ตอนที่7 ระยะเริ่มสั้นลง3
ตอนที่7 ระยะเริ่มสั้นลง3
“นายจะกลับบ้านตอนนี้เลยไหมครับ” เสียงภัทรดังแทรกขึ้นทำลายสถานการณ์ตึงเครียด อิงฟ้าอาศัยจังหวะนี้เอาตัวเองให้รอด
“ฟ้าขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” พูดจบร่างบางก็เปิดประตูก้าวขึ้นรถและขับออกไปทันที
“เกือบไปแล้วไหมล่ะยัยฟ้า เกือบเหลือแต่ชื่อแล้วไหม ทีหลังแกอย่าทะเล่อทะล่าเข้าไปแบบนั้นอีก” เสียงเล็กบ่นให้ตัวเอง ขณะที่หัวใจยังเต้นแรงและเร็วไม่หายด้วยความตกใจและกลัว
ไม่รู้ว่าเธอขับรถออกมาถึงไหนเพียงแค่ขับไปเรื่อย ๆ เพราะในหัวยังคิดวนอยู่กับเรื่องที่เมกะพูด
‘หาอะไรอยู่ หาเจอหรือยัง’ คำพูดนี้วนเวียนอยู่ในหัว จนไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีรถขับตามเธอตั้งแต่ออกจากผับ
เอี๊ยด!!
รู้ตัวอีกทีก็เกือบขับเลยร้านโจ๊กเจ้าประจำที่แวะทานทุกคืนหลังเลิกงาน
ในรถ
“นายจะแวะไหมครับ” ภัทรเอ่ยถามคนเป็นนายและชะลอความเร็วรถลง
“กูยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เย็น” คำตอบที่ไม่ค่อยตรงคำถามสักเท่าไหร่ แต่ก็สามารถเข้าใจได้ดี ไม่รอช้าภัทรเปิดไฟเลี้ยวและหักพวงมาลัยเข้าจอดข้างทางทันที
“ร้านนี้น่าจะอร่อยนะครับ ดึกขนาดนี้คนยังนั่งทานกันเต็มทุกโต๊ะเลย” ร่างสูงยืนเด่นอยู่กลางร้าน มองไปยังโต๊ะที่อิงฟ้านั่งอยู่
“ขอโทษนะพ่อหนุ่มตอนนี้โต๊ะเต็มหมดเลย ถ้าไม่รังเกียจจะขอให้พ่อหนุ่มนั่งโต๊ะเดียวกันกับหนูฟ้าทางนั้นได้ไหม หรือจะซื้อกลับไปทานที่บ้านดี” ลุงแก่วัยหกสิบปลาย ๆ เอ่ยบอกน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน
ตึก ตึก ตึก พรึบ!
ร่างสูงสมส่วนเดินไปหย่อนสะโพกลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามอิงฟ้า ภัทรจึงหันกลับไปสั่งข้าวต้มให้คนเป็นนายและของตัวเองก่อนจะเดินตามหลังไป
“คุณเมกะกับพี่ภัทรก็มาแวะทานโจ๊กเหมือนกันเหรอคะ” อิงฟ้าทักทายและเริ่มบทสนทนาก่อน
“ฉันคงไม่แวะมานั่งเล่นเฉย ๆ” เสียงเรียบตอบกลับไป
“น้องฟ้าแวะทานร้านนี้บ่อยเหรอครับ คุณลุงเจ้าของร้านดูสนิทน่าดู”
“ค่ะ ฟ้าแวะเกือบทุกวันค่ะ แวะซื้อกลับไปฝากน้องสาวด้วยค่ะโจ๊กคุณลุงทำอร่อยมากค่ะ ทำจากข้าวโอ๊ตและข้าวไรต์เบอรี่หอมมะลิ มีกลิ่นหอมธรรมชาติของข้าวโดยที่ไม่ต้องปรุงอะไรเข้าไปเยอะ” ดูจากโจ๊กที่พร่องลงไปเกือบหมดถ้วยเป็นเครื่องยืนยันว่าที่พูดมาไม่เกินจริง
“ครับ ดูจากโจ๊กในถ้วยแล้วน่าจะอร่อยเหมือนที่บอกจริง ๆ”
“โจ๊กได้แล้วครับ ทานให้อร่อยนะครับทำงานมาเหนื่อย ๆ ถ้าไม่อิ่มขอลุงเพิ่มได้นะลูก” ถ้วยโจ๊กปลาและโจ๊กกุ้งส่งกลิ่นหอมกระตุ้นความหิวของคนที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เย็น ยกเว้นไวน์ราคาแพงที่ดื่มตอนที่คุยงานที่ปอยเปต
“ทานให้อร่อยนะคะ ฟ้าอิ่มแล้ว ฟ้าขอตัวกลับก่อน”
“เสียมารยาท” ร่างบางตั้งท่าจะลุกต้องหยุดชะงักและนั่งกลับลงตามเดิม คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน
“ขอโทษค่ะ” อิงฟ้าจำต้องนั่งรอจนมาเฟียทานเสร็จ
พรึ๊บ!
