ฮูหยินของแม่ทัพจึ

206.0K · จบแล้ว
ซีฟางกั๋วเจีย/เอสเต้
107
บท
3.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

กัวเอินถงปรารถนาเพียงพี่ชายกลับมาแข็งแรงท่านพ่อและท่านแม่ปลอดภัย ดินแดนกลางทะเลทรายสงบสุขจึงยินยอมนั่งรถเข็นลากสังขารพิการ เดินทางไปยังเมืองหลวงแคว้นหมิงเพื่อเจรจาสงบศึกด้วยการแต่งงาน คนผู้เดียวที่เป็นเป้าหมาย คือ แม่ทัพจีแห่งค่ายพยัคฆ์ไฟ เพราะมีความลับในสกุลจีเท่านั้นที่จะทำให้เป้าหมายของนางบรรลุผลสำเร็จ

นิยายจีนโบราณนิยายสืบสวนสอบสวนนิยายรักนิยายย้อนยุค

บทที่ 1 ฝันของแม่ทัพ

“ครั้งนี้เจ้าตายแน่ จีหลุน!” ร่างในชุดเกราะสีน้ำตาลเข้มแผดเสียง

“แน่ใจนะว่าไม่ใช่วันตายของเจ้า หากมั่นใจก็เข้ามาเลย” แม่ทัพหนุ่มที่ทวนเหล็กเอาไว้มือขยับปลายนิ้วเพื่อคลายเหงื่อ

คนทั้งสองต่อสู้กันมาร่วมหนึ่งชั่วยาม เรี่ยวแรงของฝ่ายนั้นดูเหมือนจะลดลงไปไม่น้อย จีหลุนหรี่ตาลง เหงื่อที่ไหลลงมาจากไรผมโดนปลายหางตา เขาพยายามสะบัดหน้า ควบคุมสติให้มั่น ขยับสองมือเพื่อคลายนิ้วหวังระบายเหงื่อที่ชุ่มโชก ทวนเหล็กเคลือบด้วยความชื้น เท้าของชายหนุ่มเคลื่อนไปด้านข้าง ดวงตาจับจ้องที่คู่ต่อสู้ไม่วางตา

“อ๊าก!”

บุรุษตรงหน้ากระโดดขึ้นสูงเงื้อดาบใหญ่ขึ้นเหนือศีรษะหมายพิชิตศึกครั้งนี้ให้เด็ดขาด คนผู้นั้นส่งเสียงดังจนชวนหวาดหวั่น

จีหลุนยกทวนขึ้นขวาง ใช้มือซ้ายรองส่วนปลายทวนเอาไว้ เขาย่อตัวลงด้วยการถอยเท้าข้างหนึ่ง ปล่อยให้ศัตรูกดดาบลงได้เล็กน้อย ก่อนจะใช้พลังภายในผลักจนอีกฝ่ายกระเด็น

ร่างในชุดสีน้ำตาลลอยถอยหลัง ก้นของคนผู้นั้นกระแทกลงพื้น ก่อนที่จะหงายหลังลงไป ดาบพลันกระเด็นออกจากมือ

แม่ทัพหนุ่มแห่งแคว้นหมิงได้ทีกระโจนตามไปคร่อมร่างนั้นเอาไว้ ใช้มือซ้ายบีบไปที่คอของอริที่ต่อสู้กันมานับครั้งไม่ถ้วนตลอดเวลาสามปี

“วันนี้เป็นวันตายของเจ้า!” จีหลุมออกแรงบีบที่มือขึ้นอีก

พลันชายหนุ่มนักรบต้องชะงัก ในดวงตาของเขาปรากฏภาพตนเองกำลังกอดจูบ ปลดเปลื้องอาภรณ์บุรุษตรงหน้า ใจของเขาเต้นกระหน่ำ กระแสความร้อนถูกส่งผ่านผิวที่ลำคอของศัตรูมาถึงฝ่ามือแล้วไหลเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว

คนที่ถูกบีบคออยู่เตรียมจะดิ้นอย่างสุดชีวิต ทว่าพอจ้องตาอีกฝ่าย กลับเห็นดวงตาของจีหลุนกำลังแข็งค้าง มือที่บีบคออยู่ค่อยๆ คลายออก

พลั่ก!

