บท
ตั้งค่า

เจียวซินกับ "ตั้งสติ ตั้งสติ"

“ท่านอ๋อง ทานขนมไหมเพคะ อร่อยนะเพคะ” เจียวซินยื่นขนมที่ซื้อมาจากตลาดไปรงหน้าเฟยเทียน หลังจากขึ้นมาบนรถม้าเจียวซินก็เปลี่ยนมาพูดคำราชาศัพท์เหมือนเดิม

“อร่อยเจ้าก็ทานเถิด เจ้าให้ข้าชิม หากข้าติดใจขึ้นมาคงไม่เหลือถึงท้องเจ้า” เจียวซินชะงักกับคำพูดของท่านอ๋อง

หากท่านอ๋องติดใจสิ่งใดจะทานไม่ให้เหลือเลยงั้นหรือ ท่านอ๋องคงหมายถึงของ ที่กินได้กระมัง คงมิใช่…

เฟยเทียนเห็นแก้มขาวเนียนขึ้นสีแดงระเรื่อ ก็อดยิ้มขำไม่ได้ ไม่รู้ว่า ในสมองเล็กๆ นั้นคิดสิ่งใด คงมิได้คิดเพ้อเจ้ออยู่กระมัง ไม่ทันที่เจียวซินจะดึงมือ ที่ถือขนมกลับมา

ฟิ้ว~ ลูกธนูพุ่งเข้ามาในรถม้าเฉี่ยวผ่านหลังมือสวยปักลงผนังรถม้า

ปัก!!!

“ก้มลงกับพื้น!!! เจ็บที่ใดหรือไม่”

“มะ เมื่อ…เมื่อกี้” ร่างบางตัวสั่นเทา เจียวซินทำตัวไม่ถูกนางมิเคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ยิ่งเสียงกรีดร้อง เสียงต่อสู้ เสียงดาบกระทบกัน นางยิ่งมิเคยได้ยิน

“มานี่ มาหาข้า ได้ยินข้าหรือไม่” เฟยเทียนดึงร่างบางเข้ามากอด และใช้มืออีกข้างประคองใบหน้าของเจียวซิน

“มองตาข้า เจ้าจะมิเป็นอันใด ตั้งสติให้มั่น”

“พะ เพคะ เพคะ ตั้งสติ ตั้งสติเพคะ!” เจียวซินพยายามตั้งสติให้มั่น เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในนิยายจีนโบราณที่นางเคยอ่าน และสิ่งที่นางได้เรียนรู้จากนิยายคือ ไม่เป็นตัวถ่วง!!!คิดได้ดังนั้นเจียวซินก็ระลึกถึงกระบวนท่าของ เทควันโดที่เคยเรียนในโลกก่อน คงจะได้ใช้จริงก็คราวนี้

“ท่านอ๋องกับพระชายาลงมาก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ห่าวซวนแหวกม่านรถม้าให้ ผู้เป็นนายทั้งสอง

“เป็นอย่างไรบ้าง” เฟยเทียนเอ่ยถามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“พวกมันมีมากพ่ะย่ะค่ะ ทั้งยังมีพลธนู กระหม่อมเห็นควรว่าท่านอ๋องควรพาพระชายาหนีไปก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วพวกหนิงเออร์เล่า” เจียวซินเอ่ยถามขึ้น นางมิยอมทิ้งหนิงเออร์และ ทุกคนไว้แน่

“หม่อมฉันอยู่นี่เพคะ พระชายทรงหนีไปก่อนเถิดเพคะ หากพวกหม่อมฉันไปด้วยย่อมเป็นตัวถ่วงแน่เพคะ” หนิงเออร์กล่าวอย่างแน่วแน่กับผู้เป็นนาย หากแต่ดวงตากลมคลอไปด้วยน้ำตา นางมิอาจรู้ได้เลยว่าจะรอดไปพบผู้เป็นนายหรือไม่

