บทย่อ
วัยสิบห้าอวิ๋นซือขึ้นเกี้ยวเเดงที่ใช้แปดคนหามเข้าสู่จวนสามี พร้อมตำเเหน่งฮูหยินใหญ่ ภรรยาเอกที่ตบเเต่งอย่างสมฐานะ หลันชิงเจ้าบ้านสกุลหลันที่เเผ่อำนาจทางการค้าไปทั่วเเคว้น อายุยี่สิบปีเขารับนางเข้าจวนในฐานะฮูหยินใหญ่ตัวเองตามคำของมารดา นางใช้ฐานะฮูหยินใหญ่ดูเเลเรื่องราวภายในจวน เขาใช้สถานะความเป็นสามีมอบทุกสิ่งที่นางปรารถนา ทว่าทุกสิ่งที่มอบให้นั้นไร้หัวใจ หนึ่งเดียวที่มิอาจให้ได้คือความรัก เเม้มีตำเเหน่งภรรยาเอกก็ไร้ค่าราคา หากฐานะในใจผู้เป็นสามีไร้เงานาง อวิ๋นซือในวัยสิบเจ็ดจึงก้าวออกจากจวนพร้อมหนังสือหย่าในมือ สิ้นรักตัดวาสนาสะบั้นสายใยสามีภรรยาเพียงเท่านี้ หลันชิงเอ๋ย เเต่งให้ท่านชาตินี้คือชดใช้เวรกรรมที่เคยมีร่วมกันมา นับจากนี้เราสองสิ้นเยื่อไม่เหลือใย วาสนาไม่อาจบรรจบ เเม้ภายหน้าพบพานก็อย่าได้ทักทายกันเลย... ทว่าเส้นทางชีวิตกลับมีบุรุษหนุ่มรูปงามชาติตระกูลดีอย่าง "ฉิงเหวินฟู่" เข้ามา เมื่อมีโอกาสแล้วไยนางจะมิทำให้ความปรารถนาดั่งคู่ยวนยางเป็นจริงเล่า เหลียนฮวาสีชมพู
บทที่1
ย่างเข้าเดือนสิบ สายลมเหมันต์เริ่มพัดพา ปุยหิมะสีขาวร่วงหล่นจากผืนฟ้าสีคราม เกี้ยวสีแดงหลังใหญ่ตัดกับสีเขียวของทิวทัศน์รอบด้าน มีบุรุษร่างกำยำแปดคนหามพร้อมกับก้าวเดินเป็นจังหวะ ขบวนเจ้าสาวผู้เพียบพร้อมครบถ้วนสมฐานะกำลังมุ่งสู่ปลายทางด้วยใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม
ด้านในเกี้ยวมีร่างบอบบางของเจ้าสาวคนงามนั่งอย่างสงบ บรรยากาศรอบด้านอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของงานมงคล เสียงเครื่องเป่าดังสูงต่ำเป็นทำนองสลับกับเสียงตีฆ้องเป็นจังหวะ ทว่าสีหน้าคนข้างในกลับเต็มไปด้วยความกังวล
เกี้ยวแดงหลังใหญ่โคลงเคลงไปมาชวนให้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย หญิงสาวพยายามข่มอาการเหล่านั้นพลางตั้งสติ นี่คืองานแต่งของนางจะให้ความหวั่นวิตกมาทำลายไม่ได้ เพราะวันนี้คือวันสำคัญที่สุดในชีวิต มิอาจพลาดได้โดยเด็ดขาด
วันที่นางจะกลายเป็นฮูหยินใหญ่ ก้าวเข้าสู่เส้นทางสายภรรยาหลวงที่ต้องคอยดูแลทั้งสามีและอนุอีกหลายคน
นางคืออวิ๋นซือ บุตรสาวเพียงคนเดียวของใต้เท้าอวิ๋นเสนาบดีกรมคลังแห่งแคว้นกับฮูหยินใหญ่จางซื่อ ที่บอกว่าเป็นบุตรสาวคนเดียวนั้นหาใช่ว่าบิดามีบุตรแค่นางหรอกนะ แต่หมายถึงคนเดียวที่มีกับฮูหยินใหญ่ต่างหาก เพราะบิดาของอวิ๋นซือมีสามภรรยากับสี่อนุอย่างครบครัน และยังไม่รวมสาวใช้อุ่นเตียงที่มีมากมายเสียจนนางผู้เป็นลูกนับญาติไม่ถูก
