บทที่3/2
แค่คิดถึงก็เจ็บร้าวในอก ไม่รู้ว่าลุงแทนบาดเจ็บหรือไม่ ซึ่งหากบาดเจ็บก็คงหนักกว่าเธอ…
นัยน์ตาเศร้าทอดมองไปไกล ประหนึ่งอยากทวงถามไปกับสิ่งรอบกายว่าคนสนิทของเธออยู่ไหน หากแต่ความว่างเปล่าสะท้อนกลับมาจนเจ็บหน้าอก กลายเป็นก้อนแข็ง ๆและลามร้อนไปจนถึงปลายจมูก ญารินเงยหน้าขึ้นสูดของเหลวส่งกลับหายไป
บางครั้งความอ่อนแอ ไม่ได้ทำให้รู้สึกดี!
“ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร ช่วยบอกมาเหอะ ว่าลุงแทนเป็นอะไรมากไหม ฉันเป็นห่วงลุงแทนจริง ๆนะ” น้ำเสียงเจือสะอื้นยามเอ่ยคำพูดออกมา มันดูเจ็บปวดและห่วงใยอีกคนอย่างเห็นได้ชัด
ดวงตาคมเข้มผันมองไปจุดอื่น ภาพหนึ่งสะท้อนในอก “ลุงแทนทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว… ปล่อยให้แกได้พักผ่อนเถอะ”
“ฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่าลุงแทนสบายดี เพราะขนาดคุณฉันยังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร แล้วฉันจะเชื่อใจคุณได้ยังไง”
เป็นครั้งแรกที่ดวงตากลมเข้มหันมาอย่างค้นหา ตาสบตาแล้วรีบหันกลับไป
คิ้วเรียวงามขมวดมุ่นแล้วคลายออก ความรู้สึกบางวิ่งแล่น แต่มันติดอยู่ในใจ “แล้วนี่คุณจะพาฉันไปไหน”
“แล้วคุณจะไปไหนล่ะ”
“ไป….” ญารินเอ่ยเพียงแค่นั้นแล้วหยุดพูด
หากคนผู้นี้ เป็นศัตรูกับพ่อและต้องการทำร้ายเธอเหมือนที่ทำร้ายคนอื่น ๆของพ่อ คงไม่ปล่อยให้เธอมานั่งโวยวายอยู่เช่นนี้แน่… หรือผู้ชายคนนี้ต้องการเรียกค่าไถ่เธอจากพ่อ แล้วแสร้งพูดให้เธอคลายกังวลเรื่องลุงแทน!
ฝันไปเถอะ!... เพราะพ่อของเธอไม่ได้รักและห่วงใยเธอขนาดนั้น
“คุณลักพาตัวฉันมาช่วงที่ลุงแทนบาดเจ็บใช่ไหม…” ญารินคิดหาทางเพื่อกระตุ้นให้อีกฝ่ายรำคาญและบอกความจริงในที่สุด “หากคุณจะเรียกค่าไถ่จากพ่อ บอกเลยว่าคุณคิดผิด เพราะฉันไม่มีค่าพอขนาดนั้น”
ดวงตาเข้มสีนิลเหลือบมองด้านข้างนิดนึงแล้วหันกลับไปมองเส้นทาง “ผมก็คิดเช่นนั้นแหละ”
“…!” ใบหน้างามตกใจจนลืมห่วงสวย ดวงตาหรี่แคบไม่อยากเชื่อหูว่าจะโดนย้อนกลับมาเช่นนั้น
“เอ้า ก็คุณบอกเอง ว่าคุณไม่มีค่าให้ใครตามหา งั้นก็ต้องว่าง่าย ๆหน่อยนะ”
“เหมือนคุณจะรู้หลายเรื่องเกี่ยวกับฉัน”
“หายปวดหรือยัง” คนทำหน้าที่พลขับเปลี่ยนเรื่อง
ดวงตากลมโตจ้องไปยังคนขับ มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราที่ดูแห้งกร้านอย่างค้นหา
“คุณเป็นใครกันแน่”
“ไม่ต้องรู้หรอก ว่าผมเป็นใคร รู้แค่ว่าหากผมอยากทำร้ายคุณก็คงทำไปแล้ว”
“นั่นแหละยิ่งทำให้ฉันอยากรู้ เพราะหากเป็นอริกับพ่อฉันจะได้ทำใจถูก”
เขายักไหล่ “นอนพักผ่อนเถอะถึงแล้วผมจะเรียกเอง”
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลไม่คลายมองคนตรงหน้า ใครจะไปหลับลง! เธอเอ่ยค้อนอยู่ในใจ “ตกลงคุณรู้หรือว่าฉันไปไหน”
ใบหน้าเรียบประหนึ่งคนไร้ความรู้สึก เลื่อนสายตามองคน ถามแวบหนึ่งแล้วไม่สนใจอะไรอีก
ญารินนึกหมั่นไส้ในท่าทางเงียบเฉย แต่ยังคงทำหน้าที่พลขับต่อไป เธอจึงคิดว่า คนหน้านิ่งที่ดูจริงจัง คงไม่มาเสียเวลา หากไม่รู้จุดหมายปลายทาง
“นึกจะพูดก็พูดนึกจะเงียบก็เงียบ” ญารินบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่คนที่นั่งอยู่ใกล้ได้ยินชัดเจน
“บางครั้งสิ่งที่ถามซ้ำ ๆหรือพูดซ้ำ ๆมันก็ไม่น่าพูดต่อ”
“ก็นั่นสิฉันก็ไม่ได้อย่างเซ้าซี่ถาม แต่แค่อยากรู้เรื่องลุงแทนก็เท่านั้น”
“รู้แค่ว่าลุงแทนเต็มใจให้ผมทำหน้าที่ต่อจากเขาก็พอ” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างตัดความรำคาญ
ใบหน้าที่เริ่มมีสีเลือดฝาดช้อนตามองจิก “คิดว่าฉันจะหลับลงไหม” แม้จะได้คำตอบที่ทำให้เข้าใจอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ทั้งหมด เพราะเธอห่วงความปลอดภัยของลุงแทนมากกว่าสิ่งอื่นใด
ทั้งคำพูดและการกระทำแม้จะค้างอยู่ในใจ แต่ในใจลึก ๆ มีบางอย่างทำให้เธอรู้สึกว่าคนคนนี้ไม่ได้มุ่งร้ายกับเธอ…
“ฉันไม่กล้านอนหลับ โดยที่ไม่รู้ ว่าคนคนนั้นเป็นใคร”
“งั้นก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้มีเพื่อนนั่งเป็นเพื่อน” แล้วเขาก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป โดยมีสายตาคมวาวเหลือบมองเป็นระยะ
เถอะ!
หลังจากที่ปากหนักบอกไปว่าตัวเองหลับไม่ลง สุดท้ายแอร์เย็น ๆบวกกับร่างกายที่ปวดร้าวทำให้ความง่วงเข้ามาครอบงำและหลับไปในที่สุด
รถ G W M จอดสนิทนิ่งใต้ต้นไม้ใหญ่กลางหมู่บ้าน ซึ่งแต่ละหลังปลูกสร้างเรียงกันเป็นแถวโดยมีพื้นที่ว่าง และสร้างรั้วไม้กันเป็นแนวแบ่งพื้นที่ในแต่ละหลัง บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่เขียวขจี บ่งบอกถึงการใช้ชีวิตในธรรมชาติและวิถีชนบทโดยที่เครื่องใช้ที่เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ยังเข้าถึงไม่มากนัก
ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ ภูมินทร์วัยยี่สิบแปดปี ใช้สายตาสำรวจผู้คน ที่เดินออกมาดูด้วยความสนใจในระยะไกล หลังจากนั่นก็เดินหายเข้าไปในบ้านพักของตัวเอง
ภูมินทร์หันมองหญิงสาวปากแข็งที่ตอนนี้ยังคงนอนหลับสบายหายใจสม่ำเสมอ แล้วตัดสินใจแกะผ้าที่มัดข้อมือข้อเท้าของเธอออกไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะตื่น จนกระทั้งเขาผันไปเห็นชายวัยกลางคนเดินตรงเข้ามา ใบหน้านั้นแต้มไปด้วยรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรจึงตัดสินใจปลุกคนหลับ
“คุณครับถึงแล้วครับ”