“ท่านอ๋อง หากสู้เรามีหนทางชนะหรือไม่” เมื่อเจียวซินถามเช่นนี้ทำให้ เฟยเทียนรู้ได้ทันทีว่านางมิยอมหนีไปแล้วทิ้งคนอื่นๆ ไว้เป็นแน่ ซึ่งก็ตรงกับความคิดของเขา

“มี หงฮวาเจ้าจัดการพลธนูให้สิ้น ไป๋ฮวาและหวงฮวาเจ้าคุ้มกันเจียวซินและ พวกนางกำนัลไปหลังต้นไม้ใหญ่”

“ขอรับ!!!” ทั้งสามขานรับพร้อมกัน แล้วจึงเริ่มปฏิบัติตามคำสั่ง เฟยเทียนปล่อยมือออกจากเจียวซินและกำชับมิให้ออกห่างจากองค์รักษ์เงา แม้จำนวนของศัตรูจะมากกว่าถึงห้าเท่า แต่ด้วยฝีมือของทหารของเฟยเทียนที่ถูกฝึกมาเป็น อย่างดี ทำให้จำนวนศัตรูลดน้อยลงเรื่อยๆ จะมีก็แต่พลธนูที่เป็นอุปสรรคสำคัญ ด้านหงฮวาที่ได้รับมอบหมายให้จัดการพลธนูที่ซุ่มอยู่ตามต้นไม้ ก็อาศัยจังหวะเร้นกายหายไปจัดการพลธนู ทีละคน ทีละคน จนมิเหลือแม้แต่คนเดียว

“พลธนูตายหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หงฮวาตะโกนลั่น ทำให้ทหารฝ่ายเฟยเทียน มิต้องพะว้าพะวังกลัวว่าจะถูกยิงด้วยธนูอีกต่อไป

ด้านเจียวซินยังไม่สามารถฝ่าวงล้อมของศัตรูออกไปได้ เห็นใด้ชัดว่าศัตรูเหล่านี้หมายเอาชีวิตนางเป็นแน่ แม้ไป่ฮวา หวงฮวาและทหารจะล้อมนางไว้และช่วยกันรับมือแต่จำนวนศัตรูก็มีมากกว่า อาจจะพลาดพลั้งได้ ด้านท่านอ๋องก็ถูกล้อมไว้ด้วยทหารฝ่ายศัตรูเช่นกัน เจียวซินที่จับมือหนิงเออร์และนางกำนัลทั้งสองไว้แน่น กำลังคิดว่าใช้วิธีใดให้หลุดจากวงล้อมนี้หรืออย่างน้อยก็ให้นางได้มีส่วนช่วยพวกทหารบ้าง

“ข้าจะไปช่วยพวกเขาต่อสู้ ข้าพอเตะต่อยได้บ้าง”

“ห๋าาา! ไม่ได้เพคะ ไม่ได้! แม้จะเป็นบุตรีแม่ทัพแต่พระชายาไม่เคยจับดาบ จับธนูนะเพคะ” หนิงเออร์ตาแทบถลนออกจากเบ้า พระชายาจะไปต่อสู้กับศัตรูได้อย่างไร

“แต่ข้าเตะต่อยเก่ง ข้าจะลองดู”

“ไม่เพคะ พวกเจ้าจับพระชายาไว้” หนิงเออร์สั่งนางกำนัลทั้งสอง

“ได้ๆ ข้าไม่ไปแต่เราต้องช่วยพวกเขา จะทำอย่างไรดีล่ะ” เจียวซินทั้งคิดทั้งดึงเหล่านางกำนัลหลบหอกหลบดาบที่พยายามพุ่งเข้าใส่พวกนาง พลันสายตาไปสุดเข้ากับหิน

จริงสิ แม้หินก้อนเล็กๆ จะไม่ทำให้ศัตรูบาดเจ็บมากแต่ก็ทำให้การต่อสู้ชะงักได้

“พวกเจ้าหันหลังชนกัน”

