CHAPTER 1 เลขากับท่านประธาน
คิรินทร์โยนแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะเสียงดังจนผู้ช่วยเลขาสะดุ้งไปทั้งตัว เธอก้มหน้ามองแฟ้มที่กระเด็นไปเล็กน้อย หัวใจเต้นแรงไม่ต่างจากตอนที่เข้าประชุมครั้งแรกกับเขา
“คุณไม่ดูหรือไงว่าพิมพ์ผิดมาตัวหนึ่งงานง่ายๆ แค่นี้ยังทำพลาด!” น้ำเสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความไม่พอใจ จนทุกคำพูดเหมือนมีมีดคมเฉือนหัวใจของเธอ
“ขอโทษค่ะท่านประธาน แต่…” ไข่มุกรีบเงยหน้าขึ้น พยายามควบคุมลมหายใจ เธอกำลังจะอธิบายว่าเธอรับงานนี้มาจากเลขาคนอื่นอีกที แต่คำพูดก็ถูกตัดลงเมื่อเขายกมือขึ้น
“ไม่ต้องเถียง! กี่ครั้งแล้วที่คุณทำงานพลาด ผมไม่เลี้ยงคนโง่ๆ ไว้หรอกนะ!” เขาตวาดเสียงเข้ม กำมือแน่นราวกับควบคุมความอดทนจนเกือบขาด
ไข่มุกกัดริมฝีปากจนเจ็บ เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังถล่มลงมาบนหัว แต่ก็ไม่กล้าสบตาเขากลัวว่าจะเห็นเพียงความผิดหวังในสายตาของผู้ชายตรงหน้า
“คุณทำงานกับที่นี่มาสามปีเต็มแล้ว ชื่อมหาลัยที่แบกอยู่ก็ไม่ช่วยให้คุณเก่งขึ้นบ้างเลยหรือไง หรือคุณมีสมองเอาไว้ แค่คั่นหูไว้เฉยๆ”
“มุกขอโทษค่ะ” เธอก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
“เอาแต่ขอโทษๆ ทั้งวันฝ่ายบุคคลรับคุณเข้ามาเพราะเรียนดี แต่การทำงานติดลบหรือมัวแต่ไปอ่อยแฟนคนอื่นเลยไม่มีสมาธิทำงาน”
เขามักได้ยินพนักงานพูดถึงผู้ช่วยเลขาของเขาในทางไม่ดี หญิงสาวเป็นคนหน้าตาดีมากไม่แปลกที่ผู้ชายมักจะเข้าหา แต่ช่วงนี้หญิงสาวทำงานพลาดบ่อย บางทีอาจจะโฟกัสอย่างอื่นมากกว่างาน
“มุก...”
“ผมให้โอกาสคุณแก้ไขงานนี้ และคราวหน้าถ้าพลาดอีกคุณก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่แล้ว”
คิรินทร์สูดลมหายใจลึก ก่อนจะยืนขึ้นตรงเงยหน้ามองไข่มุกด้วยสายตาที่เข้มข้น แต่แฝงความคาดหวังบางอย่างไว้
“มุกจะทำให้ดีค่ะ” เธอพยักหน้าช้าๆ รู้ดีว่านี่ไม่ใช่คำขู่เล่นๆ แต่เป็นบททดสอบที่หนักหนาสำหรับเธอ
เมื่อหญิงสาวออกไปเขาถอนหายใจไม่ได้ตั้งใจจะว่าไข่มุกแรงขนาดนั้น คนเรามีโอกาสทำงานพลาดได้อีกฝ่ายอายุยังน้อยอาจจะยังไม่รอบคอบ แต่ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงหงุดหงิดทุกครั้งที่เจอหน้าหญิงสาว
“ฉันเป็นถึงท่านประธาน K-Metha Holding จะไปสงสารเด็กที่เพิ่งจบมหาลัยได้ยังไง”
