บท
ตั้งค่า

ไหนแฟนเธอ

ผมหันกลับมามองยัยตัวแสบที่ตอนนี้หน้าแดงๆแล็วก็เหมือนจะโกรธหน่อยๆเลยใช้แขนพาดไปที่คอก่อนจะรั้งให้เข้ามาหาพร้อมกับใช้แขนอีกข้างรัดที่เอวของยัยตัวแสบไว้แน่นๆและหอมแก้มอีกข้างหนึ่งแรงๆ อือหื้อ แล้วกลิ่นตัวแม่งหอมมากหอมแบบหวานๆอะ

ฟอดดดด!!!

“อือ ปล่อย!!”

ฉันบอกคนตัวสูงก่อนจะดิ้นแล้วใช้มือยกขึ้นเพื่อตบหน้าเขาก่อนจะได้ยินเสียงคนตัวสูงพูดขึ้นมา

“ถ้าตบหน้าจะไม่ได้หยุดแค่หอมนะ เตือนไว้ก่อน”

ผมปล่อยยัยตัวแสบออกแล้วหลังจากนั้นยัยนี่ก็ใช้เท้าเหยียบที่เท้าผมแรงๆก่อนจะถือกระเป๋าแล้วก็ซองเอกสารเดินออกจากห้องไปผมเลยเท้าเอวมองก่อนจะพูดกับตัวเองเบาๆ

“หึ แม่งทรงนี้ไม่รู้ว่าใครจะอายุมากกว่าเลย”

“นี่กูจะอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่วะสภาพนี้อะ งื้ออ”

ฉันเดินออกมาจากห้องพร้อมกับใช้มือถูที่แก้มตัวเองแรงๆก่อนจะรวมรวบสติแล้วเดินมาที่ห้องทวิภาคีในระหว่างที่เดินมาก็มีเด็ก ๆ ทักเลยยิ้มพร้อมกับทักทายกลับไป

“ไอ้โย นานจัด แล้วมึงทำอะไรอาจารย์วะเดินออกมาหน้าโกรธๆ”

“เออ แล้วแดกข้าวไหมครับ”

“หึ เออไป กูเลี้ยงข้าวพวกมึง 5 คนเอง”

“อือหื้อ พ่อพระของกลุ่ม”

ฉันเปิดตารางสอนที่อาจารย์แม่ส่งมาให้แล้วก็มาดูวิชาที่ตัวเองต้องสอน อ๋อ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์แทนอาจารย์คนเก่าที่ออกไปด้วย

“อืม ดีนะทำแผนการสอนมาแล้ว”

ฉันเดินลงมากินข้าวที่ศูนย์อาหารเพราะวันนี้มีสอนตอน 13.00-16.00 น. ห้อง ชคก.1/1 (ย่อมาจากประกาศนียบัตรวิชาชีพสาขาคอมพิวเตอร์กราฟิก) พอมาถึงศูนย์อาหารเท่านั้นแหละแทบจะเดินออกเพราะเห็นไอ้บ้านั่นกับเพื่อนเขาแต่เด็กผู้หญิงในห้องที่เป็นที่ปรึกษาเดินมาจับแขนฉันไว้พอดี

“พี่มิ้ม มากินข้าวเหรอคะ”

“จ่ะ”

“มาค่ะงั้นพวกพริกพาทัวร์เอง”

“หึหึ ขอบใจจ้า แล้วยังไม่กลับบ้านกันเหรอ”

“ไม่ค่ะ เหงา”

“หื้อ หึหึ”

ผมมองยัยตัวแสบที่ตอนนี้ถูกไอ้พริกแล้วก็ไอ้แปมลากมา หึ สงสัยต้องเลี้ยงเหล้าไอ้สองคนนี้เยอะ ๆ ละ

ฉันเดินมาหยุดที่ร้านอาหารตามสั่งก่อนจะสั่งสุกี้ทะเลแห้งแล้วก็ได้ยินเสียงเด็กตรงหน้าพูดขึ้นมา