“อันใดนะเพคะ” หนิงเออร์และนางกำนัลมึนงง

“หันหลังชนกันๆ แล้วหยิบก้อนหินก้อนกรวดปาใส่ศัตรูเลย เร็วเข้า!!” ได้ยินคำสั่งนาย หนิงเออร์และนางกำนัลหยิบหินก้อนใหญ่เท่ากำมือปาใส่ศัตรู

“หึ นี่แหนะๆ รู้จักข้าน้อยไปเสียแล้ว ข้าเป็นแชมป์ปาป๋องในงานวัดเลยนะ” เจียวซินปาหินใส่ศัตรูไปพลาง โอ้อวดตนไปพลาง แผนปาหินของเจียวซินคงช่วยได้ไม่มากก็น้อย มีศัตรูพลาดพลังเสียจังหวะทำให้ทหารจัดการได้อย่างง่ายดาย เฟยเทียนที่จัดการศัตรูฝั่งตนเรียบร้อยจึงมาสมทบกับฝั่งของเจียวซินทันที

“ท่านอ๋อง ระวังเพคะ! อย่ามายุ่งกับท่านอ๋องนะ” เจียวซินที่เห็นเฟยเทียนกำลังต่อสู้กับศัตรูจึงหมายจะช่วย นางปาหินก้อนเท่ากำมือออกไปอย่างแรง

ตุ๊บ!!!

“โอ้ย! เจียวซิน!!!!” แต่กลับเป็นเสียงร้องขอเฟยเทียนที่ดังลั่น เจียวซินถึงกับยิ้มแห้งๆ ส่งไป

“หม่อมฉันกะพลาดไปนิด นิดนึง แหะๆ” ไม่มีเวลาให้เฟยเทียนได้ดุเจียวซิน ศัตรูตรงหน้าพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ข้าจะชำระความกับเจ้าแน่เจียวซิน

ใช้เวลาไม่นานเหล่าศัตรูล้มตายกันกลาดเกลื่อน ผืนแผ่นดินเต็มไปด้วยเลือดแดงฉาน เป็นภาพที่น่าสยดสยองยิ่งนัก ทำเอาเจียวซินถึงกับเบือนหน้าหนี นางอยากอาเจียนออกมาเต็มทน นางรู้และเข้าใจเป็นอย่างดีว่าว่าเหตุใดจึงไม่อาจหลีกหนีการฆ่าฟันกันได้ Kill or Be killed หากเราไม่ฆ่า เราก็จะถูกฆ่า เฟยเทียนที่เห็นเจียวซินท่าทางไม่ดีจึงพาตัวนางขึ้นรถม้า แล้วจึงเอ่ยสั่งห่าวซวนให้ รั้งรอจัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อย พาเหล่าทหารที่บาดเจ็บไปพบหมอ ทหารที่ตายก็ให้ชดเชยและดูแลครอบครัวพวกเขาอย่างดี ส่วนเฟยเทียนพาเจียวซินและนางกำนัลกลับจวนก่อน เฟยเทียนเห็นเจียวซินนั่งเงียบมาตลอดทางจึงอดเป็นห่วงไม่ได้ นางคงจะเคยเห็นภาพเหล่านี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ความจำหดหาย เฟยเทียนอดรู้สึกผิดมิได้ที่ปล่อยให้นางมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ แต่ทางด้านของเจียวซินตอนนี้ แม้จะยังขยาดกับภาพที่เห็นแต่ยังไม่เท่าความรู้สึกกลัวที่มีต่อท่านอ๋อง ก็นางเล่นปาหินใส่ท่านอ๋องจนหัวปูดเสียขนาดนั้น มีหวังครานี้โดนทำโทษเป็นแน่ จะทำอย่างไรดีๆ นางนั่งคิดมาตั้งนานก็คิดไม่ออกเสียที

“เจียวซิน”

