บทที่ 2 ปลายลิ้นบนเหมยบอบบาง
“โอว... โอว... โอว... ซี้ด... ซี้ด... กรี๊ดดดดด... ท่านพี่!!”
เจียวเหมยครวญครางร่านร้อน ร่ำร้องหาสามีเสียงหลง ร่างอวบอัดสั่นสะท้าน หล่อนกระตุกเฮือกเพราะความซ่านเสียวนั้นแตกกระจายซ่านกระเซ็นจนร่างกายอ่อนยวบ หมดเรี่ยวแรง จนต้องทรุดร่างลงนั่งในถังไม้ ปลดปล่อยร่างเปลือยให้น้ำอุ่นในถังชำระล้างคราบซาบซ่านออกให้หมด
ทว่าแม้เรือนร่างจะอ่อนล้าแต่ปลายนิ้วกลับยังคงสัมผัสยอดเกสรที่ตอดตุบๆ กดย้ำๆ เพราะสิ่งที่ได้เมื่อครู่ยังไม่พอ หล่อนยังไม่อิ่ม หล่อนยังอยากได้อีก อยาก ‘ได้’ ให้มากที่สุด ให้ความอยากที่สะสมมาตลอดหลายวันผ่อนคลายลง
ดวงตาหวานล้อมกรอบด้วยแพขนตางอนดกหนากะพริบถี่ดุจปีกผีเสื้อเตรียมโบยบิน ยามที่หล่อนเหลือบมองซี่กงที่เริ่มมีแสงลอดผ่านมากขึ้น นั่นคือหล่อนต้องยิ่งเร่งให้ถึงสวรรค์
หล่อนไล้ปลายนิ้วไปบนดอกเหมยกลีบบอบบาง หล่อนมองเห็นภาพในความทรงจำอีกแล้ว ครั้งนี้หล่อนแหงนศีรษะพาดอยู่ที่ถังไม้ สะโพกลอยเด่นจากฝ่ามือของสามีช้อนให้ลอยขึ้น สามียืนอยู่ในถังที่มีน้ำสูงครึ่งเอว ทว่าไม่สามารถปกปิดความยิ่งใหญ่ของจิ่นลี่ได้เลย
เขาแข็งแกร่งเหมาะสมแล้วกับตำแหน่งซือหม่า นายตำรวจที่ต้องลาดตระเวนไปตามชายแดน นั่นทำให้หล่อนกับเขาเพิ่งเข้าหอกันไม่นาน สามีก็ต้องกลับไปประจำการ นานหนจิ่นลี่ถึงจะกลับมาบ้าน และทุกครั้งที่กลับมา เขาก็ไม่เคยปล่อยให้หล่อนว่างเว้น
ทุกสถานที่ ทุกจุด ทุกครั้งที่ได้อยู่ร่วมกันสองต่อสอง สามีผู้แข็งแกร่งไม่เคยงดเว้นแทรกความแข็งแกร่งเข้ามาในดอกเหมยกลีบบางของหล่อน ตั้งแต่รุ่งสางจนตะวันลับลา จิ่นลี่สอดแทรกหล่อนครั้งแล้วครั้ง และที่หล่อนชอบมากสุด ก็คงเป็นตอนนี้
ภาพที่หล่อนเห็นจากจินตนาการคือหล่อนนอนหงายอ้าต้นขาทั้งสองข้างออกจากกันจนดอกเหมยเบ่งบานล่อแมลงมาดอมดมและไล้เลียหยาดน้ำหวานจนหมดจด และสามีก็ละเลงปลายลิ้นสู่ดอกเหมยงามตามที่หล่อนต้องการ
เจียวเหมยหลับตาพริ้มซึมซับเอาปลายลิ้นของสามีที่ตวัดเลียไล้กลีบดอกเหมยบางเบา ลิ้นของเขาช่างนุ่มนวลราวกับปุยเมฆที่ลอยผ่านไป ทว่ากลับให้ความเผ็ดร้อนกับดอกเหมยของหล่อนถูกปลูกอยู่ในไร่พริกขณะแสงแดดแผดเผา
ฝ่ามือของเขาขยำขยี้ซาลาเปาลูกโตของหล่อนอย่างไม่กลัวว่าจะแหลกคามือ ทุกที่ที่ฝ่ามือของสามีเคลื่อนผ่านไม่ต่างจากเปลวไฟที่โลมเลียหล่อนจนร้อนนอนนิ่งไม่ติดพื้น
“โอว... ท่านพี่... ท่านพี่... น้องเสียวเหลือเกิน... โอว... ซี้ด... เสียว... ซี้ด... ท่านพี่ขา...”
ยามปลายลิ้นเกลี่ยตวัดรัวเร็วที่ปลายยอดก่อนจะลงน้ำหนักย้ำเร็วและแรง หล่อนก็ดิ้นพล่านเพราะความเสียวนั้นกระจายจากเกสรดอกเหมยพุ่งวาบขึ้นสู่ใบหน้า ก่อนจะสว่างวาบไปทั้งร่างกาย
“โอว... ซี้ด... โอว... ท่านพี่... ท่านพี่...”
ในยามนี้หล่อนมองเห็นสายรุ้งที่พาดผ่านลงมา พร้อมๆ กับโพรงดอกเหมยที่ตอดตุบจนหยุดไม่อยู่ หล่อนบดเบียดหน้าขาเข้าหากันแน่น เพื่อหวังให้ความซ่านเสียวนั้นชลอลง
เมื่อความซ่านเสียวครั้งที่ 2 สิ้นสุด เจียวเหมยเหน็ดเหนื่อยเกินจะลุกไหว หล่อนยังนอนแช่อยู่ในถังไม้ครู่ใหญ่ จนน้ำหายอุ่น อากาศรอบกายเริ่มเย็น ร่างเปลือยจึงลุกจากถังน้ำโดยเร็ว
ฝ่าเท้าแตะพื้นกระดานเย็นเยียบจนเจียวเหมยสะดุ้ง ทว่ายังเย็นไม่เท่าหัวใจหล่อนขณะนี้ ร่างเปลือยรีบเดินตรงไปยังฉากกั้น คว้าเสื้อคลุมมาสวมอย่างเร็ว เพราะหล่อนละอายใจกับสิ่งที่ทำเหลือเกิน
‘นี่เราทำอะไรลงไป อาเหมยเจ้ามันไร้ยางอายที่สุด’
หยาดน้ำตาคล้ายจะเป็นเพื่อนในยามนี้ เจียวเหมยสะอื้น ละอายใจในสิ่งที่ตัวเองทำ หล่อนไร้ยางอาย ทว่าความไร้ยางอายนั้นมีที่มา
เจียวเหมยนึกไปถึงตั้งแต่ค่ำคืนแรกที่ได้ลิ้มรสชาติชายหญิง ลิ้มรสชาติความเสียวเป็นครั้งแรกในวัยสาว ความสุขครั้งแล้วครั้งเล่าที่สามีปรนเปรอให้ทำให้หล่อนสุขสุดยอด
นับตั้งแต่ค่ำคืนนั้นหล่อนก็อยากให้จิ่นลี่ทำกับหล่อนทั้งวันทั้งคืน เพราะเขาจุดติดไฟแห่งความร่านร้อนให้กับหล่อนแล้ว และไฟนี้ไม่มีทางจะดับได้เลย