“พี่มิ้มงั้นเดี๋ยวพริกมาหานะ ฝากซื้อน้ำไหมคะ”

“อ๋อ ไม่เป็นไรพี่เกรงใจ”

“อื้อ เกรงใจอะไรของแค่นี้”

ฉันหยิบเงินให้เด็กน้อยสองคนไป 100 บาท พร้อมกับลูบหัวเบาๆ

“งั้นพี่เลี้ยงนะ”

“งื้อออ น่ารักจนอยากจะกลืนลงท้องเดี๋ยวแปมกับพริกรีบกลับมานะคะ”

“จ้าๆ”

“เดี๋ยวกูมา”

“อ้าวแล้วมึงจะไปไหนสัสโย”

ผมยิ้มมุมปากก่อนจะกอดอกแล้วบอกพวกมันไป

“ไปร้านอาหารตามสั่ง”

“สัสเอ๊ย กูคิดว่าแฟนกัน”

“เออ แสดงจุดยืนชัดสัส”

ฉันยืนรอข้าวอยู่พร้อมกับเล่นโทรศัพท์ไปด้วยสักพักก็สะดุ้งขึ้นมาเบาๆหลังจากได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลัง

“กินอะไร”

“อุ้ย ขยับออกไป”

ผมกอดอกก่อนจะยืนอยู่ที่หลังของยัยตัวแสบก่อนจะเห็นว่ายัยนี่เหมือนจะดูเสื้อผ้าหรืออะไรอยู่นี่แหละเลยถามออกไปอีกรอบ

“ถามว่ากินอะไร”

“เรื่องของฉัน ฉันเอาปากนายเคี้ยวเหรอ”

“แล้วอยากใช้ปากฉันไหมละ”

“ฉันบอกให้นายขยับออกไปคนอื่นมองมามันดูไม่ดี กรุณาให้เกียรติฉันด้วย”

ฉันบอกคนตัวสูงออกไปด้วยหน้าตาจริงจังเพราะถ้าคนอื่นมองมาก็เอาไปพูดกันถึงไหนต่อไหนแล้วอีกอย่างสมัยนี้คือลงโซเซียลก็แทบจะไม่มีที่ยืนแล้วนะ พอบอกเขาออกไปด้วยหน้าตาจริงจังเขาก็ขยับออกนิดหนึ่งแล้วก็ไม่รู้ว่าไอ้นี่อยากจะแกล้งอะไรฉันหนักหนา

“แล้วเธอมีแฟนแล้วเหรอ”

“ใช่”

“หึ ไหนแฟนเธอ”

ผมถามยัยตัวแสบที่อยู่ข้างหน้าเพราะรู้ว่ายังไงยัยนี่ก็โกหก

“แฟนฉันก็คือแฟนฉันนายยุ่งอะไรด้วย”

ฉันถอนหายใจก่อนจะหันมามองคนตัวสูงแล้วก็เห็นเขาหัวเราะเบาๆออกมาแล้วถามฉันขึ้นมาอีกรอบ

“แล้วทำไมสถานะเธอโสดในเฟส”

“ฉันเพิ่งคบกันเลยยังไม่ได้ขึ้นสถานะ”

“อย่าโกหกเอาเรื่องจริง”

ผมถามยัยตัวแสบออกไปด้วยหน้าตาและน้ำเสียงที่จริงจังก่อนยัยนี่จะตอบกลับมา

“เออ ฉันโสดพอใจแล้วก็ไปซะ”

“อืม งั้นฉันจีบเธอ ชัดนะ”

ฉันหันมามองเขาอย่างงงๆก่อนจะรีบส่ายหัวแล้วตอบกลับไป

“ไม่ นายไปจีบคนอื่นเถอะฉันไม่ชอบคนอายุน้อยกว่า”

“หึ ฉันน้อยกว่าเธอแค่สองปีอะนะ ดูจากท่าทางฉันเหมือนจะโตกว่าเธอเยอะ”

