บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 พี่ชายปริศนา

จางหลินจูเดินห่างออกมาจากเพิงพักเรื่อย ๆ ภายในใจครุ่นคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่าง ๆ นานา เพราะไม่รู้ว่าต่อจากนี้ควรใช้ชีวิตอย่างไร ดูเหมือนว่าในโลกอีกด้าน ครอบครัวของจางหลินจูคงไม่หลงเหลือใครอีกแล้ว

เพียงคะนึงถึง ภาพครอบครัวแสนอบอุ่นก็ฉายซ้ำไปมาตอกย้ำความเจ็บปวด กระบอกตาคู่งามร้อนรื้นแดงก่ำ ดวงตากลมโตเริ่มเกิดม่านน้ำตาเสียจนภาพเบื้องหน้าพร่าเบลอ จางหลินจูพยายามกล้ำกลืนก้อนสะอื้นกลางลำคอลงไปด้วยความยากลำบาก จากนั้นก็ยกมือขึ้นซับน้ำตาซึ่งร่วงเผาะลงมาเมื่อใดก็สุดจะรู้

คุณพ่อคุณแม่คะ ไม่ต้องห่วงจูเอ๋อร์นะคะ ลูกสัญญาจะใช้ชีวิตนับจากนี้ให้ดี

“โอ๊ย!”

“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือบ้างหรือไง”

“ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจ”

จางหลินจูไม่ทันระวัง มุ่งหน้าโดยไร้ทิศด้วยจิตใจเหม่อลอย เป็นเหตุให้ชนกับบุรุษร่างกำยำเข้าโครมใหญ่

อีกฝ่ายชักสีหน้าไม่สบอารมณ์ ทว่าเมื่อเขาสำรวจเรือนร่างและใบหน้าของจางหลินจู ภายในใจก็ผุดความคิดสกปรก น้ำเสียงแข็งกระด้างพลิกกลับเดี๋ยวนั้น

“แม่นางน้อย ข้าไม่ถือสา ว่าแต่เจ้าจะไปที่ใดหรือ”

จางหลินจูผงะเมื่อนางประสานเข้ากับแววตาหยาดเยิ้มแฝงไปด้วยความหยาบโลนแทะโลมอย่างปิดไม่มิด เท้าเล็กถอยร่นไปเบื้องหลังอย่างระแวดระวัง

เสียงใสกล่าวอ้อมแอ้ม “ขะ…ข้ากำลังจะเข้าไปในตัวเมืองเจ้าค่ะ พอดีแม่ข้าป่วยต้องการหมอ”

“อ่า…พอดีเลย ข้าเองก็เป็นหมอ งั้นให้ข้าไปเรือนเจ้าด้วยดีหรือไม่”

สำรวจจากรูปพรรณสัณฐาน จางหลินจูทราบในทันทีว่าคนผู้นี้ไม่ใช่หมอ และเขาอาจเป็นชายโรคจิต จางหลินจูข่มใจไม่ให้กระโตกกระตาก พยายามคิดหาหนทางเพื่อเอาตัวรอด ทว่าอีกฝ่ายยังคงเยื้องย่างใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จางหลินจูก็ถอยไปเบื้องหลังช้า ๆ เช่นเดียวกัน

“อ๊ะ!”

เพราะคนเราไร้ตาหลัง จางหลินจูจึงไม่เห็นว่ามีหินก้อนหนึ่งขวางอยู่ ร่างระหงล้มลงบนพื้นเย็นเยียบ บุรุษแปลกหน้าฉีกยิ้มกว้างชอบใจ เอ่ยเสียงแปร่ง “แม่นางน้อย เจ็บที่ใด ให้ข้าช่วยดูหรือไม่”

ร่างกำยำยอบกายลงด้วยแววตาหื่นกระหาย พร้อมยื่นมือหยาบระคายออกมาหวังสัมผัสปลายคางโค้งมน จางหลินจูหวาดผวาจนกายสั่นสะท้าน ทว่าก่อนที่เขาจะสัมผัสถึงตัว จางหลินจูก็ลอบกำผงธุลีไว้เต็มฝ่ามือแล้ว ครั้นสบโอกาสมือเรียวก็ซัดฝุ่นผงเข้าเบ้าตาอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล

“โอ๊ย! นังเด็กบ้าเจ้าอยากตายรึ”