“พะ เพคะ” โดนแน่ โดนแน่ๆ แล้ว เจียนซินแสดงสีหน้าขลาดกลัวว่าจะถูกลงโทษ ร่างบางย่นคอหนีเมื่อเห็นว่าเฟยเทียนยกมือขึ้นมา แต่ทว่าสัมผัสที่ได้รับบนศีรษะกลับเป็นเพียงการลูบเบาๆ เท่านั้น

“ลืมมันเสียให้หมด อย่าได้เก็บไปฝันเล่า…พานายเจ้าไปอาบน้ำอาบท่า แล้วเข้านอนเสีย” เฟยเทียนกล่าวกับเจียวซินแล้วจึงหันไปสั่งหนิงเออร์และนางกำนัล

.

.

“รอดไปได้อีกแล้วหรือ พวกเจ้าทำงานกันอย่างไร เพียงแค่สตรีผู้หนึ่งยังจัดการมิได้”

“ขออภัยขอรับนายท่าน ท่านอ๋องวางคนคุ้มกันพระชายาแน่นหนา คนของเราที่แฝงตัวไปกับนักฆ่าล้วนตายตกไปตามกันขอรับ”

“อย่างไรเสียก็ต้องทำให้เหล่าทหารแครงใจกับเฟยเทียนให้ได้ และวิธีเดียวคือฆ่าจางเจียวซิน อย่างน้อยก็ทำให้จางซีห่าวแตกคอกับเฟยเทียน”

“ใช้คนของเราที่อยู่ในจวนอ๋องดีหรือไม่ขอรับ”

“อืม หากจนหนทางจริงค่อยใช้วิธีนั้น ข้ายังมิอยากเสียคนในนั้นไป” มือหนาหมุนแหวนหยกบนนิ้วอย่างใช้ความคิด

.

.

เจียวซินเมื่อกลับถึงตำหนักก็โล่งใจที่ไม่ถูกทำโทษ หนิงเออร์และ นางกำนัลช่วยกันชำระกายให้ผู้เป็นนายจนแล้วเสร็จ เจียวซินจึงได้เข้านอน แต่นอนอย่างไรก็นอนไม่หลับ ข่มตานอนก็แล้ว นับแกะก็แล้ว เจียนซินจึงตัดสินใจลุกออกไปเดินเล่น

“เห้อ~ กว่าจะออกมาได้” เจียวซินถอนหายใจ เพราะกว่าจะผ่านหนิงเออร์และนางกำนัลที่นอนเฝ้าออกมาได้ก็แทบแย่ นางเดินเตร็ดเตร่ไปจนถึงศาลาริมน้ำหลังเดิม แต่ทว่า

“โอ๊ะ…!!!” เจียวซินชะงักงันเมื่อเห็นว่าในศาลามีคนอยู่ และไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นท่านอ๋องของจวนแห่งนี้กับอนุถัง อนุคนโปรดของเขา

“ขอประทานอภัยเพคะ” เจียวซินรีบเอ่ยขออภัยแล้วหมุนตัวกลับ

“ช้าก่อน เจียวซิน!” เฟยเทียนที่เห็นว่าเจียวซินกำลังจะหมุนตัวกลับจึงเรียกไว้

“หม่อมฉันขอตัวก่อนเพคะ” อนุถังขอตัวลากลับตำหนัก นางค่อมกายผ่านเจียวซินไป เจียวซินจึงเดินเข้าไปในศาลา

“มิใช่อย่างที่เจ้าคิด” เฟยเทียนเอ่ยดักทางไว้ เข้ารู้แน่ชัดแล้วว่าในหัวน้อยๆ ของนางคิดสิ่งใดได้บ้าง เขาจะไม่ปล่อยให้นางคิดเพ้อเจ้อเป็นแน่

“คิดสิ่งใดเพคะ…อ่อ คิดว่าท่านอ๋องและอนุถังแอบมาพรอดรักกันที่ศาลาริมน้ำน่ะหรือเพคะ”

“เจ้า!!!” เห็นหรือไม่เล่าว่าในหัวนางมีแต่เรื่องมิเป็นเรื่อง

“แล้วมิใช่หรือเพคะ” น่าสงสารเจียวซินคนเก่าเสียจริง คนที่รักแอบมาพรอดรักกับสตรีอื่นในที่ที่นางตายเช่นนี้ คงจะเจ็บปวดน่าดู

“มิใช่…ช่างเถิด แล้วเจ้าออกจากตำหนักกลางดึกเช่นนี้ได้อย่างไร” เฟยเทียนเอ่ยปัดแล้วจึงเปลี่ยนเรื่อง

“หม่อมฉันนอนไม่หลับจึงออกมาเดินเล่นเพคะ…หัวของท่าน” เจียวซินเอ่ยตอบพลางเลื่อนสายตาไปมองหัวท่านอ๋องที่ปูดบวม

“หึ ฝีมือเจ้าอย่างไรเล่า”

“ขออภัยเพคะ หม่อมฉันตั้งใจปาใส่ศัตรูต่างหาก”

“มิเป็นไร”

“ท่านได้ประคบเย็นแล้วหรือยังเพคะ”

“ประคบเย็นอันใด ลูกประคบที่ใดๆ ก็ร้อนทั้งนั้น”

“ผิดแล้วเพคะ ภายในหนึ่งวันจะต้องประคบเย็นก่อน หลังจากนั่นจึงประคบร้อน ทำเช่นนี้ถึงจะหายเร็วเพคะ” เจียวซินอธิบายให้เฟยเทียนฟังอย่างคล่องแคล่ว ในโลกเดิมการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเป็นสิ่งที่นางต้องรู้เพื่อดูแลนักเรียน เจียวซินกล่าวเสร็จก็นำผ้าเช็ดหน้าของตน ลงไปแช่น้ำในสระ

“เจ้าทำอันใด” เฟยเทียนที่ตกใจกลัวว่าเจียงซินจะตกลงไปอีกรีบคว้าแขนของนางเอาไว้

“มิเป็นไรเพคะ หม่อมฉันเพียงจะแช่ผ้าเช็ดหน้าเท่านั้น”

“เอามือขึ้นมา น้ำในสระมันเย็นจะกัดผิวของเจ้าได้”

“เดี๋ยวเพคะ…อ่า น่าจะได้แล้ว” เจียวซินนำผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาบิดหมาดๆ ให้หลงเหลือความเย็นอยู่บ้าง

“ขอประทานอภัยนะเพคะ” เจียวซินคุกเข่าลงต่อหน้าเฟยเทียนแล้วค่อยใช้มือเกลี่ยผมบริเวณที่ปูดบวม อีกมือนำผ้ามาแปะไว้ที่แผลเบา ค้างไว้ไม่นานก็ นำออก พลิกเอาด้านที่เย็นแปะประคบลงไปอีก ทำเช่นนี้อยูหลายครั้ง เจียวซิน ตั้งใจประคบโดยมิรู้เลยว่าบัดนี้ตนยื่นใบหน้าอันงดงามเข้าไปใกล้ท่านอ๋องมากเพียงใด เฟยเทียนนั่งนิ่งพิจารณาใบหน้าของชายาตนเอง ดวงตากลม จมูกโด่งเป็นสัน ปากเล็กดูอวบอิ่มสีแดงระเรื่อ เขามิเคยมองว่านางงดงามมากถึงเพียงนี้มาก่อน ยิ่งแววตาที่แสดงความห่วงใยของนางที่ส่งมาให้เขายิ่งงดงาม เมื่อก่อนนางมิเคยมองเขาด้วยแววตาเช่นนี้ มีแต่แววตาที่ติดจะรำคาญเสียมากกว่า เฟยเทียนยังคงสงสัยว่าเหตุใดเมื่อก่อนคนทั่วทั้งเมืองจึงเล่าลือว่านางแอบรับเขา

“ท่านอ๋องต้องทำเช่นนี้บ่อยๆ นะเพคะ” ปากเล็กขยับพูดขมุบขมิบ จนเฟยเทียนแทบทนไม่ไหวอยากประทับปากของตนลงบนปากเล็กนั่น

“หากต้องทำบ่อยๆ เจ้าก็ต้องเป็นคนทำให้ข้า”

“ได้อย่างไรกันเพคะ อีกเดี๋ยวหม่อมฉันก็จะกลับตำหนักแล้ว” เจียวซินพูดไปพลางประคบไป

“เช่นนั้นก็…”

“ว๊ายยยย…ท่านอ๋องทำอันใดเพคะ” เจียวชินร้องออกมาด้วยความตกใจที่จู่ๆ ท่านอ๋องก็อุ้มตัวนางขึ้นในท่าอุ้มเจ้าหญิง ด้วยความที่กลัวจะตกลงไปมือเล็กจึงโอบรัดรอบลำคอแกร่งของท่านอ๋องทันที

“จะพาเจ้าไปตำหนักอย่างไร แต่…เป็นตำหนักข้านะ” ว่าแล้วเฟยเทียนอุ้มเจียวซินเดินตรงไปที่ตำหนัก

“เดี๋ยวก่อนเพคะ เดี๋ยวก่อน หม่อมฉันมิไป ท่านอ๋องจะทำอันใดเพคะ” เจียวซินโวยวาย ในหัวเล็กๆ จินตนาการไปไกล

หรือว่าท่านอ๋องจะ จะ จะให้ข้าขึ้นเตียงกับเขา ไม่นะ ข้าไม่ยอม!!! แล้ว แล้วเขาจะบังคับข้าอย่างในละครหลังข่าวหรือ กรี๊ดดดดดดดด

“หยุดความคิดของเจ้าเสีย ข้าเพียงจะให้เจ้าไปประคบเย็นให้ข้าเท่านั้น”

“หม่อมฉันมิได้คิดอันใดเพคะ” เจียวซินเบือนหน้าหนีสายตาคมเพราะอับอายที่ถูกจับได้

“หึ อย่างเจ้าคงคิดไปถึงว่าข้าจะบังคับให้เจ้าเสพสังวาสด้วยแล้วกระมัง” เฟยเทียนกล่าวคาดเดาออกไป

“นี่ นี่ท่านมีวิชาอ่านใจคนหรืออย่างไร” เจียวซินอึ้งกับคำพูดของเฟยเทียน ไม่น้อย

“หึ หากเจ้าคิดได้ว่าข้าจะนำเจ้ามาเป็นนางบำเรอ เรื่องนี้เจ้าก็คงคิดได้ไม่ยาก” เฟยเทียนยิ้มขำกับท่าทางกระเง้ากระงอดของเจียวซิน

“ชิ ข้าเพียงผิดพลาดเล็กน้อย ท่านถึงกับเก็บคำพูดข้ามาใส่ใจถึงเพียงนี้เลยหรือ” ไม่ทันได้ตอบกลับ เฟยเทียนกับเจียวซินก็มาถึงตำหนักของเฟยเทียน ขันทีจิ้นหนานเห็นผู้เป็นนายมากับพระชายา จำรีบเข้าไปต้อนรับ

“ยังมิเข้านอนหรือจิ้นหนาน” เฟยเทียนเอ่ยถามขันทีคนสนิท

“นายมินอน ข้ารับใช้จะนอนได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”

“หนิงเออร์ของข้าหลับเป็นตาย มิรู้ด้วยซ้ำว่าข้าแอบออกมา คิกๆ” เจียวซินพูดถึงคนสนิทที่บัดนี้คงนอนหลับอย่างสบายใจอยู่ที่ตำหนัก ขันทีจิ้นหนานยิ้มขำกับคำพูดของเจียวซิน

