บทนำ : จุดเริ่มต้น
“ณิ! ณิ คุณอย่าเป็นอะไรนะ อย่าเพิ่งทิ้งผมไป”
ห้องดับจิตก้องสะท้านไปด้วยเสียงร่ำไห้ของชายหนุ่ม ‘ราพณ์’ ตระกองกอดร่างไร้ลมหายใจของแฟนสาวที่นอนสงบนิ่ง เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด หัวใจแหลกสลายคล้ายมันถูกปลิดจากขั้วไปพร้อมๆกับลมหายใจของเธอ...
‘นาฏณิชา’ ผู้หญิงที่เป็นดั่งหัวใจของอสุรา
“อยู่กับผมก่อนนะณิ อยู่กับผมก่อน... ผมสัญญาว่าจะไม่ทิ้งคุณไปไหนอีกแล้ว ผมจะไม่บ้างาน ผมจะกลับบ้านตรงเวลา ผม...” ลมหายใจของเขาสะดุดลงเมื่อนึกถึงสิ่งที่เจ้าของร่างเล็กบางเคยขอร้องเขาเอาไว้ในอดีต แต่เขาไม่เคยทำให้เธอได้เลย
เธอขอให้เขาเลิกแก้แค้น
“ผมไม่แก้แค้นแล้วก็ได้ คุณอยากให้ผมทำอะไรผมยอมทำทุกอย่าง ผมจะอยู่กับคุณ เป็นสามีที่ดีของคุณ เป็นพ่อที่ดีของลูก แต่คุณตื่นมาคุยกับผมได้มั้ยครับที่รัก นะ... ตื่นขึ้นมานะครับ”
เขายอมแล้ว ยอมทุกอย่าง ขอเพียงแค่เธอกลับมาอยู่กับเขา ขอแค่ให้เธอกลับมา เขาจะยอมทิ้งความแค้นที่สะสมมานานหลายปี จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เขาจะเป็นยักษ์ใจดีอย่างที่เธอต้องการ แต่ยักษ์หนุ่มรู้ดี ตอนนี้มันสายไปแล้ว
นาฏณิชาไม่มีวันกลับมา...
“ไอ้ยักษ์ แกปล่อยณิไปเถอะ” ‘เตชิต’ ผู้เป็นทั้งเพื่อนสนิทของราพณ์และเป็นตำรวจที่รับผิดชอบคดีอุบัติเหตุรถชนในครั้งนี้เอ่ย มือเย็นเฉียบแตะที่บ่าของชายหนุ่ม หากแต่มันกลับถูกปัดทิ้งไปอย่างไม่ไยดี
“ไม่!!!!! ฉันจะอยู่กับเมียฉัน!”
“ณิเค้าไปสบายแล้ว”
“เค้าจะไปสบายได้ยังไง!?” ตวาดเสียงกร้าว แววตาแตกร้าวอย่างคนใจสลายตวัดมอง “ในเมื่อที่ๆเค้าไปมันไม่มีฉัน ณิกับฉันไม่เคยแยกจากกัน ณิอยู่ไม่ได้หรอก... แกก็รู้ว่าณิขี้เหงา ถ้าเค้าตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นฉัน เดี๋ยวเค้าก็งอนฉันอีก เวลาณิงอนน่ะ มันง้อยากนะรู้มั้ย”
“ไอ้ยักษ์...”
“ลืมตาสิครับทูนหัว ยักษ์มาหาณิแล้วนะ ยักษ์อยู่ตรงนี้แล้ว”
น้ำเสียงร้าวรานเจ็บปวดอย่างคนไม่ยอมรับความจริงดังก้องทั่วห้องดับจิต เตชิตไม่อาจทนดูภาพสะเทือนใจตรงหน้าได้จึงเลี่ยงออกมาข้างนอก เขาเจอเข้ากับแพทย์ผู้รับเคสอุบัติเหตุพอดี นายแพทย์วัยกลางคนมีสีหน้าย่ำแย่คล้ายกำลังลำบากใจ
“สารวัตรครับ เชิญทางนี้หน่อยครับ” เตชิตเดินตามไปที่ห้องตรวจซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่สอบปากคำชั่วคราว เอกสารทางการรักษามากมายวางอยู่ตรงหน้า ซึ่งเขาเดาว่ามันน่าจะเกี่ยวกับคดีในครั้งนี้
“ตอนนี้คู่กรณีของผู้ตายได้สติแล้วครับ แต่ผมคิดว่าอาจจะยังไม่พร้อมให้ปากคำ”
“ครับ ผมเข้าใจ” สารวัตรหนุ่มพยักหน้ารับโดยไม่ลืมบันทึกข้อมูลลงไปในสมุดบันทึกประจำตัว “ถ้าคุณหมอเห็นว่าผู้เสียหายพร้อมให้การเมื่อไหร่ ขอให้แจ้งทางผมทันทีนะครับ ไม่ต้องเป็นเวลาราชการก็ได้”
“ครับ เอ่อ... ไม่ทราบว่าสารวัตรพอจะติดต่อญาติของผู้ตายได้มั้ยครับ ทางเราต้องแจ้งให้ทราบเรื่องผ่าชันสูตร”
“ญาติของคุณนาฏณิชาอยู่ต่างประเทศครับ แต่ผมติดต่อทางนั้นแล้ว คืนนี้คงบินกลับมากัน”
ท่าทีวิตกกังวลของนายแพทย์ทำให้เตชิตเริ่มสงสัย อีกฝ่ายเหมือนมีอะไรอยากจะบอกแต่ทว่ายังเก็บเงียบไว้
“อ่า ครับ ว่าแต่ผู้ชายที่อยู่ในห้องนั่น เกี่ยวข้องอะไรกับผู้ตายครับ”
“เขาเป็นคนรักของผู้ตายครับ ไม่ทราบว่าคุณหมอมีอะไรรึเปล่าครับ”
เมื่อถูกจี้ใจดำ คนแก่กว่าก็เริ่มลังเล
“ผมก็ไม่รู้ว่าควรพูดมั้ยนะครับ แต่ถ้าผ่าชันสูตรแล้วถึงอย่างไรก็คงต้องแจ้งให้ทราบ” ถ้อยคำของอีกฝ่ายทำให้เตชิตสังหรณ์ว่านั่นไม่ใช่ข่าวดีแน่ คุณหมอถอนหายใจออกมาอย่างข่มขื่น ดวงตาฉายแววสะเทือนใจ
“ผู้ตายตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วครับ”
