมีเตียงสี่เสา โต๊ะเครื่องแป้ง และโต๊ะเขียนอักษร เป็นไม้แท้ทั้งหมด ให้ความรู้สึกเรียบง่ายแต่หรูหรา หญิงสาวนางหนึ่ง นั่งหันหลังอยู่ที่โต๊ะเขียนอักษร โต๊ะและเก้าอี้แบบพิงตั้งอยู่ริมหน้าต่าง หันหน้าออกไปเห็นสวนสวย ได้กลิ่นหอมอ่อนๆโชยมาแตะจมูกให้ความรู้สึกผ่อนคลายสบายใจ

สตรีผู้นั้นหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง จึงเห็นเพียงแผ่นหลังและเอวคอด

ร่างแบบบางสูงระหงแต่ไม่ดูเก้งก้างกลับทำให้นางดูสูงส่งราวหงส์ป่าหายาก ผมยาวดำขลับถึงสะโพก ปล่อยสยายทั่วแผ่นหลัง เส้นเล็กหนานุ่มดุจเส้นไหมเนื้อดี

เสื้อผ้าสีสดขับให้ผิวขาวยิ่งขาวนวลสว่างตา เนียนละเอียดดุจหิมะน่าสัมผัส น้ำเสียงก็ไพเราะกังวานใสชัดเจนบ่งบอกว่าเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเอง

“มีเรื่องใดหรือ จินเออร์?”

จินเออร์ เดินเข้าไปใกล้คุณหนูของนาง ตอบคำที่คุณหนูถาม “จดหมายจากเมืองหลวงเจ้าค่ะ ส่งมาจาก คุณชายถัง”

‘คุณชายถัง’

เพียงได้ยินประโยคนี้ มือที่ตวัดพู่กันก็ชะงักเล็กน้อยคล้ายเสียอาการ ใบหูทั้งสองข้างแดงเรื่อ

หญิงสาววางพู่กันลงกับที่วาง ก่อนจะหันมาหา จินเออร์ วงหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตาสองชั้นกลมโตรับกับแผงขนตายาวงอน คิ้วโก่งดั่งคันศร ปลายหางคิ้วตวัดขึ้น หน้าผากนูนพอเหมาะรับกับใบหน้า จมูกโด่งปลายเรียว ริมฝีปากได้รูปสีแดงสดโดยธรรมชาติ เครื่องหน้าโดยรวมของหญิงสาวทำให้นางดูงดงามราวกับมิใช่มนุษย์ หากจะกล่าวว่าเป็นงามล้มเมืองก็มิเกินเลย

สตรีผู้มีรูปโฉมงดงามผู้นี้ คือ เจี้ยนอวี่ คุณหนูใหญ่สกุลเจี้ยนผู้เรื่องลือนั่นเอง

เจี้ยนอวี่ยื่นมือออกไปรับจดหมายมา พลางหันกายกลับมาที่เดิม

จินเออร์อมยิ้มเป็นสุข หมุนกายออกไปจากห้องให้คุณหนูได้อยู่ตามลำพัง

เจี้ยนอวี่ มองซองจดหมายสีน้ำตาลในมือ แววตาเปล่งประกายด้วยความสุข นึกถึงวันนั้นเมื่อปีก่อน คุณชายถังชิน คู่หมายของตน เดินทางมาพร้อมกับท่านเสนาบดี มาเยี่ยมบิดาของนาง การหมั้นหมายนี้ แม้จะเป็นการคลุมถุงชน แต่หลังจากได้พบคุณชายถัง เจี้ยนอวี่ก็เปิดใจ อาจไม่ถึงขั้นเรียกว่ารักแต่ก็ไม่ได้รังเกียจ หลังกลับไป คุณชายก็มักจะเขียนจดหมายมาหานางทุกเดือน การได้สนทนากันผ่านจดหมาย ก่อเกิดความชอบพอกัน ยามนี้นางอายุ 17 แล้ว เดือนหน้า ก็จะแต่งเข้าสกุลถัง

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ พวงแก้มทั้งสองก็แดงระเรื่อ มือเรียวค่อยๆเปิดจดหมายออก หยิบแผ่นด้านในคลี่ออกอ่าน หมายอยากทราบว่า เขาจะเขียนอันใดถึงนางในครั้งนี้

‘ถึง อวี่เออร์ ข้ามีเรื่องจะแจ้งแก่เจ้า ตัวข้าได้เลื่อนขั้นเป็นขุนนางขั้นสี่ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยราชองครักษ์รักษาการตำหนักจ้าวลี่’

อ่านมาถึงตรงนี้ เจี้ยนอวี่ก็เผยยิ้มกว้าง ใบหน้างามดูมีเสน่ห์มากขึ้นอีกเท่าหนึ่ง หากใครได้พบเห็นจำต้องหลงรักเป็นแน่

‘เดือนหน้า ข้าจะอภิเษกกับองค์หญิงสิบ ข้าเขียนจดหมายมาบอกกล่าวแก่เจ้าก่อน ทั้งหมดนี้ ข้าล้วนผิดเองทั้งสิ้น ดังนั้น สินหมั้นทั้งหมดข้าจะยกให้เจ้า เจ้ามิต้องคืน อวี่เออร์ ข้าขออภัยแก่เจ้า ไม่ขอให้เจ้าให้อภัย ลา ถังชิน’

รอยยิ้มที่ฉีกกว้างค้างอยู่เช่นนั้นเมื่ออ่านจบ

เจี้ยนอวี่ลองอ่านอีกครั้ง อีกครั้งและอีกครั้ง ข้อความในนั้นก็เหมือนเดิม นางรู้สึกทั่วสรรพางค์กายชาดิก น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาหยดลงแผ่นจดหมาย

“นี่ข้า…ถูกถอนหมั้นหรือ”

“ตั้งแต่เมื่อไหร่”

นางตั้งคำถามพลางทบทวนความทรงจำ

‘องค์หญิงสิบ’

จดหมายเมื่อห้าเดือนก่อนฉายข้อความขึ้นมาในหัว

‘ข้าถูกคัดลือกให้เข้ามาเป็นองครักษ์องค์หญิงสิบ ไม่รู้ข้าจะทำได้ดีหรือไม่ แต่หากมีเจ้าคอยส่งจดหมายมาให้กำลังใจ ข้าต้องทำได้เป็นแน่’

จดหมายเดือนสี่ ‘องค์หญิงสิบทรงรูปโฉมงดงาม ทั้งเชี่ยวชาญการทหาร แปลกประหลาดกว่าสตรีใดในแคว้น ข้าได้ฝึกดาบกับพระองค์ เกือบพ่ายแพ้เชียว แต่ถังชินของเจ้าเก่งกาจอยู่แล้ว’

จดหมายเดือนห้า ‘ทรงออกล่าสัตว์ยังต่างเมือง ข้าจึงได้ติดตามมาด้วย เมืองตง งดงามมิหน่อย อยากพาเจ้ามา นึกถึงเจ้า’

จดหมายเดือนหก ‘เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง ข้าสบายดี’

เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ น้ำตาก็ไหลพรั่งพรูราวกับสายน้ำ

จินเออร์ได้ยินคล้ายเสียงร้องไห้จึงรีบเปิดประตูเข้ามา เห็นคุณหนูของนางร่ำไห้ราวจะขาดใจ ในมือกำแผ่นจดหมายแน่นก็ตกใจ ร้องถาม

“คุณหนูเหตุใดจึงร่ำไห้คะ คุณชาย คุณชายเป็นอันใดเจ้าคะ?”

จินเออร์ร้องถามคุณหนู แต่คุณหนูไม่ตอบ นางจึงถือวิสาสะดึงจดหมายมาอ่าน เมื่ออ่านจบก็ตกใจเป็นอย่างมาก นางเงยหน้ามองคุณหนูที่ไม่เคยต้องร้องไห้ กำลังร้องราวจะขาดใจจึงปวดใจ ก้มลงคุกเข่าดึงคุณหนูเข้ามากอด

เอ่ยปลอบ “ร้องออกมาเจ้าค่ะ ร้องให้พอ ข้าจะอยู่ข้างๆคุณหนูเอง”

เรื่องการถอนหมั้นของ ถังชิน ทราบไปทั่วเรือน เศรษฐีเจี้ยนฟั่นทั้งโกรธทั้งอาย เหนืออื่นใดนั้นสงสารบุตรสาวยิ่งนัก ตนเลี้ยง อวี่เออร์มาอย่างดี มิเคยให้ต้องเจ็บซ้ำน้ำใจหรืออดสู แต่กลับถูกผู้อื่นมาทำให้ลูกสาวตนต้องอับอายเสื่อมเสียเช่นนี้ อย่างที่เขาว่า

‘พวกขุนนางนั้นเชื่อไม่ได้’

ฮูหยินใหญ่ เสียนฮวาร่ำไห้ไปกับบุตรสาว แม้จะแค้นใจเพียงใดแต่ทำสิ่งใดไม่ได้ ในเมื่อ ชายชั่ว กำลังจะเป็นราชบุตรเขยของฝ่าบาท พวกเขาคับแค้นใจเหลือแสน หลังทราบเรื่อง จวนสกุลเจี้ยนก็โศกเศร้าไปทั้งจวน ฮูหยินทั้งสามผลัดกันดูแลเจี้ยนอวี่ ผ่านมาสองวันแล้ว ความโศกเศร้าของคุณหนูใหญ่ก็ไม่จางหายไป

ฮูหยินรอง เจียเหอ เดินเข้ามาในห้องนอนของเจี้ยนอวี่ แม่รองมองบุตรสาวคนโตที่นอนนิ่งราวซากศพบนเตียงก็สะท้อนใจ ทั้งเจ็บปวดและสงสาร อยากแบ่งเบาความเจ็บปวดของลูกสาวผู้นี้เหลือเกิน

“อวี่เออร์ แม่รองทำซุปก้านบัวที่เจ้าชอบ กินหน่อยไหมลูก?”

เจียเหอเอ่ยถาม แต่ไร้การตอบกลับจากคนบนเตียง นางน้ำตาคลอ เข้าไปนั่งลงข้างๆลูบหัวเด็กสาว

“อวี่เออร์ บอกแม่รองสิ เจ้าอยากได้อะไร อย่าทำเช่นนี้เลย แม่ทั้งสามปวดใจเจ้ารู้หรือไม่”

“……” นิ่งไปนาน เจียเหอเห็นแล้วก็ร้องไห้ ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง

ภายในห้องที่มืดมิด เจี้ยนอวี่นอนนิ่งๆบนเตียง เหม่อมองจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟ้า ภายในใจนางนึกถึงคำพูดของสาวใช้

“สงสารคุณหนูใหญ่จริงๆ งดงามก็ปานนั้น ร่ำรวยก็ปานนี้ เพียบพร้อมเพียงใด เห้อ ยังถูกถอนหมั้น”

“เห็นว่า สตรีที่ทำให้คุณชายถังถอนหมั้น เป็นองค์หญิงนี่”

“จริงหรือ ว่าแล้วเชียว คนเรา ก็ต้องเอาความก้าวหน้ามากกว่าใช่ไหม ลูกสาวพ่อค้า หรือจะสู้ สายเลือดมังกร”

“โอ๊ย อับอาย เสื่อมเสียชื่อเสียง เป็นข้าน่ะ ไม่กล้าอยู่ต่อหรอก ม่ายขันหมากเชียวนะ”

น้ำใสๆไหลออกมาจากดวงตาที่แดงก่ำ ร่างระหงที่บัดนี้ไร้ความสง่าอย่างที่เคยลุกขึ้นจากเตียง เท้าเปลือยเปล่าเหยียบนพื้นเย็น และถือผ้าห่มเดินไปยังโต๊ะเขียนอักษร นางขึ้นไปยืนบนโต๊ะ โยนชายผ้าข้างหนึ่งคล้องกับคานไม้ เอาชายสองข้างผูกติดกัน น้ำตายังคงนองหน้า เจี้ยนอวี่สอดหน้าเข้าไป นางหลับตาลงพร้อมเตะโต๊ะล้มไปอีกทาง

ตึง!

ในตอนนั้นเอง ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา เป็นเจียเหอ ฮูหยินรอง

“อวี่เออร์ แม่รอง- กรี๊ด!!!”

สิ้นเสียงกรี๊ดของฮูหยินรอง ทั่วเรือนก็เกิดความอลหม่าน คืนนั้น ไม่มีผู้ใดได้หลับเลยแม้แต่คนเดียว……