EP.1
"บทเรียกน้ำ"
ฉันอยากให้เขาสัมผัสทั้งร่าง อยากให้เขาดูดเลีย กลืนกิน อยากทุกอย่าง อยากอย่างง่ายดาย อยากได้สิ่งที่มากกว่านิ้ว
“อยากได้กี่ดอกครับ ผมจะจัดให้”
“อ้า... หลายๆ ดอก หลายๆ ดอก อ้า...”
“สิบดอกพอไหมครับ”
“อื้อ... เอาเยอะๆ”
“ยี่สิบดอก สามสิบดอก สี่สิบ...”
“ร้อยดอก! เอาร้อยดอก! โอย... เสียว... เอาเยอะๆ ดอก เอาเยอะๆ”
“เอาดอกใหญ่เลยนะครับ เอาทีเดียวเสียวไปถึงดวงจันทร์”
“เอา! เอา! ผัวขา... เมียเอา... เอาเมียเยอะๆ เมียอยากได้เยอะดอก อ๊ายยยยย... เอาดอกใหญ่ๆ ซี้ด... ใหญ่ๆ”
ฉันดิ้นพล่านพูดสิ่งที่ไม่ควรพูด แต่ฉันห้ามตัวเองไม่ได้เลย ฉันอยากได้ อยากได้ และตอนนี้ก็ยิ่งอยากได้ เมื่อนิ้วร้อนๆ นั้นจุ่มลงไปในร่องฉ่ำเยิ้มและลากนิ้วลื่นจากเมือกใสขึ้นมาเสียดสีที่รอยแยก ก่อนจะขยี้เบาๆ ที่ติ่งเสียว
ฉันชื่อ ‘หยาดพิรุณ’ ชื่อเล่นว่า ‘ฝน’ อายุ 24 ปี ฉันเป็นสาวสวย หุ่นดี ผมยาว สัดส่วน 36-24-36 เรียกได้ว่าหุ่นสะท้านใจชายเลยทีเดียว และในค่ำคืนวาเลนไทน์นี้ ใครๆ อีกหลายคนที่ฉันรู้จักและรู้จักฉัน ก็คงจะคาดเดากันไปต่างๆ นานาว่า ‘ดร.สันต์’ สามีสุดหล่อ หนุ่มใหญ่วัย 42 ปี ที่มีดีกรีเป็นถึงที่ปรึกษาด้านการเงินของบริษัทชั้นนำ คงจะมีของขวัญมีค่า หรือวางแผนทำเซอร์ไพรส์อะไรฉันเหมือนเช่นปีที่ผ่านๆ มาอย่างแน่นอน
อย่างปีที่แล้ว ซึ่งเป็นปีแรกที่เราแต่งงานกัน พี่สันต์เซอร์ไพรส์วาเลนไทน์ฉันด้วย เครื่องเพชรชุดกะทัดรัด เหมาะสำหรับใส่เล่นได้ทุกวัน
และเมื่อถึงวันครบรอบแต่งงาน พี่สันต์ก็มีแหวนเพชรเม็ดเป้งให้ฉันได้ใส่สลับกับแหวนแต่งงานบ้าง
ปีนี้ฉันก็คาดหวังว่าคงเซอร์ไพรส์หนักกว่าเดิม ฉันจึงทุ่มทุนเต็มที่
และก็ใช่... พี่สันต์มีบิ๊กเซอร์ไพรส์ให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะเซอร์ไพรส์เขาเสียอีก
ทั้งที่ฉันจ้างออแกไนเซอร์มาจัดเตรียมบรรยากาศริมสระว่ายน้ำในคฤหาสน์หรูของเราให้เป็นธีมแห่งความรัก ต้นไม้ทุกต้นในสวนล้วนออกดอกเป็นกุหลาบสีขาว แม้ว่ามันจะไม่ใช่ต้นกุหลาบก็ตาม แล้วกุหลาบขาวช่วงวาเลนไทน์ คุณว่าแพงไหมล่ะ แต่สำหรับผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน เรียกว่าฉันทุ่มไม่อั้นทีเดียว
ก็ไม่แปลกหรอกนะ ที่ฉันจะทำให้สามีมีความสุข เพราะอุปนิสัยของฉันก็คือขี้อ้อน ช่างฉอเลาะ ออเซาะอยู่แล้ว เพียงแต่ทุกอย่างจะถูกเก็บเป็นความลับไม่ให้พี่สันต์รู้ตัว ฉันแน่ใจว่าเขาต้องตื่นเต้นมากที่สุด
พี่สันต์จะกลับเข้าบ้านตอนราวๆ 3 ทุ่มของทุกวัน ฉันก็แค่ให้ทีมงานมาเตรียมสถานที่ไว้ในเวลากลางวันเท่านั้นแหละ กะว่าเมื่อพี่สันต์เดินเข้าบ้านมาเมื่อไร ฉันจะใส่ชุดสีขาวเหมือนเจ้าหญิง แต่อาจจะเป็นเจ้าหญิงที่ซีทรูสักหน่อย เพราะผ้าที่ตัดเย็บนั้นบางเฉียบและไร้ชุดชั้นใน
ฉันอยากให้พี่สันต์มองฉันแล้วชี้โด่อยากจะทิ่มแทงในทันที
ฉันวางแผนสั่งคนงานในบ้านทุกคนห้ามมาข้องแวะใกล้พื้นที่ เพราะฉันต้องการความเป็นส่วนตัวกับสามี ‘สองต่อสอง’
ฉันตั้งใจจะยืนอยู่ท่ามกลางสวนสลัว ซึ่งเมื่อดึงผ้าคลุมต้นไม้ออก และฉันปลดผ้าคลุมกาย ทุกอย่างก็จะขาวกระจ่างอยู่กลางความมืด
แน่นอน... ฉันคิดว่าพี่สันต์ต้องเซอร์ไพรส์มากมายถึงขนาดเรียกหาน้ำมะพร้าวอ่อนสัก 10 ลูก และแน่นอนอีกนั่นแหละที่ฉันเตรียมมันไว้พร้อมแล้ว
เพื่อค่ำคืนแห่งความรัก พี่สันต์และฉันจะได้ระเริงสุข เสพเซ็กซ์อบอวลไปด้วยความรัก ความใคร่ และความกระสันอยากในกันและกัน ไปตลอดทั้งค่ำคืน
ฉันจะตามใจพี่สันต์ทุกท่วงท่า จะทำทุกอย่างที่พี่สันต์ต้องการ แต่งงานกันมา 2 ปีแล้ว คงต้องเลิกเหนียมอายสักที
ก็ #วาเลนไทน์ ปีหนึ่งมีหนเดียว ฉันก็อยากได้อะไรแซ่บๆ บ้าง
พี่สันต์คงถามฉันว่า ‘บอกมา... อยากได้กี่ดอก’
และฉันจะตอบว่า ‘หลายๆ ดอกเลยค่ะผัวขา’
แต่แค่ฉันแวะเอาดอกไม้ช่อใหญ่และขนมหวานเจ้าอร่อยไปให้ ‘น้าปราง’ ที่บ้าน สิ่งที่ฉันคาดการณ์เอาไว้กลับผิดแผนไปหมด
น้าปรางเป็นน้องสาวแท้ๆ ของแม่ เป็นคนอุปการะเลี้ยงดูฉันตั้งแต่แม่เสีย และฉันได้เข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ก็เพราะน้าปราง
บ้านของน้าปรางอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับฉัน แค่ถัดไปอีกซอยหนึ่งเท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้วก็คือน้าปรางอยู่ในหมู่บ้านนี้มาก่อน แต่พอฉันแต่งงานกับพี่สันต์ พี่สันต์เลยตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้เพื่อเป็นเรือนหอของเรา โดยพี่สันต์บอกว่าฉันจะได้อยู่ใกล้ชิดน้าปรางเหมือนเดิม
น้าปรางมีบุญคุณท่วมหัวฉัน เพราะที่ได้พี่สันต์เป็นสามีก็มาจากที่น้าปรางแนะนำนั่นแหละ ไม่อย่างนั้นวงโคจรของฉันกับดอกเตอร์หนุ่มไฟแรงคงยากที่จะบรรจบ
น้าปรางทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทฯ ที่พี่สันต์ทำงานอยู่ และพี่สันต์ก็เป็นเพื่อนรุ่นน้องคนสนิทของสามีน้าปรางที่เสียไป จึงมีความสนิทสนมกับน้าปรางพอควร ฉันได้รู้จักพี่สันต์ตั้งแต่วันแรกที่ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ตอนนั้นพี่สันต์กำลังเรียนต่อดอกเตอร์ ส่วนฉันก็เพิ่งเรียนชั้น ปี 1
ช่วง 4 ปีที่เรียนระดับมหาวิทยาลัย ฉันได้เจอพี่สันต์บ้าง แต่ก็ไม่บ่อย น่าจะปีละ 1 ครั้งได้ มาบ่อยหน่อยก็ตอนที่ฉันเรียนจบแล้ว และก็บ่อยจนผิดสังเกต จนน้าปรางกระซิบบอกว่าเขาสนใจฉัน
ตอนนั้นบอกตามตรงว่าฉันก็แอบพอใจเขาอยู่เงียบๆ แต่เพราะคิดว่าดอกเตอร์อย่างเขาคงไม่มาสนใจเด็กเพิ่งเรียนจบอย่างฉันหรอก แต่ในวันรับปริญญาของฉัน พี่สันต์ก็เซอร์ไพรส์หนัก
เขาหอบกุหลาบขาวช่อโตไปร่วมแสดงความยินดี สายตาและรอยยิ้มของเขาก็แทรกลึกไปถึงหัวใจ
จากนั้นพี่สันต์ก็เช้าถึงเย็นถึงบ้านน้าปราง
แรกทีเดียวฉันอยากจะทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย แต่พี่สันต์แนะนำว่าให้ฉันเรียนต่อโท. อย่างเดียวและช่วยงานด้านเอกสารของพี่สันต์ ซึ่งพี่สันต์ก็ให้เงินเดือนฉันเหมือนว่าฉันเป็นเลขาส่วนตัว นั่นทำให้เรายิ่งใกล้ชิด แต่ก็ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่า ‘กอด-จูบ’
เราคบกันอยู่ในสายตาของน้าปรางร่วม 1 ปีเต็ม จนวาเลนไทน์ 2 ปีก่อน พี่สันต์ขอฉันแต่งงานและฉันก็ตอบตกลงทันที จากนั้นชีวิตฉันก็เหมือนเจ้าหญิง มีเงินใช้สอยได้อย่างเต็มที่ ได้ไปเที่ยวต่างประเทศ ได้มีชีวิตอิสระเฉกเช่นลูกคุณหนู นั่นจึงนับว่าน้าปรางมีบุญคุณกับฉันมากที่สุด เพราะถ้าไม่ได้น้าปราง ฉันคงไม่ได้มีโอกาสได้สามีหล่อ รวย และดีเว่อร์อย่างพี่สันต์แน่
ดังนั้นในค่ำคืนวาเลนไทน์ คนที่ฉันควรจะสร้างเซอร์ไพรส์ให้คงต้องมีน้าปรางอีกคน
