บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 คู่หมาย

หลายวันผ่านไป หลังจากรักษาอาการเจ็บป่วยจากการตกน้ำดีขึ้นมากแล้ว

ดรุณีน้อยในวัยแรกสาวกำลังนั่งสำรวจเครื่องใบหน้าที่งดงามของตน กระจกทองแดงบานเล็กในมืออีกข้างที่ถืออยู่สะท้อนความงดงามออกมา จนอดชื่นชมตนเองไม่ได้

คิ้วโก่งเรียวและริมฝีปากสีลูกท้อตามธรรมชาตินั้นดูเข้ากับใบหน้าที่อ่อนหวาน ดวงตาหงส์ที่เคยดูอ่อนหวานและใสซื่อ บัดนี้ดูต่างจากเดิมรวมไปราวกับคนละคน

ชุดกระโปรงสีอ่อนใกล้เคียงกับสีของริมฝีปาก ขับให้ผิวขาวเนียนดูเด่นขึ้นมา การแต่งกายในวันนี้นั้นเป็นไปตามปกติ แต่เสี่ยวชิงกลับรู้สึกว่าคุณหนูของตนเปลี่ยนไปและมีความมั่นใจมากขึ้น “วันนี้คุณหนูของบ่าวงามยิ่งนัก”

“นั่นสิ งามจริงๆ” ฉวนเร่อหลานชมร่างของตนเอง ในวัยยี่สิบสองที่ตนถูกสามีฆ่าได้กลับมาอยู่ในร่างของสาวน้อยวัยสิบเจ็ดเช่นนี้ก็น่ายินดียิ่งนัก

ย่างเข้าสิบแปดหนาวแต่ยังไม่ออกเรือน ดูไปแล้วก็เหมือนกันตนที่ตอนนั้นไม่ยอมใจอ่อนกับบุรุษหน้าไหน กว่าจะออกเรือนก็อายุสิบเก้าแล้ว

“จริงสิเสี่ยวชิง เหตุใดข้ายังไม่ได้ออกเรือน นี่ก็เลยวัยปักปิ่นมานานแล้ว หรือข้าไม่ยอมออกเรือน”

คำถามนั้นทำให้เสี่ยวชิงที่กำลังสางผมให้แก่นางหยุดมือลง แล้ววางหวีไม้ที่สลักลวดลายงามตาไว้พร้อมกับเล่าเรื่องนี้ออกมา

“คุณหนูอยากตบแต่ง แต่รองแม่ทัพหยางเอาแต่หาข้ออ้างในการเลื่อนงานแต่งงานมาสองปีแล้ว” เสี่ยวชิงรู้สึกเห็นใจคุณหนูฉวนเมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้

“รองแม่ทัพหยาง...เจ้าหมายถึงหยางหมิงซาน บุตรชายท่านแม่ทัพหยางชิวเมิ่งอย่างนั้นหรือ”

“คุณหนูจำได้แล้ว ใช่เจ้าค่ะ คู่หมั้นของคุณหนูคือรองแม่ทัพหยาง” เสี่ยวชิงยิ้มออกมาด้วยความยินดี

ฉวนเร่อหลานนิ่งไป หนึ่งในคนที่เข้ามาเกี้ยวหลิวอี้เจินในตอนนั้นก็คือเขา คุณชายหยางผู้สุภาพและเงียบขรึมผู้นั้น บัดนี้เป็นถึงรองแม่ทัพแล้วและยังหมั้นหมายกับตนอีก

ตอนนั้นหากไม่ใช่ว่าถังฮ่าวอี้เข้ามาในชีวิตนาง บุรุษที่นางอาจจะเลือกก็คือหยางหมิงซานผู้นี้ เพราะเขาต่างจากบุรุษอื่นเช่นเดียวกันกับถังฮ่าวอี้

ถังฮ่าวอี้เกี้ยวผ่านจดหมาย ในขณะที่เขามาเกี้ยวนางโดยการส่งภาพวาดด้วยหมึกสีดำที่แฝงไปด้วยความหมายที่นางไม่เข้าใจ

และจดหมายของถังฮ่าวอี้ที่น่าสนใจและทำให้ใจเต้นแรงได้มากกว่า จึงไม่สนใจหยางหมิงซานแล้วเลือกบุรุษมากรักและโฉดชั่วมาเป็นสามี

