ตอนที่ 2
ระหว่างเส้นทางเมืองไฮ่มุ่งสู่เมืองหลวง
“ช่วยด้วย ช่วยคุณชายของข้าด้วย” ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายอย่างหนัก บุรุษวัยสามสิบกว่า ๆ ผู้หนึ่ง รีบขวางทางทหารกลุ่มหนึ่งไว้ด้วยความลนลานและหวาดหวั่น
“เกิดอะไรขึ้น” คนที่เป็นหัวหน้าของกลุ่มทหารถามขึ้น
“รถม้าของคุณชายข้าลื่นเสียหลักตกลงไปที่หน้าผา คุณชายของข้ากระโดดออกมาจากรถได้ แต่ก็ติดอยู่ที่ชะง่อนผาด้านล่าง ไม่สามารถหาทางขึ้นมาได้เพราะได้รับบาดเจ็บที่เท้า”
“คนอยู่ไหน”
“ทางนี้”
ทหารหลายสิบนายเตรียมจะช่วยเหลือผู้บาดเจ็บท่ามกลางสายฝน
“พี่ตู้ รอให้ฝนซาอีกสักหน่อยดีกว่า ฝนตกแบบนี้มันเสี่ยงเกินไปนะ” ไป๋ซินหูเสนอแนะเพื่อนร่วมงาน
“แต่คนกำลังบาดเจ็บนะอาหู และฝนก็ตกหนักมากด้วย น้ำจากข้างบนไหล่ลงไปแบบนี้ เกรงว่าชะง่อนผาอาจจะพังลงได้”
“ชะง่อนผาไม่น่าพังง่าย ๆ ยังมีลักษณะคล้ายปากถ้ำไว้หลบลมฝนได้อีก เขาน่าจะปลอดภัยไปจนถึงฝนหยุดตก แต่ถ้าเราช่วยเขาตอนนี้เรานี่แหละที่เสี่ยงกว่าเขา”
อาตู้คิดตามคำพูดของเพื่อนรุ่นน้องที่เป็นคนรอบคอบที่สุดในกลุ่ม
“ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล แต่เราจะเสียเวลาอยู่ที่นี่นานไม่ได้ เจ้าก็รู้ว่าเราเป็นกลุ่มสุดท้าย ต้องรีบกลับไปรวมตัวกับกลุ่มอื่นในเมืองหลวง ตอนนี้เรามีแค่สองทางเลือกเท่านั้น คือช่วยเขาหรือไม่ก็ทิ้งเขาไปตอนนี้เลย ให้เขารอให้คนอื่นที่ผ่านทางมาช่วย”
“แต่เราเป็นทหารนะพี่ตู้ เราจะทิ้งชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนไม่ได้”
“เช่นนั้นก็ต้องทำตอนนี้เลย เราจะเสียเวลาอีกไม่ได้แล้ว ถ้าเรากลับไปถึงช้ากว่ากำหนดมากเกินไป เราก็จะโดนลงโทษตามวินัยทหารเหมือนกัน”
“เช่นนั้นก็แล้วแต่พี่ตู้เถิด” ไป๋ซินหูรับปากอย่างเต็มใจ
ความจริงเขาควรจะกลับถึงเมืองหลวงตั้งแต่สามวันที่แล้ว แต่เพราะฝนที่ตกมาผิดฤดูนี้เอง ทำให้ท่านแม่ทัพไม่ไว้วางใจ สั่งให้ทหารกองของเขาอยู่เฝ้าระวังต่ออีกสามวัน เพราะกลัวจะเกิดเหตุน้ำท่วมหมู่บ้านซ้ำอีก
“เจ้าไปหยิบเชือกกับผ้ามาให้ข้าที”
“อือ” ซินหูทำตามคำสั่งโดยเร็ว
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ซินหูก็เตรียมตัวจะลงไปช่วยคน
“ข้าเอง” อาตู้ดึงไป๋ซินหูเอาไว้
“เจ้าออกคำสั่งอยู่ข้างบนนี่แหละ” ซินหูรู้ว่าพี่ตู้มีอาการปวดแขนข้างซ้ายมาสักพักแล้ว และตัวก็ใหญ่กว่าเขามากจึงไม่อยากให้ลงไป
“แน่ใจนะ” อาตู้ถามด้วยความเป็นห่วง เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ถนัดงานแบบนี้
“แน่ใจสิ รีบ ๆ เข้าเถอะ ฝนซาลงบ้างแล้ว เราจะได้ทำงานง่ายขึ้น”
อาตู้พยักหน้ารับ
ไป๋ซินหูถูกหย่อนลงไปจนถึงชะง่อนผาอย่างปลอดภัย มองดูร่างโปร่งบางที่หลบฝนอยู่กับโขดหิน เขาดูอิดโรยและซีดเซียว และเขายังอายุน้อยอยู่เลย ดูจากการแต่งตัวก็รู้ว่ามาจากชาติตระกูลที่ดี
“เป็นอย่างไร เจ็บตรงไหนบ้าง”
“ข้าเจ็บขามาก ท่านมาช่วยข้าหรือ”
“อือ ข้ามาช่วยแล้ว” ไป๋ซินหูมองข้อเท้าที่บิดจนผิดรูป บวมช้ำเป็นสีคล้ำ สูงขึ้นมาอีกนิดก็เห็นกระดูกแทงทะลุเนื้อที่ฉีกขาดออกมา แต่แทบไม่มีเลือดให้เห็นแล้ว คงเพราะถูกน้ำฝนชะล้างไป เขารีบหยิบผ้าและไม้ที่เตรียมไว้ออกมา
“เจ้าอายุเท่าไหร่แล้วคุณชายน้อย” ถามขณะเริ่มโรยยาลงไปบนบาดแผล
“อีกสองเดือนข้าก็จะอายุสิบสองแล้ว โอ๊ย!!!” ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดที่จู่โจมเข้ามากะทันหัน
ซินหูรีบจับขาที่ทำท่าจะชักหนี “อดทนหน่อยนะคุณชาย บาดแผลของเจ้าสาหัสมาก ข้าต้องรักษาอาการเบื้องต้นให้ก่อน เสร็จแล้วจะรีบพาเจ้าขึ้นไป กัดผ้านี้ไว้นะ”
“ข้าเจ็บ ซู้ด..แต่ข้าจะอดทน” เขารีบกัดผ้าข่มความเจ็บปวดที่ไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต แม้น้ำตาจะไหลแข่งกับน้ำฝนแต่ก็ไม่ปริปากร้องออกมา
“ข้าเป็นทหาร ชื่อไป๋ซินหู เดินทางไปช่วยผู้ประสบภัยที่เมืองไฮ่หลายเดือนแล้ว เมียของข้ากำลังท้องแก่ใกล้คลอด ข้าหวังอย่างยิ่งว่าจะเป็นลูกสาว เพราะข้ามีแต่พี่ชาย ข้าจึงอยากได้ลูกสาวเอาไว้ให้อ้อนข้าบ้าง” ซินหูหาเรื่องมาชวนคุยกับเด็กหนุ่ม เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความเจ็บปวด “เสร็จแล้ว”
“ท่านคงมีความสุขมากสินะ ที่จะได้กลับไปเจอหน้าภรรยา แล้วยังจะได้เป็นพ่อคนอีก” แม้จะยังเจ็บอยู่ แต่เขาก็คุยโต้ตอบกับนายทหารผู้มีพระคุณที่กำลังผูกปมผ้า
“ดีใจมาก อยากจะกลับถึงบ้านวันนี้พรุ่งนี้เลย ค่อย ๆ ลุกขึ้นนะ” เขาประคองเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้นช้า ๆ “นอกจากที่ขาแล้วยังเจ็บที่ไหนอีกไหม”
“เจ็บตามตัวบ้างแต่ไม่มากเท่าไหร่ ข้าทนได้”
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะส่งเจ้าขึ้นไป ตอนที่ถูกดึงขึ้นไปก็ระวังให้ดี”
“แล้วท่านไม่ขึ้นไปกับข้าด้วยหรือ”
“สองคนมันจะหนักเกินไป ถึงฝนจะซาลงมากแล้วแต่ก็ยังอันตราย เจ้าขึ้นไปก่อนเถิดคุณชายน้อย”
“ข้าชื่ออี้เทียน ขอบคุณท่านอาไป๋” ประสานมือคำนับอีกฝ่ายอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ
“ยินดี เจ้าพร้อมแล้วใช่ไหม”
“อือ”
ซินหูส่งยิ้มให้คุณชายน้อยก่อนจะกระตุกเชือกส่งสัญญาณให้คนด้านบน มองตามเด็กหนุ่มที่ถูกดึงขึ้นไปได้ครึ่งทางแล้วอย่างไม่คลาดสายตา
ครืนนนน..
“ระวัง!” เสียงของอาตู้ตะโกนดังด้วยความตกใจแข่งกับสายฝน
“เหวอ!” เสียงของอี้เทียนร้องด้วยความตกใจจนฟังไม่รู้เรื่อง
ไป๋ซินหูก็ตกใจกับภาพของอี้เทียนที่กำลังร่วงลงมาอย่างเร็ว รีบขยับตัวหมายจะรับคนที่กำลังตกลงมา ลืมไปว่าตัวเองนั้นกำลังยืนอยู่ชิดขอบผา ทำให้ขาข้างหนึ่งเหยียบลงไปบนอากาศ..
แต่โชคยังดีที่ร่างของอี้เทียนสะบัดลงมาใส่เขาพอดี ตัวเขาจึงเหมือนถูกเหวี่ยงกลับไปบนผาได้อย่างฉิวเฉียด
แต่ขาข้างที่ก้าวออกไปในอากาศเมื่อสักครู่ รู้สึกถึงความเจ็บปวดขึ้นมา..
เขาคงโดนหินบาดเข้าให้แล้ว
แต่ยังไม่ทันได้ขยับดูให้แน่ใจ สายตาก็เหลือบไปเห็นหินขนาดสองแขนโอบกำลังเกยอยู่บนหน้าผาด้านบน
มันมาจากไหน!
ใจของเขาแทบจะหยุดเต้น หวังอย่างยิ่งว่ามันจะหยุดอยู่แค่ตรงนั้น
แต่มันก็ไม่เป็นไปตามที่เขาหวัง!!
เขาไม่คิดอะไรแล้วในตอนนี้ หวังเพียงว่าเด็กหนุ่มบนตัวเขาคนนี้จะปลอดภัย
“จับเชือกไว้ให้มั่น!” แล้วผลักเด็กหนุ่มออกไปสุดแรง แล้วรีบหมุนตัวหนีก้อนหินก้อนใหญ่ที่กำลังตกลงมาสุดชีวิต
แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว หินทั้งก้อนกระแทกใส่หลังเขาก่อนจะกลิ้งตกผาไป