คิรินทร์ กฤตเมธานนท์ อายุ 32 ปี สูงโปร่งร่างกายกำยำแต่ไม่ล่ำเกินไป ท่วงท่าทุกก้าวดูสง่างามและมั่นใจเหมือนชายที่อยู่เหนือทุกสถานการณ์ ใบหน้าคมคายจมูกโด่งเป็นสัน ปากเรียวแต่มีรอยยิ้มบางๆ ที่ดูเย็นชาและมีเสน่ห์ดึงดูด ดวงตาคมกริบเป็นสีเข้ม ลึกเหมือนมีความลับซ่อนอยู่ ขอบตาเรียวทำให้สายตาของเขามีอานุภาพราวกับสามารถอ่านใจคนได้ในเสี้ยววินาที
ผมดำสนิทสลวยเรียบและเงางามเหมือนเพชรที่ได้รับการเจียระไนมาอย่างพิถีพิถัน เสื้อเชิ้ตขาวเรียบเนียน สวมสูทเข้ารูปอย่างดี เสริมด้วยเนกไทสีเข้ม ทุกองค์ประกอบบนตัวเขาเหมือนถูกออกแบบมาเพื่อสะท้อนทั้งอำนาจ ความมั่งคั่ง และความเฉียบขาด
แม้รอยยิ้มของเขาจะบางครั้งดูเย็นชาและเข้าถึงยาก แต่ก็เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่ทำให้คนรอบข้างทั้งเกรงกลัว และหลงใหลในเวลาเดียวกัน
แต่เขาไม่ใช่หนุ่มโสดเพราะเขามีคู่หมั้น ถึงแม้เขาจะไม่ได้รักอีกฝ่ายก็ตาม ทั้งสองหมั้นหมายกันเพราะเรื่องธุรกิจจนวันที่พ่อของเสียชีวิตไป เขาจึงหาทางถอนหมั้นตลอดเวลา แค่คู่หมั้นกลับหนีไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเพื่อหวังจะยื้อเวลาออกไป
ประตูห้องทำงานเปิดออก เดวิดถือแฟ้มเอกสารเข้ามาอย่างเรียบร้อย
“งานเลี้ยงบริษัททุกอย่างพร้อมแล้วครับ คุณลิต้ากลับมาแล้วด้วยครับ คาดว่าคืนนี้เธอจะเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วย”
คิรินทร์พยักหน้าเบาๆ แต่ดวงตายังคงแข็งกร้าว ขณะที่ริมฝีปากบางขยับพูดอย่างไม่แยแส
“มาแล้วก็ดีจะได้หลุดพ้นจากคนพวกนั้นเสียที หน้าด้านหน้าทนเกินไป” เขาเพียงทำตามความต้องการของพ่อเท่านั้น ในเมื่อท่านไม่อยู่แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องสนใจใครอีกต่อไป
ไข่มุกเดินมายืนรอรถหน้าบริษัท มือเล็กกุมกระเป๋าแน่น ร่างกายยังสั่นเล็กน้อยจากความเครียดเมื่อตอนอยู่ในสำนักงาน
“น้องมุกกลับกับพี่ไหม?” ตะวันหนุ่มรุ่นพี่ที่ทำงานอยู่ที่นี่เหมือนกัน เดินเข้ามาแล้วยิ้มทักทายด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
“มุกกลับเองได้ค่ะ” เธอส่ายหน้าเล็กน้อย พยายามเรียบเรียงความรู้สึกให้สงบ
“ตาแดงโดนใครดุมาอีกแล้วใช่ไหม?” ตะวันเลิกคิ้วมองเธอสักพัก ก่อนจะเอ่ยติดตลกอย่างห่วงใย
“เปล่าค่ะ” เธอรีบก้มหน้าหลบสายตารุ่นพี่ ไม่กล้าบอกความจริงว่าพึ่งแอบไปร้องไห้หลังจากถูกเจ้านายดุ เธอแค่ส่ายหน้าอย่างรวบรัด
ตะวันถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ซักถามต่อ แค่ยิ้มบางๆ เหมือนเข้าใจ
คิรินทร์นั่งอยู่ในรถหรูจ้องมองออกไปทางกระจกข้าง สายตาเย็นเฉียบหยุดอยู่ที่ไข่มุกซึ่งกำลังยืนอยู่กับผู้ชายอีกคน ทุกครั้งที่เห็นภาพแบบนี้ ความหงุดหงิดก็พุ่งขึ้นในอกไม่ต่างจากไฟที่ลุกโชน