แต่ถึงหยางหมิงซานจะดีชั่วอย่างไร หัวใจที่เจ็บช้ำจากอดีตสามีโฉดชั่วก็ทำให้หลิวอี้เจินในร่างของฉวนเร่อหลานไม่พึงใจที่จะแต่งงานกันบุรุษหน้าไหนทั้งสิ้น

ถังฮ่าวอี้ก็มีอนุถึงสามนางภายในสามปี ทั้งที่ตอนแรกก็แสดงออกถึงการรักมั่นใจเดียว ฉวนเซ่าฉือบิดาของตนในตอนนี้ก็มีอี๋เหนียง3 ถึงหกนาง

ยังมีมู่ซือซือที่เพิ่งรับเข้ามา แล้วเรียกร้องอยากแต่งเข้าเรือนอีกคน ตั้งใจจะหยามภรรยาเอก และแสดงตัวว่าตนนั้นเป็นที่รักมากกว่าอนุผู้ใด ทำทุกอย่างด้วยเสน่ห์มารยาที่แสนเจ้าเล่ห์

แบบนี้แล้วจะให้นางไว้วางใจบุรุษอย่างรองแม่ทัพหยางและแต่งงานออกเรือนไปได้อย่างไร จะไม่ยอมเป็นภรรยาเอกที่ปล่อยให้สามีมีอนุจนต้องถูกรังแกอย่างชาติที่แล้วแน่

“ดี ให้เขาเลื่อนงานแต่งงานไปเรื่อยๆ ยกเลิกการหมั้นหมายไปเลยก็ดี ข้าจะขอเป็นสาวเทื้อ4ไม่ออกเรือนไปไหนเสียดีกว่า” คำพูดกับท่าทางเอาจริงเอาจังนั้นทำให้เสี่ยวชิงประหลาดใจ

ฉวนเร่อหลานรักปักใจต่อหยางหมิงซานตั้งแต่ยังไม่เข้าสู่วัยปักปิ่น ตอนที่ผู้ใหญ่จับให้หมั้นหมายกันเมื่อสองปีก่อน นางนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข ใบหน้างามฉาบไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส

เวลาที่ได้ยินผู้ใหญ่กล่าวถึงการเลื่อนงานแต่งงานเพราะหยางหมิงซานใช้ข้ออ้างเรื่องการเตรียมซ้อมรบ นางก็เอาแต่ร้องไห้ไม่กินไม่นอน แต่บัดนี้กลับบอกว่าไม่อยากออกเรือน หรือการตกน้ำจนหยุดหายใจไปชั่วขณะทำให้คุณหนูของตนฟั่นเฟือนไปแล้ว

“แต่ว่า...” เสี่ยวชิงคันปากอยากถามแต่ก็นิ่งเงียบไป

“ว่าอย่างไร แต่ว่าอะไรก็พูดออกมาให้หมด อย่ามัวเก็บไว้ให้ข้าคาใจ” ประโยคที่ดูเหมือนว่าเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากทำให้เสี่ยวชิงกล่าวถามตามตรง

“แต่ก่อนคุณหนูอยากออกเรือนกับคุณชายหยาง ทุกครั้งที่เขามาที่เรือนก็จะออกมาต้อนรับด้วยตนเองอยู่บ่อยครั้ง เหตุใดวันนี้จึงบอกว่าไม่อยากออกเรือน”

“เขาเลื่อนงานแต่งงานออกไปย่อมแสดงออกว่าไม่ได้เต็มใจหมั้นหมายกับข้า ในเมื่อไม่ได้มีใจต่อกันจะแต่งงานกันไปก็รังแต่จะทำให้ข้าทุกข์ทนจนตรอมใจ หากมีโอกาสข้าจะบอกให้เขาถอนหมั้น”

คำพูดนั้นทำให้เสี่ยวชิงรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของฉวนเร่อหลาน เพิ่งสังเกตนางหลายส่วนก็พบว่าคุณหนูฉวนในยามนี้ไม่ใช่ดรุณีที่อ่อนแอ และมีใจเด็ดเดี่ยวต่างจากเดิม โดยเฉพาะแววตาที่ดูแข็งกร้าวอย่างคนที่ผ่านเรื่องราวมามาก

เมื่อเห็นว่าสาวใช้คนสนิทเงียบไป ฉวนเร่อหลานก็รู้สึกตัวจึงรีบพูดเสแสร้งไปอีกอย่าง

“แม้ข้าจำอะไรไม่ค่อยได้ แต่ข้าก็รู้สึกลึกๆ ว่าข้าโดนกระทำมามากพอแล้ว ทั้งมู่ซือซือที่รังแกและอยากมามีอำนาจในเรือน ทั้งบิดาที่เอาแต่เข้าข้างอนุ แล้วยังคู่หมั้นที่เลื่อนงานแต่งงานครั้งแล้วครั้งเล่า”

ฉวนเร่อหลานหยุดพูดแล้วลุกขึ้นเดินไปยังหน้าต่างแล้วทอดสายตาไปที่สวนหย่อมเล็กๆ ข้างห้องของตน ก่อนจะพูดประโยคที่เหลือออกมา

“เมื่อข้าข้ามพ้นความตายกลับมาได้ ก็ไม่อยากทนให้ใครมารังแก หรือเอารัดเอาเปรียบอีกต่อไปแล้ว หลังจากนี้ข้าจะต้องเข้มแข็งและจะไม่ทนอีกต่อไป”

เสี่ยวชิงเข้าใจความมุ่งมั่นของฉวนเร่อหลาน สิ่งที่นางถูกกระทำมาโดยตลอดคงถึงที่สุดแล้ว จึงได้แปรเปลี่ยนเป็นคนละคนเช่นนี้

“เห็นคุณหนูเข้มแข็งบ่าวก็วางใจ หากมีอะไรให้ช่วยทำคุณหนูอย่าได้รีรอที่จะบอกกล่าว บ่าวยินดีทำเพื่อคุณหนู” ความจงรักภักดีของเสี่ยวชิงที่มีต่อฉวนเร่อหลาน ทำให้นางอดคิดถึงไจ๋ซิ่วไม่ได้ สาวใช้ผู้จงรักต้องตายอย่างทรมานทั้งที่ไม่ได้มีความผิดอันใด

“แล้วเหตุใดข้ากับเขาถึงได้หมั้นหมายกัน”

“เพราะท่านแม่ทัพหยางแห่งอี้โจวอยากผูกไมตรีกับท่านเจ้าเมืองจินโจว หากเกี่ยวดองกันจะทำการอันใดก็ย่อมง่าย” สาวใช้ตอบไปตามซื่อ ก่อนจะก้มหน้าลงเมื่อตนพูดเรื่องที่ไม่ควรก้าวก่ายออกไป แต่ฉวนเร่อหลานก็ไม่ได้ว่าอะไรนาง

“ถ้าจำไม่ผิด เขาเคยเกี้ยวคุณหนูจากเมืองที่อยู่ใกล้ๆ ไม่ใช่หรือ คุณชายหยางผู้นั้นน่ะ” ฉวนเร่อหลานกล่าวถามเสียงเรียบ

ดวงตาคู่งามหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อคิดถึงตอนที่เขาตามเกี้ยวหลิวอี้เจิน หรือจะพูดให้ถูกคือคุณหนูใหญ่ตระกูลหลิว ตนในอดีต

“เจ้าค่ะ คุณหนูจากสกุลหลิวที่อยู่เมืองข้างๆ นางแต่งงานเข้าบ้านสกุลถัง แต่งงานกับบัณฑิตถัง ตอนนี้นาง...นางป่วยแล้วจากไปอย่างสงบเมื่อหลายวันก่อนนี้เอง สาวใช้ของนางก็ดื่มยาพิษตายตามนางไปด้วย” ฉวนเร่อหลานฟังแล้วก็อดเวทนาตัวเองในอดีตไม่ได้

จากไปอย่างสงบเช่นนั้นหรือที่คนพูดถึงกัน นางตรอมใจเพราะความมากรักของสามี แล้วถูกฆ่าอนุร้ายกาจกับสาวใช้ทรยศฆ่าตายอย่างทรมานต่อหน้าชายโฉดชั่วผู้นั้น จะไปอย่างสงบได้อย่างไรกัน

************************
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel