ตอนที่ 4 จำที่พูดได้ไหม
หลังจากเสียงอาจารย์พูดปิดท้ายว่า “โอเค กลุ่มนี้ทำได้ดี” ทุกคนก็ถอนหายใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก
แจงรีบหันมามองเพื่อน ๆ “เฮ้ย ไหน ๆ ก็ผ่านแล้ว วันนี้กูขอเสนอ…ไปฉลองกันหน่อยมั้ยวะ คืนนี้!”
เอาดิ!” เบสยกมือขึ้นอย่าง “จะได้ปลดปล่อยหน่อย”
น้ำหนึ่งหัวเราะพลางเก็บแฟ้มเข้ากระเป๋า “ก็จริงนะ พรุ่งนี้ก็วันเสาร์ ไปก็ได้ กูโอเค”
แล้วแจงก็หันไปเลิกคิ้วใส่อคิณ
“แล้วมึงอ่ะ คิณ จะไปปะ หรือจะกลับไปนอนซึมอยู่ห้องคนเดียว”
ดวงตาคมเข้มเหลือบไปที่น้ำหนึ่งแวบหนึ่งก่อนตอบ
“ไปดิ…อยู่ห้องก็เบื่อ”
“งั้นคืนนี้กูขอแดกแบบไม่ออมแรง” น้ำเสียงของแจงเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี “ไม่ต้องรีบตื่น พรุ่งนี้วันเสาร์”
“เออ ๆ กูไปเต็มที่แน่ มึงอย่าเบี้ยวก็แล้วกันแจง” เบสกำชับเพื่อน
น้ำหนึ่งพยักหน้าตามยิ้ม ๆ แต่พอหันไปเจอสายตาของอคิณที่ยังคงมองเธออยู่ ก็ทำหัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล จนต้องรีบก้มลงเก็บของกลบเกลื่อน
อคิณเพียงกระตุกยิ้มมุมปากเล็ก ๆ เหมือนไม่ได้ใส่ใจ แต่คืนนี้…มันจะไม่ได้มีแค่เรื่องฉลองธรรมดาแน่นอน
“กูมารับทุ่มนึงนะ”
เสียงของอคิณดังขึ้น เมื่อรถมาจอดหน้าคอนโดของน้ำหนึ่ง ขณะที่ใบหน้าสวยทำเพียงพยักขึ้นลงเพื่อบอกว่ารับรู้ แล้วเปิดประตูลงจากรถ จากนั้นก็เดินเข้าคอนโดของตนเอง
ทันทีที่ประตูห้องปิดลง เธอก็พุ่งตรงเข้าห้องน้ำ รีบอาบน้ำชำระร่างกาย เสร็จแล้วก็มามายืนหน้าตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกชุดที่จะใส่ไปเที่ยวคืนนี้
น้ำหนึ่งหยิบชุดโน้นชุดนี้ออกมาลองอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เลือกเป็นเดรสสายเดี่ยวสีแดงสด ผ่าข้างนิด ๆ ความยาวเหนือเข่า เนื้อผ้าพริ้วบางเบา รับกับรูปร่างกำลังดี ไม่โป๊เกิน แต่ก็เซ็กซี่พอให้คนมองกลืนน้ำลาย รองเท้าผ้าใบสีขาวคู่โปรดถูกสวมเพิ่มความน่ารักซน ๆ เข้ากับวัย
เมื่อเข็มนาฬิกาชี้ตรง หนึ่งทุ่มเป๊ะ เธอก็รีบคว้ากระเป๋าสะพายใบเล็ก เดินลงไปยังด้านหน้าหอที่อคิณจอดรถรออยู่แล้ว