จางหลินจูเล็งเห็นจังหวะเหมาะ ร่างระหงลุกวิ่งไม่คิดชีวิต คาดไม่ถึงว่าจางหลินจูวิ่งไปไม่ทันไรก็ถูกชายฉกรรจ์อีกสองคนขวางทางเอาไว้ จางหลินจูพยายามเบี่ยงกายหลีกหนีพวกเขาแต่ก็ถูกตีกรอบเสียจนหนทางเอาตัวรอดแคบลงเรื่อย ๆ

“สาวน้อย จะหนีไปไหน ต้องการหมอไม่ใช่หรือ พวกข้าช่วยฝังเข็มให้เจ้าและแม่ของเจ้าดีหรือไม่”

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกคนชั่วช้าหมายความเช่นไร “ถอยไปนะ คนสารเลว!”

“ฮ่า ฮ่า สตรีไม่ได้ชอบคนสารเลวหรอกหรือ” แววตาของชายทั้งสองลามเลียจางหลินจูตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

ขาเรียวยังคงก้าวถอยหลังด้วยอาการหวาดกลัว สมองตริตรองเพื่อเอาตัวรอดอีกครั้ง ทว่าเหลือบมองทางใดก็พบเพียงความริบหรี่ จางหลินจูเป็นสตรีตัวเล็ก ๆ กำลังเผชิญหน้ากับบุรุษตัวโตถึงสามคน นางจะตีฝ่าออกไปได้อย่างไร ไม่นานแผ่นหลังบางก็ปะทะเข้ากับบางอย่างด้านหลัง ไหล่แคบถูกคว้าหมับจนตัวชา

“ตัวแสบ เจ้าเกือบทำข้าตาบอด เจ้ามันสมควรโดน!”

อั๊ก!

ชายหยาบช้าชกจางหลินจูบริเวณท้อง ร่างระหงตัวงอหน้าแดงก่ำ จางหลินจูเจ็บจุกจนพูดไม่ออก ดูเหมือนโอกาสเกิดใหม่ครั้งนี้ไม่สวยหรูเอาเสียเลย

คุณพ่อคุณแม่คะ ช่วยจูเอ๋อร์ด้วย!

จางหลินจูทรุดฮวบนอนกลิ้งลงบนพื้น เสียงหัวเราะของบุรุษดังก้องเสียจนหูอื้ออึง ร่างระหงตะเกียกตะกายเพื่อหาทางเอาตัวรอดพลางเรียกหาบิดามารดาอยู่ในใจ แต่ดูเหมือนเสียงยังดังไม่พอ และคงไปไม่ถึงผู้มีพระคุณทั้งสองเสียแล้ว

ฮื่อ…จูเอ๋อร์ขอโทษ

ก่อนถูกชายเหล่านั้นยกกายพาดบ่า เสียงควบม้าก็ดังสะท้อนใกล้เข้ามา จางหลินจูรับรู้ด้วยสติที่หลงเหลือเพียงน้อยนิด

“พวกเจ้ากำลังทำอะไร หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

ชายทั้งสามแตกตื่น ครั้นภาพที่ปรากฏกลับเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดควบม้าเข้ามาพร้อมดาบไม้ในมือเท่านั้น จึงเหยียดยิ้มดูถูก เด็กน้อยปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมยังกล้าจองหองใส่พวกเขา

“เจ้าเด็กนี่แส่หาเรื่องจริง ๆ ไสหัวไป!”

เสียงที่แตกหนุ่มเอ่ยเยียบเย็น “พวกเจ้านั่นล่ะ ที่ต้องไสหัวไป กล้ารังแกกระทั่งเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ งั้นหรือ”

“แล้วอย่างไร นังเด็กนี่เป็นทาสของข้า ข้าซื้อมันมาด้วยเงินของข้าเอง ข้ามีสิทธิ์ทำอย่างไรก็ได้ เจ้าอย่าสอดดีกว่า หากยังอยากมีชีวิตถึงวันพรุ่งนี้”

เด็กหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่ง เขาเหลือบมองสีหน้าแดงก่ำของสตรีเบื้องล่าง เพราะจางหลินจูพูดไม่ออกยังอยู่ในอาการเจ็บระบม นางทำได้เพียงส่ายศีรษะเพื่อเป็นสัญญาณให้เขา