ร่างของเขาถูกกัวเยี่ยนสือถีบกระเด็นจนกลิ้งไปหลายตลบ

พลันรองแม่ทัพซ้ายและรองแม่ทัพขวาของทัพพยัคฆ์ไฟก็พุ่งเข้ามาช่วยอย่างรวดเร็ว พญายมคู่อิ่นเฉินตวัดกระบี่ป้องกันขุนศึกฝ่ายตรงข้ามแล้วรีบลากเอาแม่ทัพจีพร้อมด้วยทวนสะท้านฟ้าออกจากสมรภูมิ

ชายหนุ่มสะบัดร่างจากการประคองของอิ่นเหว่ยถิงและเฉินอี้ชิง แล้วแย่งเอาทวนคู่ใจของตนไปถือไว้ “ปล่อยข้า! ยังไม่รู้แพ้รู้ชนะ”

“ไม่ทันแล้วขอรับ พวกเขาล่าถอยไปแล้ว”

สายตาของแม่ทัพหนุ่มฉายความเสียดายอย่างชัดแจ้ง นี่เป็นเพียงครั้งเดียวที่เขาสามารถเข้าประชิดตัวของศัตรูได้ ที่ผ่านมา ต่างคนต่างได้รับบาดเจ็บแล้วล่าถอย ไม่เคยล่วงล้ำเข้าไปเกินสมรภูมิเลือดแห่งนี้ได้เลยสักครั้ง

“บัดซบ! เกือบฆ่ามันได้แล้วแท้ๆ”

“ท่านแม่ทัพ! ถึงประตูเมืองหลวงแล้ว” จิ่งอี้องครักษ์ประจำตัวที่นั่งอยู่คู่กับคนขับรถม้าร้องบอกคนด้านใน

ลี่เทียนเป่าเห็นสหายขยับเปลือกตาขยุกขยิกแต่กลับไปไม่ยอมตื่น ทั้งยามนี้เหงื่อของแม่ทัพหนุ่มไหลย้อยจึงยื่นมือไปเขย่าต้นแขนเบาๆ

“แม่ทัพจี ตื่นเถิด!”

จีหลุนค่อยๆ ลืมตาขึ้น ศีรษะที่พิงรถม้ามีเหงื่อซึมออกมาตามไรผม

กุนซือหนุ่มเลิกคิ้ว “เจ้าฝันร้ายอีกแล้วหรือ? อย่าบอกนะว่าฝันเรื่องที่ต่อสู้กับกัวเยี่ยนสือ”

“อืม...”

“เจ้าคงจะเสียดายที่คราวนั้นฆ่าเขาไม่สำเร็จ”

จีหลุนพูดไม่ออก ครั้งนั้นไม่เพียงเสียดายที่ไม่อาจจะฆ่าผู้นำทัพฝ่ายตรงข้ามไม่สำเร็จ แต่ยังมีความรู้สึกบางอย่างที่พลุ่งพล่านหลงเหลืออยู่ด้วย ความรู้สึกในวันนั้นทำให้เขายังคงฝันถึงเรื่องนี้อยู่เป็นระยะ

ตลอดหลายปีที่มาประจำการอยู่ที่ค่ายพยัคฆ์ไฟซึ่งเป็นค่ายทหารฝั่งตะวันตกของแคว้นหมิง ชายหนุ่มทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง

ชนเผ่าเขตทะเลทรายมักจะรุนรานเข้ามาอยู่เรื่อย อาจเป็นเพราะความพยายามฆ่าล้างในเขตทุ่งหญ้ามังกรที่อยู่เลยทะเลทรายหมื่นลี้ ทำให้กระทบถึงห้าเผ่าที่อาศัยอยู่บนเนินเซี่ยงซาวาน

ทำให้พวกเขามองหาแผ่นดินใหม่ที่จะตั้งรกราก เมื่อห้าเผ่าพยายามรุกเข้ามาแบ่งดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ในแคว้นหมิง จึงเป็นหน้าที่ของแม่ทัพจีที่ต้องยกไพร่พลไปต้านเอาไว้

แม่ทัพหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง เขายังอยู่ในอาการงัวเงีย มือใหญ่รูดผ้าม่านหน้าต่างรถม้า ยื่นหน้าออกไปมองแถวชาวบ้านที่กำลังรอการตรวจหนังสือเข้าเมือง

“ถึงเสียที ข้าจะได้นอนเตียงใหญ่สบายๆ แล้ว”

“จะว่าไปพวกเราไม่ได้กลับเมืองหลวงเกือบสามปีแล้วนะ มาคราวนี้ข้าจะถือโอกาสเที่ยวเล่นเสียให้ทั่ว” ลี่เทียนเป่ายิ้มกว้าง

“พรุ่งนี้ก็อย่าลืมแล้วกันว่าต้องเข้าเฝ้า”

“ไม่ลืมแน่นอน”

“ไม่ดีๆ คืนนี้เจ้าไปนอนที่วังจีกับข้าก่อนก็แล้วกัน”

กุนซือหนุ่มยิ้มกริ่ม “นึกว่าจะไม่ชวนเสียแล้ว ข้าชอบอาหารที่พ่อครัวสกุลจีทำที่สุดเลย รสชาติดี ละมุนลิ้น กินอาหารที่ค่ายจนเบื่อแล้ว”

“เหล่าลี่ หากว่ามีคนอื่นที่พึ่งพาได้มากกว่าเจ้า ข้าคงไม่พาเจ้ามาด้วยแน่” จีหลุนทำหน้าเอือม “คืนนี้ห้ามดื่มสุรานะ จำเอาไว้”

“ได้ๆ ข้าไม่ดื่มแน่นอน”

จีหลุนมองลี่เทียนเป่าด้วยความเอือมปนขำ

คนผู้นี้มีฉายาว่า ‘กุนซือสื่อสวรรค์’ ไม่เพียงแต่เชี่ยวชาญในตำราพิชัยยุทธ ช่วยวางกลศึกได้อย่างแยบยล ทำนายทายทักเหตุการณ์ที่ต้องการคำตอบ คำนวณดินฟ้าอากาศได้แม่นยำ แต่ยังการอ่านใจผู้อื่นจากท่วงท่าและการแสดงออกได้อย่างถูกต้อง

ครั้งนี้...เขาจำต้องลากเอาลี่เทียนเป่ามาด้วย แม้จะต้องสิ้นเปลืองสุราสักหน่อยแต่ก็หวังว่าคนผู้นี้จะช่วยให้หนักกลายเป็นเบา

“เอาเถอะเหล่าลี่ หากว่าทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ข้าจะหาสุราแสงจันทร์ให้เจ้าสักไห”

“จริงหรือ?” สีหน้าของลี่เทียนเป่ากระตือรือร้น

“เจ้าเห็นข้าเป็นคนสับปลับหรือไร?”

“มิได้ๆ ท่านแม่ทัพเป็นผู้มีสัจจะยิ่ง กล่าวคำใดย่อมเป็นคำนั้น”

การเดินทางครั้งนี้จีหลุนให้ทหารฝีมือดีร่วมร้อยคนของเขาแต่งกายอย่างชาวบ้าน ทว่าจำนวนรถม้าและม้าที่ตามกันมานั้น ดูแล้วก็ยังชวนให้คนเกรงขามเพราะมีเพียงบุรุษวัยฉกรรจ์

ก่อนจะเข้าประตูเมือง ท่านแม่ทัพหนุ่มให้คนทั้งหมดเก็บอาวุธรวมกันที่รถม้าคันกลาง เมื่อเห็นลักษณะสดุดตาของคนขบวนใหญ่ ทหารที่เฝ้าประตูเมืองก็รีบวิ่งเข้ามาสอบถาม

ลี่เทียนเป่าจึงลงจากรถม้านำเอาหนังสือแสดงตัวของตนกับจีหลุนให้ พอทหารเฝ้าประตูเมืองเห็นเช่นนั้นก็ชี้ให้พวกเขาไปยังประตูเล็ก

“พวกท่านคือทหารจากค่ายพยัคฆ์ไฟนี่เอง มีคำสั่งจากเบื้องบนมาแล้วขอรับว่าให้เปิดทางสะดวกให้พวกท่าน ทางโน้นขอรับประตูทางด่วน”

ลี่เทียนเป่าพยักหน้ารับ โบกมือให้ขบวนของตนเข้าประตูอีกฝั่งหนึ่งจีหลุนที่นั่งบนรถม้ามองดูผู้คนที่กำลังเดินทางเข้าออกประตูเมืองด้วยความสนใจ

เขาไม่ได้กลับมาเมืองหลวงนานแล้ว เป็นเพราะชายแดนตะวันตกมีปัญหามากมาย การสู้รบกับพวกชนเผ่าติดพันจนไม่อาจจะปลีกตัวขอพักกลับมาบ้านได้

ห้าชนเผ่าในทะเลทรายหมื่นลี้พยายามจะบุกรุกเพื่อแย่งชิงดินแดนส่วนหนึ่งของแคว้นหมิง พวกเขาอยากจะมีผืนแผ่นดินอุดมสมบูรณ์เพื่ออยู่อาศัยและการเพาะปลูก เริ่มแรกจากมีผู้อพยพทยอยเข้ามาในเขตชายแดน จากนั้นก็กลายเป็นการปล้นชิงทรัพย์ และลุกลามมาเป็นสงครามแย่งดินแดน

ลี่เทียนเป่าขึ้นมาบนรถม้าอีกครั้ง เขามองดูหญิงสาวในเมืองหลวงที่เดินขวักไขว่ตามท้องถนนแล้วยิ้มกว้าง

“นี่ เหล่าจี ข้ารู้สึกว่าในเมืองหลวงยามนี้มีหญิงสาวเดินไปมามากกว่าเมื่อก่อน เจ้าเห็นเหมือนข้าหรือไม่?”

“อืม...เจ้าจำไม่ได้หรือ? จดหมายข่าวนกกระจิบเคยลงบทความเรื่องของบทบาทของหญิงสาวในเมืองหลวง ทุกวันนี้พวกนางล้วนเลียนแบบหลวนฮองเฮากับพระชายาของท่านอ๋องเก้า”

“อ้อ...พอพวกนางไม่ได้หวังพึ่งพาบุรุษแล้ว ก็เลยมีสตรีออกมาเดินตามท้องถนนกันมากขึ้น ทั้งไปสำนักศึกษาอย่างเค่อเฉิง เรียนการค้า เรียนงานฝีมือ และมีทั้งฝึกวรยุทธ์” ลี่เทียนเป่ามองเห็นขบวนของมือปราบเมืองหลวงเดินผ่านมา พอมองดีๆ เขาถึงกับทำตาโต “เฮ้! เหล่าจี ข้าเห็นมือปราบหญิงด้วยล่ะ หน้าตาน่ารักเสียด้วย”

“เจ้าตื่นเต้นไปไย? น้องสาวของข้าก็ยังเป็นหัวหน้าสำนักข่าวนกกระจิบได้ พวกมือปราบหญิงในเมืองหลวงจะนับเป็นกระไร?”

“เออ...จริงของเจ้า ยุคสมัยล้วนแตกต่าง” พลันกุนซือหนุ่มก็มองเห็นสตรีสวมหมวกคลุมศีรษะอีกหลายคน “แต่ก็ยังมีพวกยึดขนบธรรมเนียมอยู่เหมือนกันนะ ดูท่าพวกแม่นางน้อยเหล่านั้นคงจะเป็นคุณหนูที่ยังไม่แต่งงาน”

*************