“นี่”

“ได้แล้วค่ะอาจารย์สุกี้แห้ง”

ฉันที่กำลังเถียงกับเขาอยู่ก็หันกลับมาก่อนจะหยิบเงินส่งให้เจ้าของร้านแล้วกำลังจะเดินไปหาโต๊ะนั่งแต่ถูกคนตัวสูงดึงแขนมาพร้อมกับดึงจานในมือฉันไปถือ

“นี่ ปล่อย”

“นั่ง”

ผมดึงยัยตัวแสบมาที่โต๊ะที่อยู่ถัดจากที่ผมนั่งกินอยู่ก่อนจะหันไปบอกไอ้พลัส

“สัสพลัส มึงเอาจานข้าวกูมาให้หน่อย กูจะนั่งกินข้าวกับแฟน”

“ห๊ะ!! เออๆ อะๆ”

“ทำไมนายมึนแบบนี้ห๊ะ ฉันพูดอะไรไปไม่เข้าใจเหรอ”

“ไม่ นั่งกินข้าวอย่าให้ต้องบังคับ ถ้ายังไม่นั่งฉันจะจับเธอมานั่งตักแล้วถ้ากลัวดูไม่ดีก็ลาออกซะฉันมีเงินดูแลเธอได้”

ฉันถอนหายใจก่อนจะเท้าเอวมองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะเม้มปากเข้าหากัน นี่ฉันกำลังจะเจอกับอะไรวะ แล้วถ้าไม่นั่งแล้วไอ้บ้านี่ทำจริงขึ้นมาก็ดังอีกเอาวะยังไงก็เจอกันแค่วันนี้แหละ ฉันนั่งลงก่อนจะเริ่มกินโดยที่ไม่สนใจคนตัวสูง แล้วดูที่นายนี่ทำ

“งื้ออ นายไอ้บ้า เอาของฉันคืนมา”

ผมใช้ส้อมจิ้มกุ้งในจานของยัยตัวแสบมา หึ ไม่สนใจเหรอมันต้องแบบนี้แหละ

“หึ มีวิญญาณแล้วเหรอ อะเอาคืนไป”

ฉันใช้ช้อนดึงกุ้งลงมาแล้วถ้ามันมีเยอะก็ไม่โวยวายหรอกอันนี้ทั้งจานมีตัวเดียวฉันมองไปที่จานของเขามันเป็นกะเพราหมูกรอบแล้วก็มีไข่ดาวที่ไม่สุกเลยใช้ส้อมจิ้มที่ไข่แดงให้มันแตกสองสามทีก่อนจะหันมานั่งกินของตัวเองต่อ

“หึ นี่อะนะโตแล้ว”

“พี่มิ้ม อ่าวไอ้โยมึงนั่งนี่เหรอ”

“เออ จะทำไมกู กูนั่งกับแฟนกูแปลกตรงไหน”

“ห๊ะ!! เชี้ยโยกับพี่มิ้ม คือคบกันมาก่อนเหรอ”

ผมหัวเราะออกมาหลังไอ้แปมถามออกมาเสียงเบาๆเพราะกลัวคนอื่นได้ยิน

“ไม่ใช่นะ เพื่อนเราอะบ้า”

“ไม่บ้า พูดจริง”

“กูว่าแล้วปกติไม่นั่งหน้าวันนี้แฟนมาเลยนั่งหน้าเชี้ยโยเอ๊ย”

“เออ แล้วปกตินี่หายหัวไปแล้วนะกูว่าละว่าน้ำแม่งจะท่วมวิทลัย”

ฉันพยายามจะอธิบายแต่ทุกคนก็คือเหมือนเป็นเรื่องจริงไปแล้วเลยหันมากินข้าวต่อแล้วจะได้รีบไป

“ดีแล้วค่ะพี่มิ้ม ไอ้โยมันรวยเอาเงินมันให้หมด”

“เออ จริง เฮ้ย อิหวานมึงไปไหนอะ”

“กลับบ้านคืนนี้ไปตี้”

“สัสเอ๊ย เจอกันที่เดิม พี่มิ้มสนใจไหมผับแถววิทลัยไม่ไกลหรอก”

“อิแปม หยุดซะมึงอะ”

“เออ กูลืม ถ้าสนใจบอกพวกหนูได้นะ”

ฉันกินข้าวเสร็จก็เดินกลับมาที่ตึกแล้วก็หาซื้อขนมมาติดไว้จะว่าไปยังไม่ได้ไปดูโต๊ะตัวเองเลย แล้วสิ่งที่น่าปวดหัวกว่าคือ

“สอนถึงกี่โมง”

ผมเดินถามยัยตัวแสบมาก่อนจะถามออกไปเพราะไม่รู้ว่ายัยนี่สอนถึงกี่โมงเดี๋ยวจะต้องเอาตารางไว้ละ

“นี่ นายจะเอายังไง”

ฉันหันมาพร้อมกับเท้าเอวและถามคนตัวสูงออกไปเพราะตอนนี้มันก็ไม่ค่อยมีใครเดินไปเดินมาเพราะเป็นเวลาเรียนเลยถามออกไปแบบจริงจัง

“ก็ไม่เอาไง ฉันบอกฉันจีบเธอ เธอก็เป็นแฟนฉัน เราสองคนเป็นแฟนกัน อะ”

ผมบอกยัยตัวแสบตรงหน้าออกไปพร้อมกับตักข้าวโพดอบเนยแล้วยัดไปที่ปากของคนตรงหน้า

“งื้ออ นาย”

ฉันดันมือเขาออกก่อนตัวสูงจะใช้นิ้วเช็ดปากให้พร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ

“หึหึ ก็มันอร่อยเลยอยากให้ชิม”

“งั้นนายกลับบ้านไปค่อยไปคุยกันที่นู่นฉันจะไปสอน”

“ก็ไปสิ ฉันก็ไปด้วยนั่งด้วยกันได้อยู่ละน้องห้องไหนก็รู้จักหมด”

ผมเดินตามยัยตัวแสบขึ้นมาบนห้องก็เห็นว่าเป็นห้องน้อง ปวช.ปีหนึ่ง พอเข้ามาเด็กๆในก็ทักยัยตัวแสบ

“ครูมิ้ม”

“หึหึ สวัสดีค่ะ นั่งก่อนเนาะครูขอสอนแป๊บหนึ่ง”

“ค่ะ เฮ้ยไอ้เบสมึงปิดเพลงก่อน”

“เออๆ กำลังปิด อ้าวพี่โย”

“หึ นั่งด้วยนะ”

“ยินดีจ้า”

ฉันเดินเอาของมาวางที่โต๊ะพร้อมกับกดเปิดคอมและหันมาบอกเด็กๆก่อนจะหันมาบอกคนตัวสูงที่เอาเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ

“เดินไปเปิดไฟสิ”

“ห๊ะ”

ผมมองยัยตัวแสบที่ตอนนี้ใช้ผมเดินไปเปิดไฟแล้วหนึ่งแล้วถามว่าลุกไหมก็ต้องลุกดิครับ

“ปิดข้างหน้า เปิดข้างหลังให้หมด”

ฉันบอกคนตัวสูง ฮึ เดี๋ยวจะใช้ให้ขาลากเลยเดี๋ยว พอบอกเขาเสร็จก็หันมาบอกเด็กๆ

“นั่งประจำที่แล้วก็เปิดคอมเลยนะคะ ใช้ได้ทุกเครื่องใช่ไหม”

“ได้ค่ะ”

ฉันกดเปิดหน้าพาวเวอร์พ้อยที่ทำตารางการให้คะแนนไว้และเริ่มอธิบายรายวิชา

“ค่ะ ระหว่างที่เรารอคอมอาจารย์ขออธิบายรายวิชาก่อนนะคะ ใครจะถ่ายรูปถ่ายไว้นะคะ การให้คะแนนก็คือมาเรียน 10 คะแนน คะแนนงาน 60 คะแนน แล้วคะแนนสอบ 30 คะแนน ตรงนี้สำคัญครูเลยจะถามเราว่าเราจะสอบแบบอัตนัยหรือปรนัยคะ ปรึกษากันได้หลังจบคาบเรียนอาจารย์จะถามจะได้เข้าใจตรงกัน ส่วนในการขาดเรียนของอาจารย์ขาดได้ 4 ครั้งคือสูงสุด สายสามครั้งเท่ากับขาดหนึ่งครั้งนะคะ ใครที่มีเหตุจำเป็นมาบอกอาจารย์ได้และอาจารย์จะสร้างกลุ่มไลน์สำหรับวิชานี้ใครจะลาไปไหนสามารถบอกมาในกลุ่มได้เลยนะคะ”

“ค่ะ”

ผมมองยัยตัวแสบตรงหน้าที่ไม่บอกก็ไม่อยากจะเชื่อนะเพราะดูสอนแบบเหมือนเคยสอนมาแล้วทั้งๆที่เพิ่งจะเริ่มทำงาน

“อะ โอเค วิชานี้เราจะใช้โปรแกรม อิลลัสเตรเตอร์ (Ai) กดเปิดโปรแกรมได้เลยค่ะ แล้วแต่ละรายชั่วโมงอาจารย์จะทำชีทมาแจกนะคะเราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาจดเดี๋ยวของวันนี้อาจารย์จะเอามาให้ย้อนหลัง แล้วชีทเก็บไว้นะคะมีค่าตอนสอบ”

“ค่ะอาจารย์”

“อะ โปรแกรมมาแล้วเรากด Ctrl+N ค่ะ เพื่อที่จะสร้างขนาดอาร์ตบอร์ดหรือขนาดหน้ากระดาษของงานนะคะ แล้วมีอีกหนึ่งวิธีคือไปที่ File แล้ว เราจะเห็น คำว่า New สามารถทำได้สองวิธีนะคะแต่อาจารย์แนะนำวิธีแรกแล้วทุกครั้งของการทำงานเราเพิ่มลดแก้ไขตรงไหน อาจารย์แนะนำให้ กด Ctrl+S ไปจนกว่างานจะเสร็จนะคะไม่อย่างนั้นอาจจะมีคนเสียน้ำตา”

“หึหึ”

ฉันหันไปบอกเด็กๆในห้องทุกคนก็พากันหัวเราะออกมา

“อะ การสร้างภาพหรือออกแบบงานในโปรแกรมนี้จะเรียกว่าเป็นภาพแบบเวคเตอร์ ใครรู้บ้างว่าคืออะไร”

“เป็นภาพที่ย่อขยายแล้วไม่แตกค่ะ”

“ใช่ค่ะ แต่อาจารย์ขออธิบายในส่วนของรายละเอียดเพิ่มเติมนะคะ ภาพแบบเวคเตอร์ เป็นภาพที่สร้างด้วยส่วนประกอบของเส้นในลักษณะต่าง ๆ และคุณสมบัติเกี่ยวกับสีของเส้นนั้น ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้สร้างจากการคำนวณทางคณิตศาสตร์ เช่น รูปของกล่องนมก็จะมีเส้นต่างๆที่นำมาต่อกันจนเป็นรูปร่างทำให้เวลาเราย่อหรือขยายไปแค่ไหนเส้นก็จะไม่แตกซึ่งจะต่างจากภาพภาพแบบบิทแมพ หรือเราอาจจะเรียกว่าภาพแบบราสเตอร์ (Raster) ก็ได้เหมือนกันนะคะ ซึ่งภาพบิทแมพเป็นภาพที่เกิดจากจุดสีที่เรียกว่าพิกเซล (pixels) ซึ่งเรียกต่อกันเป็นรูปร่างบนพื้นที่ ที่จะมีลักษณะเป็นตาราง (กริด) แต่ละพิกเซลจะมีค่าของตำแหน่งและค่าสีของตัวเอง ภาพหนึ่งภาพจะประกอบด้วยพิกเซลหลาย ๆ พิกเซลรวมกัน และแน่นอนว่าถ้าเราขยายไปใกล้เท่าไหร่เราจะเห็นเป็นพิกเซลที่เรียงต่อๆกัน อันนั้นคือตัวอย่างนะคะ”