นางจางซื่อมีอวิ๋นซือเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว อีกทั้งยังมิอาจตั้งครรภ์สายเลือดชายเพื่อสืบทอดวงศ์ตระกูลได้ ทำให้ฐานะฮูหยินใหญ่ในจวนไม่มีความหมายนัก ผู้ที่มีอำนาจในจวนแท้จริงกลับเป็นฮูหยินสามที่มีบุตรชายถึงสองคน ทว่าเมื่อไม่นานมานี้เจียงฮูหยินรองก็คลอดทายาทชายมาอีกคน ทำให้การแย่งชิงอำนาจภายในจวนดุเดือดขึ้นไปอีก
อวิ๋นซือไม่แยแสการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นของคนเหล่านั้น สิบห้าปีที่เติบโตในจวนเสนาบดี ภาพที่นางเห็นมีเพียงมารดาที่ต้องคอยรองรับอารมณ์ของบิดา รับใช้บรรดาฮูหยินรอง รวมทั้งดูแลอนุและเหล่าสาวใช้ที่บิดาโปรดปราน นั่นคือฐานะฮูหยินใหญ่ ทว่าทำงานไม่ต่างจากคนใช้ที่ต้องคอยดูแลทุกเรื่อง ความสำคัญของมารดาที่มีในใจบิดามิสู้อนุคนหนึ่งเลยด้วยซ้ำ
ฮึ! นี่ละชะตาของคนเป็นฮูหยินใหญ่ ภรรยาหลวงที่บุรุษทั้งหลายตบแต่งพวกนางเข้ามาเป็นเมียเอกเพื่อเชิดหน้าชูตา
ท่ามกลางปุยหิมะและสายลมเหมันต์ ในที่สุดขบวนเจ้าสาวก็เดินทางมาถึงที่หมาย เกี้ยวเจ้าสาวถูกวางลงบนพื้น พร้อมเสียงแม่สื่อร้องขานบอกพิธีการให้เจ้าบ่าวเตะเกี้ยวข่มภรรยาตามธรรมเนียม
อวิ๋นซือคลี่ยิ้มบางใต้ผ้าคลุมลายนกยวนยางคู่ ธรรมเนียมประเพณีช่างน่าขบขันนัก บุรุษมีค่ากว่าสตรี สามีคือฟ้า ภรรยาคือดิน แต่งถูกต้องตามพิธีการหมายถึงภรรยาเอก แต่งด้อยลงมาคือภรรยารอง ถัดมาอีกนิดก็เป็นอนุ แต่ไม่ว่าคนไหนก็คือภรรยาที่ต้องเห็นสามีเป็นฟ้าอยู่ดีมิใช่หรือ
ขนาดนี้แล้วยังต้องข่มอีกหรืออย่างไร
ระหว่างที่นางกำลังอยู่ในภวังค์ความคิด ด้านนอกก็เสร็จสิ้นธรรมเนียม มือใหญ่ที่ได้รูปสวยงามของบุรุษถูกยื่นเข้ามา อวิ๋นซือสูดลมหายใจเข้าเบาๆ ก่อนจะยกมือขาวนุ่มของตัวเองวางทับลงไป
ร่างสูงประคองเจ้าสาวของตัวเองเข้าสู่ด้านใน ฝ่ามือที่เกาะกุมกันให้สัมผัสที่แตกต่างในความรู้สึกของทั้งคู่ คนหนึ่งสัมผัสถึงความนุ่มนวลของมือน้อยนั้น อีกคนรู้สึกถึงความแข็งแกร่งของบุรุษเพศจากความสากกระด้าง อวิ๋นซือหลุบตาลงต่ำยามที่ก้าวเท้าตามแรงจูง
เขาเป็นบุรุษคนแรกนอกจากบิดาที่นางจับมือ และจะเป็นคนแรกในอีกหลายๆ เรื่องด้วย หวังเพียงว่าในอนาคตต่อไปข้างหน้า อีกฝ่ายจะให้เกียรติกันบ้าง เท่านี้ก็พอใจแล้วสำหรับนาง
ในที่สุดพิธีการแต่ละขั้นตอนก็ผ่านไปและเสร็จสิ้น ค่ำคืนที่มีค่าดั่งทองพันตำลึงเงียบสงัด สาวใช้และแม่สื่อออกไปกันหมดแล้ว ร่างบอบบางนั่งเกร็งเล็กน้อย สองมือที่กุมประสานกันของนางชื้นไปด้วยเหงื่อ ร่างสูงของคนที่เป็นสามีหมาดๆ ก้าวมายืนด้านข้าง มือเรียวสวยดุจหยกช่วยนางปลดเครื่องประดับบนศีรษะออกอย่างอ่อนโยน หญิงสาวขบริมฝีปากสะกดอาการอึดอัดในใจ รอจนเขานำทุกอย่างออกจากผมจนหมด
“เจ้าหิวหรือไม่”
เขาถามน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวล เสียงนั้นกังวานทว่าอ่อนโยนอย่างยิ่ง จนอวิ๋นซืออดเงยหน้าขึ้นลอบมองอีกฝ่ายไม่ได้ ใบหน้าเขาให้ความรู้สึกไม่ต่างจากเสียง งดงาม คมสัน และสดใสราวกับสายน้ำที่เย็นฉ่ำ ดวงตาคมฉายแววอบอุ่น เพียงแค่สบมองก็ทำให้คนเคลิบเคลิ้ม ปากแดงฟันขาวและท่าทางอมยิ้มน้อยๆ นั่นก็ชวนให้รู้สึกหลงใหลได้
เมื่อเห็นเจ้าสาวเหม่อลอยราวกับถูกมนตร์สะกด หลันชิงอมยิ้มอารมณ์ดี เขาหัวเราะเสียงทุ้มละมุนหูพลางก้าวมาคว้าจอกสุราบนโต๊ะ แล้วยื่นส่งให้นางจอกหนึ่ง พออวิ๋นซือรับมาถือ อีกฝ่ายก็คล้องแขนไขว้ดื่มทันที
สุรารสแรงบาดคอ อวิ๋นซือดื่มรวดเดียวหมดจอก จากนั้นใบหน้างดงามก็แดงก่ำลงมาถึงลำคอ นางกะพริบตาถี่ๆ เมื่อความรู้สึกมึนงงเข้าจู่โจม หลันชิงหัวเราะเอ็นดูในความคออ่อนของภรรยา เขาจับจูงนางมานั่งที่โต๊ะอาหารก่อนจะชักชวนให้กิน
กินอาหารคาวแล้วก็ต้องมีของหวานตบท้าย สำหรับหลันชิง ของหวานก็คืออวิ๋นซือนั่นเอง สุราฤทธิ์แรงและบุรุษรูปงามราวกับภาพฝันทำให้รู้สึกมึนเมากว่าปกติ กว่านางจะทันรู้สึกตัว แผ่นหลังเปลือยเปล่าก็สัมผัสกับที่นอนเย็นเยียบแล้ว
ดรุณีน้อยวัยสิบห้าไร้ประสบการณ์ได้แต่ตอบสนองอย่างเงอะงะ บุรุษหนุ่มผู้ช่ำชองใช้ความชำนาญหลอกล่อให้นางเผลอไผล ก่อนที่จะกรีดร้องเมื่อรู้สึกถึงความปวดร้าว
ทว่าไม่นานความเชี่ยวชาญของหลันชิงก็ทำให้นางตอบสนองอีกครั้ง เมื่อความเจ็บปวดคลายลง ความรู้สึกแบบใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสก็เร่งเร้า อวิ๋นซือเผลอปลดปล่อยเสียงหวานที่วาบหวามจนตัวเองยังอดตกใจไม่ได้
ภายนอกสายลมเหมันต์พัดกระโชก หิมะที่โปรยปรายลงบนพื้นกลายเป็นพรมสีขาวสะอาดตา ตัดกับสีแดงสดของกลีบเหมยฮวาที่ร่วงหล่น ราวกับผืนผ้าบนเตียงนอนของคู่บ่าวสาว
ในห้องนอนที่ร้อนผ่าวจนสายลมและไอหิมะยังต้องล่าถอย สองร่างแนบแน่นเกี่ยวกระหวัดรัดรึง เตียงนอนหลังใหญ่โยกไหวส่งเสียงประท้วง ทว่าผู้เป็นนายกลับไม่คิดจะใส่ใจ
อวิ๋นซือเหลือบมองผ่านหน้าต่างที่เปิดรับสายลมเย็นฉ่ำ ภาพสุดท้ายที่นางเห็นนอกหน้าต่างคือ ผืนหิมะสีขาวที่ตัดด้วยกลีบเหมยฮวาสีแดงสด จากนั้นคนบนร่างก็ทาบริมฝีปากลงมา พร้อมกับความรัญจวนที่อีกฝ่ายสร้างขึ้น ดวงตาสุกใสเกิดละอองน้ำจนพร่ามัว เสียงหนึ่งพลันดังแว่วขึ้นมาในหัว
‘วอนขอรักแท้ที่มั่นคง เพียงหนึ่งยวนยางยืนยงจนแก่เฒ่า’
หยาดน้ำใสพลันไหลรินจากหางตา รักแท้มั่นคงหนึ่งคู่นกยวนยาง ในอดีตเป็นนางที่เฝ้าท่องบทกลอนนี้เสมอมา
แต่เด็กสาววัยฝันผู้ใดบ้างเล่าจะไม่จะใฝ่หา…