พระชายาช่างซุกซนเสียจริง

“หึ เจ้ามันดื้อ แอบย่องมากลางดึกเช่นนี้มันอันตราย” เจียวซินเงียบปากลงเพราะเถียงไม่ได้ ก็มันเป็นความจริงทั้งนั้น

“ท่านอ๋องจะให้กระหม่อมเตรียมของสำหรับเข้า-” ขันทีจิ้นหนานยังพูด ไม่จบเฟยเทียนก็รีบเอ่ยแทรกขึ้นมา

“มิต้อง ยังมิใช่คืนนี้” พูดจบเฟยเทียนก็พาเจียวซินเข้าห้องทันที โดยไม่ลืมเอ่ยขอน้ำเย็นมาแช่ผ้าประคบหัวที่ปูดบวมของเขา

“ถอดเสื้อนอกออกเสีย”

“เพคะ?”

“จะได้นอนสบาย นอนทั้งอย่างนี้คงอึดอัดเป็นแน่”

“อ่อ เพคะ” เจียวซินและเฟยเทียนปลดเสื้อผ้าชั้นนอกและนำไปแขวนไว้ เฟยเทียนก็ขึ้นไปนอนรอบนเตียง

“ขึ้นมาเสียที” เฟยเทียนนอนเอามือประสานไว้ที่หน้าท้อง รอให้เจียวซินขึ้นมาประคบให้

“เพคะ เพคะ” เจียวซินขึ้นไปนั่งบนเตียง ไม่ลืมเอาผ้าแช่น้ำแล้วบิดหมาดๆ มาประคบให้ท่านอ๋อง

“นอนลงมา ประคบไปด้วยนอนไปด้วย”

“เพคะ เพคะ” เอาแต่ใจเสียจริง เจียวซินที่ขี้เกียจเถียงนอนตะแคงหันหน้าไปทางท่านอ๋อง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ท่านอ๋องตะแคงเข้าหาเจียวซินเช่นกัน ด้วยระยะห่างที่ใกล้และสถานที่ในตอนนี้ทำเอาเจียวซินขัดเขินอยู่ไม่น้อย แต่มือก็ยังทำการประคบต่อไป

“ท่านอ๋องเพคะ”

“หืม ว่าอย่างไร”

“หม่อมฉันอยากเรียนวิชาต่อสู้ไว้ป้องกันตัวได้หรือไม่เพคะ”

“เพราะเหตุการณ์วันนี้หรือจึงอยากเรียน”

“ก็ส่วนหนึ่งเพคะ หม่อมฉันคิดว่าคงหลีกหนีเหตุการณ์เช่นนี้ไม่พ้น อีกอย่าง…คนร้ายในวันนี้พุ่งเป้ามาที่หม่อมฉันเป็นแน่” เจียวซินมิรู้ว่า เจียวซินคนก่อนได้ไปสร้างศัตรูไว้ที่ใดบ้าง จึงมิรู้ว่าคนร้ายเป็นพวกใด

“อืม เรียนรู้ไว้ย่อมดี แต่เจ้าแรงน้อยเช่นนี้คง…โอ๊ย!!!” เฟยเทียนร้องออกมาเสียงดัง เมื่อเจียวซินออกแรงกดหัวที่ปูดบวมของเขา

“เป็นอย่างไรเพคะ หม่อมฉันแรงเยอะขึ้นมาหรือไม่เพคะ”

“เจ้านี่มัน ฮึ่ม”

“คิก หม่อมฉันพอจะเตะต่อยได้เพคะ ไม่สิ! ได้ดีเลยทีเดียว”

“ได้ ไว้ข้าจะทดสอบเจ้าดูเสียหน่อย”

“ได้เพคะ” เจียวซินตอบกลับเพียงเท่านั้นก็หันไปสนใจการประคบเย็นให้ท่านอ๋องต่อ ไม่นานทั้งคู่ก็เข้าสู่ห้วงนิทรา