“อ่อยแต่ผู้ชาย” เขาพึมพำด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่เต็มไปด้วยความรำคาญ
“มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” ศิวกรนั่งข้างคนขับเจ้านายไม่ได้ยินชัด เขาจึงหันไปถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
“พรุ่งนี้ติดต่อฝ่ายบุคคลให้ใบเตือนพนักงานที่ชื่อชลาลี”
“น้องมุกเหรอครับ? ผมเห็นน้องเขาทำงานดีมาตลอดนะครับ” ศิวกรเลิกคิ้วเห็นสายตาของเจ้านายเต็มไปด้วยความหงุดหงิด แต่ก็แอบลังเล
“ห่วงมากนักก็รับเอาไปเอง” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหงุดหงิดปนเย็นชา ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มให้
ศิวกรก้มหน้าพยักหน้ารับคำ สายตาเห็นชัดว่าเจ้านายกำลังอารมณ์เสีย และครั้งนี้ไข่มุกกำลังตกอยู่ในสายตาของเขาแบบที่เขาไม่อาจปล่อยผ่าน
“คืนนี้งานเลี้ยงให้พี่ไปรับไหม” ตะวันหันมาถามหญิงสาวอีกครั้ง
“มุกมาเองได้ค่ะเกรงใจแฟนพี่ตะวัน อีกอย่างมุกไม่อยากมีปัญหา” แฟนของตะวันขี้หึงมาก ครั้งนั้นก็เข้าใจเรื่องของเธอกับตะวัน จนทำให้เธอต้องออกห่างจากอีกฝ่าย เพื่อความสบายใจของทุกคน
“พี่ขอโทษด้วยนะ”
“มุกไปก่อนนะคะ”
“เจอกันที่งานนะ” เขามองจนเห็นหญิงสาวขึ้นรถเมล์ไป ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายยามที่นึกถึงคนรักตัวเอง
“มองตามมันตาละห้อยอยากไปส่งมันจนตัวสั่นหรือไง” เพลงมีนามาเห็นภาพนั้นพอดี เธอไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนั้นเพราะตะวันมักส่งข้อความห่วงใยไปหา
“เธอมาได้ยังไง”
“ถ้าไม่มาจะเห็นภาพนั้นเหรอ รักมันหรือไงก็ไปคบกับมันเลยสิ”
“ไร้สาระ” เขาไม่อยากคุยกับคนอารมณ์ร้อนจึงลากเพลงมีนาขึ้นรถมาพร้อมกัน
“ตะวันชอบมันใช่ไหม หรือได้กันแล้วถึงตามราวีมันตลอดเลย”
“ไม่มีคือไม่มีเธออย่าทำตัวน่าเบื่อแบบนี้ได้ไหม น้องมุกเขาไม่ได้คิดอะไรกับฉันเลย”
“ถ้ามันคิดตะวันก็จะไปกับมันใช่ไหม” เพลงมีนาโวยวายลั่นรถ เธอไม่ยอมให้ทั้งสองคนสมหวังเด็ดขาด
“เพลง! เราเลิกกันเถอะ”
“กรี๊ดดด ทำไมได้มันแล้วใช่ไหมถึงทิ้งกัน” หญิงสาวกรีดร้องคบกันมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่งจนถึงวันนี้ คราวนี้ยอมรับว่าตะวันเปลี่ยนไปมาก
“ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น เธอนิสัยไม่ดีรู้ไหมโวยวายน่าเบื่อ ทั้งที่ฉันไม่เคยทำอะไรให้เธอระแวงเลย มีแต่เธอที่เป็นประสาทอยู่คนเดียว”
“ฉันไม่เลิก ถ้าเลิกฉันจะไปประจานมันว่าตะวันทิ้งเมียไปเอากับมัน”
“เธอมันเกินเยียวยาจริงๆ”
