มีสามีแถมมาอีกหนึ่งคน 1
ฟางเหนียงมองบุรุษที่สวมใส่ชุดข้าราชการ ซึ่งนั่งเกวียนม้าเข้ามาหานาง พร้อมยื่นถุงใส่เงินอันเล็กมาให้ มองด้วยตาเปล่าก็ดูหนักไม่น้อย
“เดือนนี้จะเยอะหน่อย เห็นว่าพี่ฟางเหยียนอวี้ได้เลื่อนขั้น”
บุรุษผู้ส่งเงินเดือนเอ่ยบอก เมื่อเห็นสายตาที่มองมา เขาแปลกใจเล็กน้อยกับท่าทางของนาง ปกติเมื่ออีกฝ่ายเห็นตนจะวิ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจ และยังชอบส่งสายตาเชิญชวนมาให้อย่างเปิดเผย หากไม่ใช่เพราะตนนับถือพี่ฟางเหยียนอวี้คงรับไมตรีนี้ไปแล้ว แต่ยิ่งเห็นแบบนี้ยิ่งสงสารพี่ฟางเหยียนอวี้ที่ได้สตรีเช่นนี้มาเป็นภรรยา
“ขอบคุณท่านมาก”
ฟางเหนียงเอ่ยบอก พร้อมรับถุงเงินมาเก็บอย่างเงียบ ๆ เวลานี้นางไม่รู้จักคนตรงหน้ายิ่งกระโดกกระดากไม่ได้
หากมีคนรู้ว่านางไม่ใช่ฟางเหนียงแม่ของเจ้าก้อนแป้งนั่น อาจถูกนำตัวไปเผาก็เป็นได้ แต่สายตาที่ดูถูกที่มองมานั่นก็ทำให้สับสนไม่น้อย ไม่รู้ว่าเจ้าของร่างเดิมมีนิสัยอย่างไร
“เจ้าเหมือนจะเปลี่ยนไป”
ตงห่าวพูดขึ้นอย่างสับสน ท่าทางสงบของนางเวลานี้ ทำให้คิดว่าตัวเองตาฝาดไปเสียอีก
“ข้าเปลี่ยนไปยังไง แล้วเมื่อก่อนข้าเป็นเช่นไรหรือ”
ฟางเหนียงถือโอกาสสอบถาม ทว่าสีหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็พอจะทำให้นางเดาได้ เพราะผ่านโลกที่โสมมและเห็นแก่ตัวมามาก ทำให้นางอ่านสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายออก
“เมื่อก่อนข้าอาจทำให้ท่านลำบากใจ ตอนนี้ข้าสำนึกผิดแล้ว ท่านก็อย่าถือโทษโกรธข้าเลยนะ” ฟางเหนียงเอ่ยบอก แสดงท่าทางจริงใจและสำนึกผิดจริง ๆ
“ไม่ใช่ ๆ แม่นางฟาง เอ่อ... คือข้ามีธุระที่อื่นต่อยังไงก็ขอตัวก่อนนะ”
ตงห่าวเอ่ยบอกอย่างร้อนรน ท่าทางน่าสงสารและความจริงใจของนาง เขาก็ไม่อยากจะถือสาหรอก เพียงแต่หลายอย่างเขาไม่อาจพูดออกไปได้ เขายังเป็นสุภาพบุรุษจะให้พูดว่าร้ายสตรีได้อย่างไร
ฟางเหนียงมองส่งร่างสูงโปร่งที่ขับเกวียนม้าไปไกลลิบ แววตาใสซื่อเมื่อครู่กลับมาเย็นชาเช่นเดิม เห็นทีนางต้องสืบความเป็นมาของร่างนี้บ้างแล้ว ดวงตาคู่งามมองถุงเงินแล้วเปิดออกดู ซึ่งมีก้อนเงินรวมแล้วร้อยตำลึงเงิน
ซึ่งค่าเงินที่นี่ต่างจากโลกเดิมมาก หนึ่งพันอีแปะเท่ากับหนึ่งตำลึงเงิน หนึ่งหมื่นตำลึงเงินเท่ากับหนึ่งตำลึงทอง หากใช้อย่างประหยัด ก็จะอยู่ได้อีกหลายเดือน แต่เมื่อมองสภาพบ้านและที่อยู่อาศัยแล้ว เงินจำนวนนี้ไม่น่าจะพอ ยังไงนางค่อยหาวิธีอีกที
แต่เรื่องสำคัญตอนนี้คือนางมีสามี! เกิดมาชาตินี้ราวกับสวรรค์จะชดเชยให้สาวขึ้นคานอย่างนาง ครั้งนี้มีทั้งสามีและยังมีก้อนแป้งคู่นี้แถมมาอีก
เหอะ ๆ ไม่รู้ว่าควรจะซาบซึ้งใจดีหรือไม่ เรื่องนี้เอาไว้ก่อน เพราะก่อนอื่นนางต้องหาเสบียงมาเข้าบ้าน แต่ว่าเมืองอยู่ที่ไหนแล้วไปยังไง และเจ้าเด็กน้อยนี่ฝากไว้กับใครได้ ไม่มีความทรงจำของโลกนี้ เหมือนกับนางโดนปิดหูปิดตาไปด้วย
ฟางเหนียงไม่ชอบอะไรที่ตัวเองไม่รู้ เพราะฉะนั้นนางต้องไปสอบถามเสียก่อน ซึ่งคนแรกที่นางนึกถึงก็คือคนข้างบ้าน แต่กระทั่งชื่อนางก็ไม่รู้จักแล้วจะไปคุยได้อย่างไร
ร่างบอบบางเดินกลับมายังหน้าบ้าน ซึ่งเห็นเด็กน้อยสองคนนั่งเล่นดินกันอยู่ เมื่อเห็นนางเด็กน้อยก็ตาเป็นประกายลุกขึ้นวิ่งมาหาทันที
“ท่านแม่ เมื่อครู่ป้าหวังมาหา บอกว่าพรุ่งนี้จะเข้าเมืองจะไปด้วยหรือไม่ขอรับ”
ฟางเหนียงมองลูกคนเล็กที่พูดจาฉะฉานด้วยรอยยิ้ม ยิ่งได้ยินว่าเข้าเมือง ยิ่งเหมือนนางจะโชคดี แค่คิดก็จะมีคนพาไป แต่เมื่อคิดอะไรได้รอยยิ้มบนใบหน้าก็เลือนหายไป นางย่อตัวมองก้อนแป้งแฝดตรงหน้าแล้วยิ้มอย่างเคอะเขิน
“คนเก่งของแม่ ช่วยบอกแม่หน่อยว่าป้าหวังคือใครขอรับ”
“ป้าหวังลี่อยู่ตรงข้างบ้านเราตรงนู้นขอรับ” ฟางเหรินคนพี่เอ่ยบอกพร้อมชี้นิ้วไปทางซ้ายมือ ก่อนจะหันกลับมามองมารดาของตนเอง