ฉันสอนเด็กๆใช้เครื่องมือไปด้วยอย่างช้าๆเพราะบางคนตามไม่ทันเลยค่อยๆไปแล้วก็เดินดูไปด้วยพอทุกคนเริ่มจะเข้าใจเครื่องมือแล้วก็สั่งงานนักเรียน

“อะทุกคนคะ งานชิ้นแรกนะคะ ให้ทุกคนหาตัวการ์ตูนหนึ่งตัวที่ทุกคนชอบจากนั้นนำมาดราฟและลงสีให้เหมือนต้นฉบับ อ๋อ แล้ววิชาของอาจารย์อาจารย์จะทำช่องส่งงานไว้ในโฟลเดอร์ทางเมลนะคะ อาจารย์จะแชร์โฟลเดอร์และเพิ่มเมลพวกเราเข้าไปเพราะถ้าเก็บไว้ในงานหายแน่ๆ หรือจะเอาทางคลาสรูมดี”

“คลาสรูมค่ะ”

“โอเค งั้นเดี๋ยวอาจารย์สร้างคลาสแล้วทุกคนก็เอางานอัพไว้นะคะวันนี้ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้นถ้าใครเสร็จจะส่งเลยก็เรียกอาจารย์ได้เลยค่ะเหลือเวลาอีกสองชั่วโมงถ้าไม่เสร็จให้ส่งสัปดาห์หน้าได้แต่ต้องเอาให้ได้มากที่สุดนะคะ ใครมีอะไรติดขัดตรงไหนเรียกอาจารย์ได้ตลอดนะคะ”

“ค่ะอาจารย์/ครับอาจารย์”

“งั้นทำงานได้ค่ะ ใครจะเปิดเพลง ใครจะไปเข้าห้องน้ำ ใครจะไปซื้อน้ำอาจารย์อนุญาตนะคะแต่ไม่ออกข้างนอก แล้วรีบกลับมาทำงานกันนะคะที่รัก โอเค้”

“โอเคค่ะ อาจารย์ใจดีมากๆ พวกหนูขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำนะคะแล้วจะรีบกลับมาทำงานค่ะ”

เด็กตัวน้อยๆมากอดที่เอวฉันไว้พร้อมกับขอไปเข้าห้องน้ำฉันเลยยิ้มพร้อมกับใช้มือลูบที่หัวเบาๆ

“หึหึ จ้า”

ฉันเดินมาที่โต๊ะทำงานก่อนจะหยิบใบรายชื่อที่ไปขอมาแล้วก็เอามาเขียนวันที่เพราะจะเตรียมเช็คชื่อตอนท้ายชั่วโมงพอนึกขึ้นได้เลยส่งใบรายชื่อให้คนตัวสูง

“อันนี้ เขียนชื่อเล่นของทุกคนแล้วขอเบอร์โทรศัพท์ด้วยถ้ามีปัญหาช่วงฝึกงานจะได้ตามได้บางคนไม่ค่อยอ่านแล้วก็ตอบไลน์”

“เค”

ผมหยิบกระดาษนาดยัยตัวแสบมาก่อนจะเริ่มเขียนชื่อเพื่อนลงไปท้ายชื่อจริงในช่อง แต่พอเขียนได้สามคนเท่านั้นแหละความแตก

“ไหนบอกลายมือนายดูไม่ได้ไง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel