เกิดใหม่ชาตินี้ขอเป็นสตรีไร้ใจ

66.0K · จบแล้ว
ฝ้ายสีคราม/ ภ.ภิญญ์/ฝออ้าย
34
บท
30.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ถูกสามีชั่วสังหารให้ตายอย่างน่าอนาถ ได้โอกาสให้หวนกลับไปยังอดีตเพื่อแก้ไข นางจะใช้ชีวิตใหม่ให้ดีและย่อมไม่พลาดที่จะเอาคืนให้สาสม

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณนางเอกเก่งดราม่าจีนโบราณโรแมนติกแต่งงานก่อนรักนิยายย้อนยุคผู้ชายอบอุ่นผู้มีชื่อเสียง

ตอนที่ 1 สามีไร้หัวใจ

ณ จวนหลังใหม่ของแม่ทัพหลี่ เมืองอี้โจว ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนักอย่างรุนแรงจนได้ยินเสียงกระทบบนหลังคา ฉู่อวี่หนิงในวัยสิบเก้านั่งคุกเข่าอยู่หน้าห้องหอตามคำสั่งสามีที่กำลังเข้าหอหญิงอื่นที่เพิ่งแต่งงานเข้าสกุลหลี่

น้ำตาที่ไหลอาบแก้มถูกกลบด้วยหยาดฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน แม้อยากจะลุกหนีไปให้พ้นแต่ก็ถูกทหารในจวนใช้ไม้พองกดไหล่เอาไว้ทั้งสองข้าง

“ฮูหยิน พวกข้าทำตามคำสั่ง อย่าได้โกรธเคืองเลย” น้ำเสียงที่ฟังดูรู้สึกผิดนั้นไม่ได้ทำให้คนที่คุกเข่ามาครึ่งชั่วยามรู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย

ฮูหยินของแม่ทัพปราบอุดรต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช เมื่อสามีเสร็จการศึกแล้วพาบุตรีเจ้าเมืองต่างแคว้นกลับมาแต่งงาน รับเป็นฮูหยินรอง สวมชุดแต่งงานสีแดงที่หรูหราเข้าทางประตูหน้าเรือนอย่างเอิกเกริก

ทั้งที่ยังไม่ได้รับคำยินยอมจากฮูหยินอย่างตน ทว่าก็รับสตรีนางอื่นเข้าบ้านอย่างเปิดเผยและจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ พ่อแม่สามีก็เห็นดีเห็นงาม ต้อนรับลูกสะใภ้ที่เป็นถึงบุตรีเจ้าเมืองของแคว้นหานอย่างออกหน้าออกตา และที่เจ็บปวดคือหลี่โม่เทียนสามีของนางบังคับให้อยู่หน้าห้องหอ เป็นพยานในการเข้าหอที่แสนหวานชื่นของเขาและอันเหม่ยหรง

หลายปีก่อนใครกันที่พร่ำบอกรักนาง ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้นางมาเป็นภรรยา บัดนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นคนไร้หัวใจ 

“ข้าหลี่โม่เทียนขอสัญญาว่าจะมีเพียงเจ้าผู้เดียว ไม่คิดมีอนุให้ต้องช้ำใจ จะไม่มีหญิงใดในใจนอกจากเจ้า” คำสัญญานั้นนางไม่ได้บีบให้เขาพูดเสียเมื่อไหร่ เป็นเขาเองที่เอ่ยวาจาสัตย์นั้นออกมา และทำลายมันลงด้วยการกลืนน้ำลายตัวเอง

นับจากประตูห้องหอปิดลงและมีเงาของคนสองคนตระกองกอดกันผ่านแสงจากเทียนที่สว่างจ้าออกมาทางหน้าต่าง บัดนี้ผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้วและประตูก็ถูกเปิดออก แม่ทัพวัยยี่สิบหกและเจ้าสาวที่โอบกอดแนบกายเดินมาที่หน้าประตู สายฝนที่ตกหนักกำลังซาลงไป เหลือเพียงละอองฝนที่ยังคงโปรยปรายเล็กน้อยเหมือนน้ำตาของฉู่อวี่หนิงที่กำลังเหือดแห้ง

สายตาคมกริบมองภรรยาที่เนื้อตัวเปียกโชกด้วยความเย็นชา หากแต่มือโอบเอวอรชรของฮูหยินรองเอาไว้อย่างทะนุถนอม 

“เสียดายที่ฝนตกหนัก เจ้าจึงไม่ได้ยินเสียงของข้ากับเหม่ยหรงว่ามีความสุขกันแค่ไหน”

“ท่านพี่ เหตุใดจึงใจร้ายกับข้าเยี่ยงนี้” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“ข้าอยากให้เจ้าเห็นว่าข้ารักเหม่ยหรงมากเพียงใด และต้องการให้เจ้าหย่ากับข้า” น้ำเสียงนั้นเย็นชาและไร้ซึ่งความรัก

“ข้าทำผิดต่อท่านหรือไม่ ข้าดูแลท่านพ่อท่านแม่ท่านไม่เคยบกพร่องแม้แต่น้อย ช่วงที่ท่านออกรบข้าดูแลบ่าวไพร่และเรือนสกุลหลี่ให้สงบร่มเย็นเสมอมา บอกข้าสิว่าท่านจะหย่ากับข้าด้วยเหตุผลอันใดกัน” น้ำเสียงนั้นสั่นเครือ มองสามีด้วยความเจ็บปวด แต่หากจะให้คุกเข่าอ้อนวอนทั้งที่ไม่ใช่ความผิดนางไม่สามารถทิ้งศักดิ์ศรีสกุลฉู่ลงได้

“เพราะข้าไม่รักเจ้าแล้ว และไม่ต้องการเห็นหน้าเจ้าอีก ทั้งชีวิตข้าจะมีเพียงเหม่ยหรงผู้เดียว ไม่มีสตรีนางใดให้นางต้องช้ำใจ รวมถึงเจ้าที่ข้าจำใจต้องแต่งงานตั้งแต่แรกเพราะเจ้าใช้มารยายั่วยวนข้า ข้าหาได้มีใจให้เจ้าตั้งแต่แรกไม่” คำพูดที่เห็นแก่ตัว เอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้ผู้อื่นนั้นทำให้หัวใจฉู่อวี่หนิงแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี

ไม่รักกับไม่เคยรักความหมายต่างกันแต่เจ็บปวดไม่ต่างกัน ในเมื่อสิ่งที่เขาต้องการคือการหย่าเพื่อยกย่องสตรีนางอื่นมาแทนที่ แล้วเหตุใดนางจะต้องอ้อนวอนให้ตนเองต้องเสียศักดิ์ศรี

ร่างอรชรลุกขึ้นด้วยขาที่สั่นเทา เสี่ยวชิ่งที่ยืนร้องไห้อยู่ไกล ๆ รีบวิ่งมาประคองนายหญิงของตน

“ได้ ข้าจะหย่ากับท่าน และไปจากจวนนี้พร้อมกับสินเดิมของข้า” นางกล่าวเสียงเบา สินเดิมที่นางมีใช้เลี้ยงดูสกุลหลี่ช่วงที่เขาออกรบ หากไม่ได้นางมีหรือว่าสกุลหลี่จะลืมตาอ้าปากได้จนถึงทุกวันนี้

พอสร้างคุณงามความดีได้รับจวนหลังใหม่และบ่าวรับใช้ที่มากขึ้น ข้ามแม่น้ำสำเร็จคิดจะรื้อสะพานทิ้ง พอนางหมดประโยชน์แล้วก็คิดผลักไส 

“สินเดิมเพียงหยิบมือของเจ้า ขนกลับไปสกุลฉู่ให้หมด ข้าไม่ได้อยากได้สักนิด… ฮูหยิน เราเข้าห้องหอต่อเถิด” น้ำเสียงกร้าวพูดอย่างเย็นชา ก่อนจะหันไปพูดเสียงนุ่มกับอันเหม่ยหรงที่ยืนยิ้มร่า แล้วประคองกันเข้าไปในห้อง

“กลับห้องเถิดเจ้าคะ” เสี่ยวชิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ประคองผู้เป็นนายกลับไปเปลี่ยนอาภรณ์ที่ห้องพัก แล้วออกไปต้มยามาให้แก้อาการหนาวและป้องกันหวัด

“ข้าจะหย่า” เมื่อเสี่ยวชิ่งกลับมาก็พูดในสิ่งที่ตัดสินใจดีแล้ว

“ท่านเป็นฮูหยินตราตั้ง หากจะเอาเรื่องท่านแม่ทัพที่แต่งอนุโดยไม่ยินยอมก็ย่อมได้ เหตุใดจึงยอมหย่าด้วยเจ้าคะ” เสี่ยวชิ่งถามด้วยความโมโหแทน

“หน้าต่างมีรู ประตูมีช่อง อันเหม่ยหรงมิใช่อนุ นางคือฮูหยินรองและเป็นว่าที่ฮูหยินคนใหม่ จะพูดสิ่งใดเจ้าต้องระวังอย่าให้ภัยมาถึงตัว” น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความประชดประชันถึงสถานะของเจ้าสาวในวันนี้ 

“ท่านจะปล่อยวางจริงหรือเจ้าคะ”

“ดั่งคำกล่าวที่ว่า วิกาลยาวนาน ฝันยุ่งเหยิง…ปล่อยให้เรื่องยืดเยื้อต่อไปอาจเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นได้ ในเมื่อเขาต้องการหย่าข้าก็จะหย่าให้ เจ้าส่งข่าวบอกท่านพ่อให้ส่งรถม้ามารับข้า หากจะไปจากที่นี่ข้าไม่ต้องการให้คนของจวนสกุลหลี่ไปส่ง ข้ากลับเองได้” น้ำเสียงนั้นสงบลง ในเมื่อสุดจะสอยก็ต้องยอมปล่อยมือไป

ความรักที่ผ่านมาแม้จะเสียดาย แต่นางไม่ใช่สตรีที่อ่อนแอจนต้องยอมอ้อนวอนขอความเมตตาจากสามีที่จิตใจอำมหิตผู้นี้  อันเหม่ยหรงก็เหลือทน รู้ทั้งรู้ว่าหลี่โม่เทียนมีภรรยา แต่ก็ยังอุตส่าห์ติดตามมาแต่งงานถึงแคว้นฉี

ทั้งเมืองอี้โจวต่างรู้ว่านางทำหน้าที่ภรรยาที่เฝ้ารอการกลับมาของสามีที่ออกรบได้ดีเพียงใด แม้ไม่มีใครกล้าพูดให้ร้ายบุตรีเจ้าเมืองแคว้นหานผู้นี้ แต่ก็รู้แก่ใจว่าอันเหม่ยหรงก็ไม่ต่างจากอนุผู้หนึ่ง เพียงแต่ได้รับความรักจากหลี่โม่เทียนจนได้เป็นฮูหยินรอง และกำลังจะขึ้นมาแทนที่นางในไม่ช้านี้ ช่างหน้าหนาเกินทน

ในขณะเดียวกันในห้องหอของบ่าวสาว ร่างอรชรโยกกายบดเบียดสะโพกลงหาสะโพกสอบพร้อมครางเสียงหวานกระเส่า พร่ำร้องถึงความสุขสมที่ได้รับ

หลี่โม่เทียนเพลิดเพลินไปกับลีลาร่อนสวาทที่แสนเย้ายวน ราวกับว่านางขนท่วงท่าจากตำราวสันต์มาใช้กับเขาได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

เสียงหายใจหอบกระเส่าและเสียงครางผสานกันไม่นานฝ่ายเจ้าสาวก็ส่งเสียงหวีดแหลมขึ้น พร้อมกับเจ้าบ่าวที่ส่งเสียงคำรามทุ้มต่ำ สองร่างกระตุกเกร็งเข้าหากันแล้วกอดรัดด้วยความรักใคร่

“ข้าไม่อยากให้นางมีชีวิตอยู่เป็นหนามตำใจข้า” น้ำเสียงนั้นเอาแต่ใจ มือวางลูบที่หน้าอกของสามี

“หย่าแล้วนางก็จะไปจากที่นี่ ไม่ให้รบกวนสายตาเจ้าอีกแน่” หลี่โม่เทียนพูดเอาใจ

“ไม่ มีข้าต้องไม่มีนาง ไม่ว่าเมืองนี้ แคว้นนี้ หรือชาตินี้ ข้าไม่ต้องการอยู่ร่วมกับนาง” น้ำเสียงนั้นกล่าวจริงจัง หลี่โม่เทียนพยักหน้ารับกอดเจ้าสาวแสนงามไว้ในอ้อมแขน นางจะให้ทำอะไรเขาก็ยอมทั้งนั้น

************************