อคิณยืนรออยู่ด้านนอก ร่างสูงเอนพิงตัวรถ แต่ทันทีที่สายตาคมเหลือบไปเห็นร่างบางเดินออกมา แววตาก็เปลี่ยนไปทันที คิ้วเข้มขมวดแน่นอย่างหงุดหงิด
“เชี่ย…มึงใส่อะไรมาวะน้ำหนึ่ง” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างอดกลั้นไม่ไหว
น้ำหนึ่งชะงักเท้า แล้วก้มมองชุดตัวเอง
“ทำไมวะ ไม่สวยเหรอ”
อคิณปรายตามองเพื่อนตัวเล็กตั้งแต่หัวจรดเท้า
โคตรสวย
แต่ปัญหาคือเขาไม่อยากให้ใครเห็น
“มัน…สวยเกินไป” เขาตอบ
“แล้วมันผิดตรงไหน”
ลมหายใจถูกพ่นออกมาแรง ๆ พลางเอื้อมมือไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้
“ผิดตรงที่แม่งทำกูอยากพามึงไปที่อื่นมากกว่าไปแดกเหล้ากับเพื่อน เข้าใจมั้ย”
คนอยากได้คำตอบชะงักค้าง หน้าเริ่มร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ จึงรีบเบือนหน้าหนีขึ้นรถโดยไม่ตอบอะไร
นัยน์ตาคมเข้มเหลือบมอง พอเห็นแก้มแดง ๆ ของเพื่อนตัวแสบก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปากทันที ก่อนจะขึ้นประจำตำแหน่งคนขับ แล้วออกรถพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ร้านเหล้าที่เต็มไปด้วยนักศึกษากลุ่มใหญ่ ทำให้บรรยากาศคึกคักตั้งแต่ก้าวแรกที่พวกเขาเดินเข้าไป
“โต๊ะนั้นว่างพอดี ไป ๆ” แจงโบกมือเรียกก่อนลากเบสไปนั่ง ส่วนอคิณก็เดินตามมาพร้อมน้ำหนึ่ง
ทันทีที่ร่างบางนั่งลงบนเก้าอี้สูง เดรสสั้นก็ร่นขึ้น เผยเรียวขาขาวให้สะดุดตา อคิณหันมามองแล้วคิ้วขมวด ก่อนจะเอาเสื้อนอกที่ตัวเองพกติดมือโยนวางบนตักเธอ
“ทำไมวะ” น้ำหนึ่งเงยหน้าถามงง ๆ
“มึงนั่งดี ๆ ดิ๊ ไม่ต้องโชว์ใคร” อคิณก้มลงกระซิบ เสียงทุ้มต่ำติดหงุดหงิดจนเกินพอดี
พนักงานยกเครื่องดื่มรสเข้มมาเสิร์ฟ แจงกับเบสยกแก้วชนกันเสียงดัง กรี๊ดกร๊าดหัวเราะกันไม่หยุด น้ำหนึ่งเองก็ยกแก้วขึ้นจิบ แต่ยังไม่ทันจะได้ดื่ม อคิณก็คว้าแก้วออกไปเสียก่อน
“เฮ้ย! ของกูนะ” คนตัวเล็กแหวเสียงใส่
“มึงกินแต่น้ำหวานพอ” เขาวางแก้วเหล้าของเธอไว้ข้างแก้วตัวเองหน้าตาเฉย ก่อนจะยื่นแก้วน้ำส้มให้แทน “เอานี่”
“ให้กูมานั่งแดกน้ำส้มในร้านเหล้าเนี่ยนะ?”
อคิณโน้มตัวเข้ามาใกล้ จนเธอได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากเสื้อเชิ้ตของเขา
“กูไม่อยากให้มึงเมา…เพราะกูจะเป็นคนเดียวที่ได้เห็นมึงหน้าแดงแบบวันก่อน”
หัวใจดวงน้อยกระตุกแรงทันที สายตาคมของเขาที่จ้องมามันเหมือนเปลวไฟที่กำลังเผาไหม้ให้เธอร้อนผ่าวทั้งตัว
ด้านแจงกับเบสที่เริ่มเมาก็หันมาโวยวาย “ไอ้คิณ มึงจะคุมไรหนึ่งมันนักหนาวะ ปล่อยให้มันสนุกบ้างดิ”
อคิณเหลือบตามองเพื่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่จับมือน้ำหนึ่งเอาไว้ใต้โต๊ะอย่างแน่นหนา นิ้วโป้งลูบไปตามหลังมือบางแผ่วเบา
น้ำหนึ่งเลยได้แต่นั่งนิ่ง ใจเต้นตึกตัก แต่ก็ยังทำเป็นปากเก่ง “กูไม่ได้เป็นของมึงนะคิณ”
“หึ…แล้วมึงอยากเป็นไหมล่ะ” เขาถาม “จำที่พูดได้ไหม ว่าครั้งต่อไปจะให้กูเข้าไปในตัวมึง”
ดวงตาคมกริบจ้องมองคนข้างกาย เหมือนจะย้ำสิทธิ์บางอย่างที่ยังไม่ถูกเอ่ยออกมา
เสียงดนตรีในร้านดังขึ้นเรื่อย ๆ แจงกับเบสลุกขึ้นเต้นโยกตัวอยู่ด้านหน้าเวที น้ำหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะคนเดียวเพราะอคิณไปเข้าห้องน้ำ สายตากวาดตามองเพื่อนอย่างขำ ๆ พลางยกแก้วน้ำส้มขึ้นจิบ
“นั่งคนเดียวเหงาไหมครับ” เสียงทุ้มของผู้ชายแปลกหน้าดังขึ้น ใบหน้าสวยเงยขึ้นมอง เขาถือแก้วเหล้าในมือ ยกยิ้มพร้อมกับเอียงแก้วเล็กน้อย “ขอชนหน่อยสิ”
เธอหลุบมองแก้วตัวเองที่มีแต่น้ำส้ม ก่อนสายตาจะเหลือบไปเจอแก้วเหล้าที่อคิณเอาไปเก็บไว้ ลังเลนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็คว้าแก้วนั้นขึ้นมา
“ก็ได้”
แก้วสองใบกระทบกัน น้ำหนึ่งยกขึ้นดื่มอึกเล็ก ๆ พร้อมรอยยิ้ม แต่ไม่ทันไร แผ่นหลังเธอก็ถูกโอบด้วยแขนแกร่งอย่างแรงจนสะดุ้งเฮือก
“...”
อคิณยืนอยู่ข้างหลัง แววตาคมกริบที่ส่งมาทางผู้ชายคนนั้น เหมือนเป็นคำเตือนโดยไม่ต้องใช้คำพูดอะไรด้วยซ้ำ
ผู้ชายแปลกหน้าหัวเราะแห้ง ยกมือเกาศีรษะ “อ๋อ…แฟนเหรอครับ ขอโทษที” พูดจบก็รีบเดินกลับโต๊ะไปทันที
น้ำหนึ่งหน้าเจื่อน รีบวางแก้วลง แต่ยังไม่ทันจะอธิบาย อคิณก็ดึงเธอลุกขึ้นเต็มแรง
“คิณ…เดี๋ยวสิ กู...”
“กลับ”
เขาพูดแค่คำเดียว เสียงทุ้มต่ำห้วนจัด ไม่มีที่ให้ต่อรอง
เธอชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเห็นว่าเขาหันไปบอกเบสกับแจงที่กำลังเต้นอยู่ “กูกลับก่อน ดูกันเองด้วย”
จากนั้นก็คนตัวโตก็ลากเธอออกจากร้านโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อนเลยแม้แต่นิด ฝ่ามือหนาจับที่ข้อมือเธอจนเจ็บ ร่างเล็กกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามแรงดึงและก้าวยาว ๆ ของเขา
ประตูรถถูกเปิดออกแบบไม่อ่อนโยนเท่าไหร่ อคิณกดให้เพื่อนรักนั่งลง แล้วปิดประตู ปัง! ก่อนจะเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ ก้าวขึ้นรถอย่างหัวเสีย
ตลอดทางเงียบสนิท มีเพียงเสียงเครื่องยนต์กับเสียงหัวใจของน้ำหนึ่งที่เต้นแรงจนแทบหลุดออกมา เธอรู้สึกไม่สบายใจ ไม่กล้าเอ่ยอะไร แต่ก็อดไม่ไหวจนต้องเอ่ยถาม
“มึงโกรธกูเหรอ…”
อคิณไม่ตอบ เขาขับรถไปเรื่อย ๆ สายตาจับจ้องถนนตรงหน้าแต่กรามขบแน่นชัดเจน
น้ำหนึ่งกำมือแน่นบนตัก รู้สึกทั้งเกร็งทั้งอึดอัด แต่ลึก ๆ กลับรับรู้ได้ว่า ที่เขาโกรธ…มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แล้ว
///////////////////////////////////////////////////////