เด็กหนุ่มเวทนาจางหลินจูอย่างมาก เมื่อได้รับคำตอบที่แน่ชัด เขาก็ทราบได้ทันทีว่าชายสามคนนี้กำลังแอบอ้างเป็นเจ้านายของนาง “โกหก! เจ้าทำร้ายผู้อื่น ซ้ำยังคิดกระทำมิดีกับเด็กผู้หญิง ข้าจะนำตัวเจ้าไปส่งทางการ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

บุรุษทั้งสามประสานเสียงหัวเราะร่วน พลางถ่มน้ำลายอย่างเถื่อนถ่อย

“ตัวเท่าลูกสุนัข ยังคิดจะจับพวกข้า”

เด็กชายแค่นยิ้ม “ได้หรือไม่ก็ลองดู อีกอย่างคนที่เป็นสุนัขคือพวกเจ้า หนำซ้ำยังขี้เรื้อนเสียด้วย หากคิดแตะต้องตัวนางก็ข้ามศพข้าไปก่อน!”

จางหลินจูได้ยินประโยคเมื่อครู่ก็แทบหลั่งน้ำตา คนผู้นี้คือใครกัน ช่างคุณธรรมสูงส่งนัก ในชีวิตที่ผ่านมานอกจากพ่อแม่แล้ว ยังไม่เคยมีใครกล้าเอ่ยคำนี้กับนางด้วยความจริงใจสักคน

พี่ชาย ขอบคุณเจ้าค่ะ

จางหลินจูปรับม่านดวงตาเพื่อสำรวจใบหน้าของเขา ทว่านางกลับมองเห็นเพียงภาพอันเลือนราง เสียงกีบเท้าม้าห้อทะยานวิ่งวนเป็นวงกลมเสียจนฝุ่นตลบ

จางหลินจูสัมผัสได้ถึงการต่อสู้อย่างบ้าระห่ำ แต่ยามนี้นางไม่อาจครองสติได้แล้ว ร่างกายของนางอ่อนแอเกินไป

พี่ชาย ท่านต้องปลอดภัยนะเจ้าคะ

สติของจางหลินจูพลันดับวูบ พร้อมกับชายทั้งสามที่หมอบราบลงบนพื้น สิ้นสงครามขนาดย่อมไม่นาน ก็มีกลุ่มคนกรูเข้ามาด้วยสีหน้าแตกตื่น

“นายน้อย! ท่านเป็นอันใดหรือไม่”

บุรุษร่างสูงสวมเครื่องแต่งกายสีเข้มถลาเข้ามาบังหน้าหวังปกป้องผู้เป็นนาย นัยน์ตาคมเข้มกวาดมองคู่กรณีจากนั้นย้ายสายตามาที่หนุ่มหน้าวสันต์ เมื่อประเมินสถานการณ์อย่างถ้วนถี่กลับพบว่ายามนี้นายน้อยของเขายังคงสะอาดสะอ้านครบสามสิบสอง ไม่เหมือนชายร่างยักษ์ทั้งสามที่ลงไปนอนโอดครวญบนพื้นด้วยร่างกายสะบักสะบอม เขาตื่นตูมเกินไปหน่อยแล้ว

“ข้าไม่เป็นไร คนพวกนี้เอาไปส่งทางการให้หมด อ้อ…ตามหมอมาด้วยเล่า”

องครักษ์เกิดแตกตื่น “นายน้อย ท่านได้รับบาดเจ็บงั้นหรือ”

เด็กหนุ่มส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ข้า แต่เป็นนาง”

องครักษ์มองตามสายตาของผู้เป็นนายก็เข้าใจทุกอย่างในบัดดล

“พวกเจ้า ลากคอมันไป เร่งตามหมอมาด่วน!”

“ขอรับ”

ชายทั้งสามถูกลากตัวไปเป็นที่เรียบร้อย เด็กหนุ่มร่างโปร่งกระโจนลงจากหลังม้า เขายอบกายลงแช่มช้า กวาดสายตาสำรวจใบหน้าพริ้มเพราครู่หนึ่ง กระทั่งไปสะดุดตากับหยกแขวนบนลำคอของนาง

“สร้อยนี่มีมูลค่ามากทีเดียว คุณหนูบ้านใดกันเล่า ไยมาเดินเตร็ดเตร่คนเดียวที่นี่”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel