บทที่2
เฮริคที่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยร้องถาม โดยที่ตัวเองเกือบหัวคะมำไปด้านหน้า เกือบเสียบไปตรงกลางระหว่างเบาะ ดันตัวเองให้กลับมานั่งจุดเดิมที่เลื่อนออกไป ก่อนจะขยับเสื้อสูทราคาแพงเข้าที่ ใบหน้าฉงนคิ้วหนาผูกปมจนนูนสูง
“เฮ้ย...! แย่แล้ว...”
“อะไร?!” เฮริคถามซ้ำ เมื่อเมลสันยังคงอุทานออกมาโดยไม่บอกกล่าวอะไรออกมาเสียที
เมลสันยังคงอ่ำๆอึ่งๆ หน้าซีดเหงื่อแตกซิบๆ กับการละสายตาจากท้องถนน ไม่กี่วินาทีก่อนจะหันกลับมาอีกครั้ง ก็เห็นร่างของใครคนหนึ่งในระยะกระชั้นชิด พร้อมเสียงกระแทก ในจังหวะที่เขาแตะเบรกให้รถหยุดอย่างกะทันหัน
“ไม่น่าเล้ย!”
เมลสันเริ่มสบถออกมาอีกครั้ง และนั้นทำให้คนที่นั่งอยู่เบาะหลังเริ่มหมดความอดทนกับการรอคอยคำตอบ
“หากนายไม่ตอบฉันมาอีกคำเดียว ฉันเตะนายแน่ ตกลงเกิดอะไรขึ้น?!”
“เอ่อ สงสัยชนใครเข้าแล้วล่ะ...” เมลสันหันมารายงาน ใบหน้าจืดเจือน
“หือ...ลงไปดูหน่อยสิว่าเป็นอะไรหรือเปล่า!!”
เฮริคสั่งทันที พร้อมโน้มตัวไปด้านหน้าเพื่อดูเหตุการณ์ แต่ก็มองเห็นไม่ถนัด จึงตัดสินใจ เปิดประตู ลงไปดู
เมลสันรีบเปิดไฟกระพริบฉุกเฉิน เพื่อเป็นสัญญาณเตือนให้รถคันอื่นๆ รู้ว่ารถคันของตนกำลังมีปัญหา
“ทำไมซวยอย่างงี้เนี่ย” น้ำเสียงตัดพ้อ บ่นกับตัวเอง เมื่อต้องลงไปนั่งแหมะอยู่บนพื้น จากนั้นจึงรีบเก็บสิ่งของ ที่หล่นกระจัดกระจายเกลื่อนบนถนนอย่างรวดเร็ว
รติกาล คลี่ยิ้ม สายตาจับจ้อง อย่างโล่งใจเมื่อเก็บจนเหลือชิ้นสุดท้าย ก่อนจะยื่นแขนไปสุดเอื้อม เพื่อหยิบชิ้นที่อยู่ไกลสุด แต่สิ่งนั้นเจ้าสิ่งที่หมายตาไว้ กลับกระเด็นไปอีกด้าน จนทำให้เธอหงุดหงิด เพราะจังหวะที่ยื่นมือออกไปคาดคะเนไว้ว่าต้องจับ แล้วยัดเข้าถุงพลาสติกให้ได้ แต่กลับกลายเป็นว่า ส่วนที่เธอจับได้ เป็นหัวรองเท้าหนังสีดำสนิทมันปราบจนเกิดเป็นเงาสะท้อน สายตากลมจึงมองไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนเห็นใบหน้าเจ้าของรองเท้าหนังราคาแพงนั้น
“อ่ะ?....” ดาราลูกครึ่งคนไหนเนี่ย? เคยเอามาเป็นอิมเมจในนิยายหรือปล่าวหนอ?... คิ้วเรียวขมวดมุ่น ก่อนจะดึงมือกลับ
เฮริคที่จับจ้องใบหน้าเกลี้ยงเกลามีไรผมปรกลงมาเล็กน้อย เพราะผมถูกเกล้าไว้อย่างง่ายๆ โดยใช้ไม้คล้ายตะเกียบปักผมไว้ ปล่อยให้ผมตกลงมาข้างๆ ขับใบหน้าเรียวมนให้ดูสะดุดตา แม้จะมีเหงื่อเม็ดใสผุดเต็มใบหน้า หากแต่ความสวยยังคงน่ามองจนเขาเองเกือบแสดงอาการเหมือนคนตะลึง อย่างกับเจอเครื่องประดับที่ถูกตาต้องใจ
และนั้นสายตาเข้มยังจ้องริมฝีปากบางที่อ้าค้าง แม้จะเป็นสภาพไม่น่ามอง ที่ผู้หญิงมองผู้ชายอย่างไม่ไว้ตัว แต่ปากบางจิ้มลิ่มสีชมพู เย้ายวนชวนให้น่ากดทับน่าสัมผัส จนเขาต้องรีบถอนสายตาจากดวงหน้าและริมฝีปากน่าพิสมัยนั้น เพราะหากขืนมองไปนานๆเขาไม่แน่ใจว่า คนอย่างเขาที่ชอบเอาแต่ใจ จะห้ามใจไม่ดึงหล่อนเข้ามาบดจูบซับหาความหวานหอม อย่างคนไร้สามัญสำนึกได้หรือไม่ เพราะแค่เห็นดวงหน้าก็ทำให้น้ำลายที่มีอยู่น้อยนิดถูกกลืนลงท้องอย่างยากลำบากแล้ว
แม่มดชัดๆ... เฮริคบริภาษกับตัวเองในใจ เขานึกชื่นชมหล่อนมากกว่าด่าทอ หล่อนทำให้ไฟในกายเขาลุกโชนได้อย่างน่าแปลก ทั้งที่ไม่ได้สัมผัสผิวกายกันแม้แต่น้อย ผิดกับผู้หญิงคนอื่นๆหากหล่อนไม่เปลื้องผ้ากระโดดค้อมใส่เขาก่อน หรือเขาอดอยากปากแห้งมาเป็นแรมคืน อย่าหวังว่าเขาจะเล่นด้วยกับพวกหล่อน
ยิ่งคิดยิ่งอยากปลดปล่อย... เฮริคถอนหายใจหนักหน่วง ก่อนจะรีบสลัดความคิดทิ้ง เมื่อเป้ากางเกงส่วนกลางเริ่มพองขยายตัวจนน่าเกลียด ดีที่ว่าเสื้อสูทตัวยาวบิดบังส่วนนั้นไว้ได้
รติกาลเริ่มปรับสมองประมวลภาพหนุ่มหล่อตรงหน้า สายตากลมโตเพ่งกว้างขึ้น สำรวจคนตรงหน้าใหม่อีกครั้งไม่ว่าการแต่งกายรูปร่างหน้าตา หัวใจรติกาลเต้นแรง ไปพร้อมๆกับสายตาที่ลากผ่านไปตามร่างกายที่มีเสื้อผ้าราคาแพงปิดทับ ดารานายแบบฮอลลีวูด ยังต้องชิดซ้าย...
เมลสันเดินตามลงมาติดๆมองสาวสวยแล้วนึกขำ ต่างกันกับสายตาคมเข้มของเฮริคที่จับจ้องใบหน้าเกลี้ยงเกลามีไรผมปรกลงมาเล็กน้อย สำหรับเขามองหล่อน ว่าเป็นภาพที่น่ารักและน่าทะนุถนอมนัก สำหรับผู้หญิงท่าทางซื่อๆตรงหน้า และดีใจที่หล่อนผู้นี้ ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร อย่างที่กลัว ผิดกับเจ้านาย ที่เป็นผู้ชายด้วยกันมองดูก็รู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่...
“คุณ”
เมื่อยิ่งเพ่งมองเฮริคตัดสินใจเอ่ยเรียก ด้วยความรู้สึกบางอย่างเมื่อเขาเจอประกายตาประหม่าอยู่ภายในดวงตาคู่นั้น
“ฮะ?”
สีหน้าอีหลักอีเหลื่อ ขานตอบพร้อมกระพริบตาปริบๆ เตรียมพร้อมอย่างดุษฎีหากอีกฝ่ายจะต่อว่าอะไรออกมา แต่สิ่งที่ทำให้ตะลึงไปมากกว่านั้น คือภาษาที่ชายหนุ่มรูปงาม เอ่ยออกมาเป็นภาษาเดียวกับเธอต่างหาก!
สาธุ ขอให้พูดได้ไม่กี่ประโยคด้วยเถอะ... รติกาลแอบภาวนาให้ฝรั่งนัยน์ตาสีฟ้าเอ่ยภาษาของเธอ ให้ได้น้อยที่สุด
“เจ็บตรงไหน เป็นอะไรบ้างหรือป่าว?” เสียงทุ้มนุ่มลึกเอ่ยสำเนียงไทยอย่างกับเจ้าของภาษามาเอง ทำเอาคนฟังอึ้งค้าง ตากลมโตเบิกกว้างอีกครั้ง
“ตกลงคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เฮริคเขาถามซ้ำอีกครั้ง เมื่อท่าทางเจ้าหล่อนเหมือนคนตกใจอะไรสักอย่าง น่าขันแท้...เฮริคคิด จ้องมองใบหน้านวลเนียนสีแดงเรื่อ อย่างพินิจ
“อ่ะ...”
รติกาล กลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ ก่อนจะรู้สึกตัวแล้วดีดตัวลุกขึ้นเต็มความสูงโดยไม่ลืมหยิบสิ่งของชิ้นสุดท้ายติดมือมาและยัดใส่ถุงทันที โดยไม่กล่าวตอบอีกฝ่ายไป ด้วยว่าลิ้นชาไปชั่วขณะ
เมลสันยืนอยู่อีกด้านเมื่อเห็นว่าหญิงสาวลุกขึ้นยืนได้เองอย่างคล่องแคล้ว ก็มองสำรวจเพื่อความแน่ใจด้วยสายตาตัวเองและเมื่อมองไปดีๆก็พบว่า บนพื้นมีสิ่งของเป็นหลักฐานอย่างดี ว่าต้องมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดกระทบหน้ารถเป็นแน่ และสิ่งนั้นคงเป็นสิ่งของที่หญิงสาวหิ้วอยู่ในมือ “เป็นอะไรมากหรือเปล่าคุณ?”