ร่างสูงสมส่วนลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะไม่บอกกล่าวหลังจากทานเสร็จ
“หึ” ทีตัวเองอิ่มแล้วลุกหนีหน้าตาเฉยไม่บอกไม่กล่าว พ่อคนมีมารยาท” อิงฟ้าบ่นออกมาอย่างลืมตัวว่าภัทรยังนั่งอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่สนใจแสดงออกทางสีหน้าว่าไม่ค่อยโอเคกับการกระทำของชายหนุ่มสักเท่าไหร่
“เรากลับกันเถอะครับ”
“ค่ะ ถ้างั้นฟ้าขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” ร่างบางบนรองเท้าส้นสูงเดินผ่านรถยนต์คันหรูไปยังรถของเธอที่อยู่ถัดไป
“นายจะไปที่ไหนต่อไหมครับ จะตามเธอไปไหม” ภัทรเอ่ยถามเมื่อขึ้นมานั่งตรงตำแหน่งคนขับเรียบร้อยแล้ว และสังเกตเห็นคนเป็นนายนั่งมองรถของหญิงสาวผ่านกระจกมองหลัง ยังไม่ละสายตาแม้ตอนที่รถขับแซงออกไป
“เดี๋ยวนี้มึงชอบถามคำถามสิ้นคิดนะ”
ภัทรไม่พูดต่อเหยียบคันเร่งและขับตามหลังรถของอิงฟ้าโดยรักษาระยะห่างพอสมควร
ปิ๊บ! ปิ๊บ! ปิ๊บ!
เสียงสัญญาณไฟเลี้ยวดังขึ้นเมื่อรถวิ่งมาถึงทางแยก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเพราะทางกลับบ้านของมาเฟียหนุ่มนั้นต้องขับตรงไป
“มึงจะเลี้ยวไปไหน” เสียงเรียบเอ่ยถามทันที
“นายจะให้ขับตามอิงฟ้าไปไม่ใช่เหรอครับ ก่อนหน้านั้นผมเห็นนายมองรถของอิงฟ้าตลอดเวลา”
“กูควรให้ไอ้เจมาทำงานแทนมึงนะช่วงนี้”
“เริ่มวันไหนครับ พรุ่งนี้เลยไหมครับผมจะได้แจ้งไอ้เจมัน วันนี้มันก็ทำงานได้ดีเลยนะครับ เห็นการ์ดบอกว่ามันจับลูกท่านรัฐมนตรีโยนออกนอกผับ” ภัทรยังถามกลับไม่สะทกสะท้านว่าตัวเองจะตกงาน หรือโดนพักงานตามคำพูดของคนเป็นนาย
“เลี้ยวรถกลับ” เสียงแข็งออกคำสั่ง ร่างกายเหนื่อยล้าเกินจะต่อปากต่อคำ ปิดเปลือกตาลง ภายในรถตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงเปิดสัญญาณไฟดังขึ้นเป็นระยะ ใช้เวลาขับรถประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงคฤหาสน์ของมาเฟียหนุ่ม
“ถึงแล้วครับนาย” เปลือกตาที่หนักอึ้งเปิดขึ้นอีกครั้งหลังจากงีบหลับไปเพียงไม่กี่นาที เท้ายาวพาร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการทำงานและจากการเดินทางหลายชั่วโมงเดินขึ้นห้องไป ตามมาด้วยมือขวาคนสนิทที่เหนื่อยล้าไม่ต่างจากคนเป็นนาย
“นายจะเข้านอนเลยหรือเคลียร์งานต่อครับ” เมื่อเดินขึ้นมาถึงชั้นสองภัทรเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ
“นอน มึงเองก็ไปนอนได้แล้ววันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน พรุ่งนี้ไม่มีงานเช้าตื่นสายหน่อยก็ได้” จบบทสนทนาทั้งสองก็แยกย้ายไปพักผ่อน
เมกะ
ตุ๊ด… ตุ๊ด…
หลังจากอาบน้ำเสร็จก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหามือซ้ายคนสนิท หลังจากมีบางเรื่องรบกวนสมาธิของเขามาตั้งแต่หลายชั่วโมงก่อน
‘ครับนาย’ เจตอบกลับมาตามสาย
‘คนของเราที่ส่งไปสืบข่าวได้เรื่องหรือยัง’
‘ยังเลยครับนาย ทางนั้นทุกอย่างยังปกติดีครับ ไม่มีวี่แววหรืออะไรที่จะให้เรารู้เลยว่าคนที่ฝั่งนี้ส่งไปคือใคร ลูกน้องและคนสนิทของเสี่ยทรงพลเองก็ไม่เคยมีใครพูดถึงเหมือนกันครับ’
‘ให้คนของเราจับตาดูให้ดี สายที่ทางนั้นส่งมาอาจจะเป็นคนที่เราคาดไม่ถึง’
‘ครับนาย’
หลายวันต่อมา
อิงฟ้ายังทำงานเป็นเด็กชงเหล้าโซนห้อง VIP ชั้น2 ตามปกติเช่นทุกวัน หลังจากทำงานเสร็จก็ถึงเวลากลับบ้าน
ลานจอดรถ
“วันนี้อากาศเย็นสบายจัง” ลมอ่อนพัดความเย็นมากระทบผิวกายขณะที่อิงฟ้าลดกระจกลงเพื่อรับความเย็นให้กระทบใบหน้าเพื่อให้ตื่นตัวตลอดเวลาอย่างที่เธอชอบทำขณะขับรถกลับบ้านดึก ๆ
ครืด ครืด ครืด
โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายใบเล็กสั่นเมื่อมีสายเรียกเข้า มือเล็กควานหาก่อนจะหยิบขึ้นมากดรับสาย
‘ค่ะ’
‘งานคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ทำไมเธอถึงเงียบไปไม่ส่งข้อมูลอะไรให้ฉันเลย’
‘ฉันกำลังพยายามหาข้อมูลอยู่ คนของที่นี่ยืนรักษาความเรียบร้อยตลอดไม่มีโอกาสที่ฉันจะเข้าไปชั้นใต้ดินเลย’
‘ยังไงเธอก็ต้องพยายามเข้าไปให้ได้ ฉันแค่ต้องการหลักฐานว่าที่ผับของไอ้เมกะนั้นเปิดบ่อนการพนันผิดกฎหมาย’
‘ฉันจะรีบหาข้อมูลให้เร็วที่สุด ฉันเองก็อยากไปจากที่นี่เร็วเหมือนกันค่ะ แค่นี้นะคะถ้าไม่จำเป็นอย่าโทรมาหาฉันอีก ถ้าได้ข้อมูลเพิ่มเติมฉันจะเป็นคนติดต่อไปเอง’ พูดจบก็กดตัดสายโบนโทรศัพท์มือถือไปเบาะข้างคนขับ เปลือกตาทั้งสองข้างปิดลงขณะที่คิ้วเรียวได้รูปยังผูกเข้าหากัน บ่งบอกว่าเธอนั้นกำลังคิดหนัก ถ้าอิงฟ้าเป็นคนช่างสังเกตจะรู้ว่ารถยนต์คันหรูที่จอดอยู่โซน VIP ไม่ห่างจากรถของเธอมากนักนั้นสตาร์ตเครื่องติดอยู่
พรึบ! ปั้ง!
ร่างสูงลงจากรถและปิดประตูดังปั้งเมื่อรถของหญิงสาวเคลื่อนตัวออกไป สีหน้าของเมกะตอนนี้บ่งบอกว่าเขากำลังหงุดหงิดกับอะไรสักอย่าง การ์ดที่ยืนดูแลความเรียบร้อยอยู่บริเวณนั้นต่างพากันรีบก้มหน้างุดเมื่อเมกะเดินผ่านหน้าไป