หนิงเออร์ที่ตื่นขึ้นมาในปลายยามอิ๋นก็รีบร้อนเข้าไปปลุกผู้เป็นนาย แต่กลับต้องตกใจที่บนเตียงนอนมิมีผู้ใดอยู่ นางรีบร้องเรียกหาผู้เป็นนาย แต่ภายในตำหนักกลับไม่พบเลยแม้แต่เงา สตินางจึงเริ่มหดหาย ร้องไห้โวยวายรีบพาขันทีและนางกำนัลออกตามหาจนทั่วก็ไม่พบ นางจึงตัดสินใจไปเรียนท่านอ๋องทั้งน้ำตา เมื่อถึงตำหนักใหญ่จึงพบเข้าขันทีจิ้นหนานที่กำลังเตรียมอ่างอาบน้ำ

“ท่านขันทีจิ้นหนานเจ้าคะ พระชายา พระชายาของข้าหายไปเจ้าค่ะ ขอท่านแจ้งแก่ท่านอ๋องด้วยเถิดจ้าวค่ะ ฮึกๆ” หนิงเออร์และนางกำนัลต่างร้อนใจยิ่งนัก พระชายาหายไปทั้งที่พวกนางนอนเฝ้าหน้าห้องเช่นนี้ มิแคล้วถูกลักพาตัวไปเป็นแน่ ยิ่งผ่านสถานการณ์เลวร้ายเมื่อตอนค่ำมาพวกนางคิดได้เพียงแต่เรื่องเดียวเท่านั้น

“อ่อ หากเป็นพระชายามิต้องห่วงไป พระชายาทรง-”

“จะไม่ให้ห่วงได้อย่างไรเจ้าคะ นายข้าทั้งคน ถึงท่านอ๋องจะไม่โปรดพระชายาของหม่อมฉัน แต่อย่างไรก็เป็นชายา จะมิดูดำดูดีหน่อยเลยหรือ” หนิงเออร์โกรธจนเลือดขึ้นหน้าที่ขันทีจิ้นหนานมิห่วงใยพระชายาของนางแม้แต่น้อย

“นั่นสิเจ้าคะท่านขันที ขอท่านช่วยนำความไปบอกท่านอ๋องทีเถิด ข้าเกรงว่าพระชายาอาจจะถูกลักพาตัวไปก็เป็นได้นะเจ้าคะ” นางกำนัลชีชีและซวนซวน ช่วยเอ่ยสำทับ เมื่อวานพระชายาไม่ทิ้งพวกนางแล้วหนีไป มาวันนี้จะให้พวกนางทิ้งพระชายาได้อย่างไร

โปก! โปก! โปก! ขันทีจิ้นหนานทนมิไหวจึงใช้ขันน้ำเคาะหัวพวกนางทั้งสามคนไปคนละที

“ฟังข้า ที่ข้าบอกมิต้องห่วงคือพระชายามิได้หายไปจากจวนแต่พระชายาประทับอยู่ที่ตำหนักนี้กับท่านอ๋อง หากจะมีใครลักพาตัวพระชายาก็คงจะเป็น ท่านอ๋องของข้านี่แล” ขันทีจิ้นหนานถอนหายใจใส่ทั้งสามคน

“เอ่อ หมายถึงพระชายามาหาท่านอ๋องแต่เช้าเลยหรือเจ้าคะ”

“ท่านอ๋องพามาตั้งแต่เมื่อคืน”

“แล้วตอนนี้…”

“ตอนนี้ทั้งสองพระองค์ยังมิตื่นบรรทม” ได้ฟังคำอธิบายจากขันทีจิ้นหนาน ทำเอาเหล่านางกำนัลและขันทีที่อยู่บริเวณนั้นถึงกับคิดเลยเถิดไปไกล ข่าวลือ ที่พระชายาร่วมเตียงกับท่านอ๋องที่ตำหนักใหญ่กระจายไปเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel