บท
ตั้งค่า

10 แผนนี้ก็ได้ผล

แม้ว่าเมื่อคืนจะปวดท้องและกว่าจะได้นอนก็เกือบจะเที่ยงคืนแต่เช้านี้สุพิชฌาย์ก็ตื่นนอนตามปกติ อาการปวดท้องหายไปแล้วหญิงสาวแต่งตัวก็นั่งบนชั้นวางรองเท้าที่ด้านบนเป็นเบาะหนังสำหรับนั่ง เธอคอยฟังเสียงเปิดประตูของห้องปณัยกรเพราะเช้านี้เธอจะเริ่มแผนต่อไปให้ได้ใกล้ชิดกับเขามากขึ้น

เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องฝั่งตรงข้ามเปิดออกสุพิชฌาย์ก็เปิดประตูห้องของตนเองออกทันที

“สวัสดีตอนเช้าค่ะอาจารย์ไนท์”

“สวัสดีเปียโน เป็นยังไงบ้างหายปวดท้องหรือยัง”

“รู้สึกดีขึ้นแล้วค่ะ”

“อย่าลืมทานข้าวให้ตรงเวลาแล้วก็ทานยาด้วยนะ”

“ค่ะอาจารย์หนูต้องขอบคุณอาจารย์นะคะที่ไปซื้อยามาให้”

“ไม่เป็นไรครับ เราเป็นเพื่อนบ้านกัน”

ทั้งสองเดือนคู่กันมายังลิฟต์ก่อนจะลงไปยังลานจอดรถ

“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ” สุพิชฌาย์มองรถของตนเองที่ล้อหน้าด้านซ้ายมันแบบจนติดพื้น

“รถคุณยางแบนนี่เปียโน”

“สงสัยเมื่อวานเย็นหนูขับผ่านบริเวณก่อสร้างด้านหลังมหาวิทยาลัยแน่เลย ทีนี่จะไปเรียนยังไงล่ะ” หญิงสาวแกล้งทำเป็นเครียดทั้งที่ตนเองเป็นคนโทรศัพท์ลงมาบอกรปภ.ให้ช่วยปล่อยยางรถข้างหน้าพร้อมกับติดสินบนให้เขาไปห้าร้อยบาท

“ให้ผมไปส่งที่มหาลัยไหม”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อาจารย์เดี๋ยวหนูเดินออกไปเรียกแท็กซี่ข้างหน้าก็ได้” หญิงสาวพูดแล้วกุมท้องไปที่หน้าท้อง

“นั่นปวดท้องอีกเหรอ” ปณัยกรสังเกตเห็นและคิดว่าคงต้องทำอะไรสักอย่าง

“นิดหน่อยค่ะ”

“ยังไม่หายดีเลยแล้วจะเดินไปขึ้นรถยังไงให้ผมไปส่งดีกว่านะ”

“หนูกลัวจะรบกวนเวลางานอาจารย์นี่คะ”

“คงไม่เสียเวลามากหรอก รีบขึ้นรถเถอะออกเช้ากว่านี้เดี๋ยวรถจะติดเอานะ”

“ก็ได้ค่ะหนูก็ไม่อยากไปเรียนสายเหมือนกัน” สุพิชฌาย์รีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งคู่กับเขาอย่างคุ้นเคย

ตลอดเวลาก็แอบมองหน้าอาจารย์หนุ่มแล้วยิ้มพลางชวนคุยเรื่อยเปื่อยอย่างที่ทำเป็นประจำทุกครั้ง

“อาจารย์ไม่ต้องเข้าไปจอดหน้าตึกก็ได้ค่ะ ตรงนั้นรถมันเยอะจะเสียเวลาเปล่าๆ”

“ไม่เป็นไรหรอกไหนๆ มาส่งแล้วผมก็อยากให้ส่งถึงที่ แล้วคุณก็อย่าลืมหาข้าวกินและกินยา ถ้าไม่ดีขึ้นก็เรียกแท็กซี่ให้พาไปส่งโรงพยาบาลเพราะวันนี้ผมมีสอนตลอดทั้งวัน”

“ได้ค่ะหนูจะกินข้าวกินยาให้ตรงเวลา ขอบคุณอาจารย์อีกครั้งนะคะที่มาส่ง” หญิงสาวยิ้มก่อนจะเปิดประตูลงมาจากรถและโบกมือเธอมองตามจนกระทั่งรถของเขาลับสายตาไป

“มันยังไงกันแน่เปียโนนั่นใช้รถอาจารย์ไนท์ไหมที่มาส่งแก” ณัฐมลที่ยืนมองอยู่รีบเข้ามาถาม

“ใช่”

“แกจีบเขาสำเร็จแล้วเหรอเขาถึงมาส่งที่นี่” เจนิตาที่เดินตามมาก็ถามด้วยความตื่นเต้น

“ยังหรอกแต่ทุกอย่างมันอยู่ในแผน”

“แกนี่แผนเยอะจริงนะ ขึ้นห้องเรียนกันเถอะจะได้เม้าท์ต่อ”

“ยังเหลือเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงนะเจนพาฉันไปกินข้าวก่อนดีไหม”

“วันนี้แกแปลกนะอยากจะกินข้าวตอนเช้า” เจนิตามองเพื่อนด้วยความสงสัยเพราะปกติแล้วสุพิชฌาย์ไม่ค่อยทานอะไรตอนเช้า

“ก็เมื่อคืนฉันปวดท้องน่ะสิ แล้วมันมียาจะต้องกินอาจารย์ไนท์สั่งไว้ว่าต้องกินยาและกินข้าวให้ตรงเวลา”

“ปวดท้องเหรอไปหาหมอมาแล้วใช่ไหม”

“ไม่หรอกแต่อาจารย์ไปซื้อยามาให้น่ะ”

“แกปวดท้องจริงๆ หรือแค่แกล้งปวดท้องกันแน่ล่ะ”

“ปวดจริงๆ สิเจน ก็เมื่อวานตอนกลางวันกินขนมปังไปนิดเดียวแล้วตอนเย็นฉันกับอาจารย์ไนท์ก็ไปกินส้มตำกัน ฉันกินมากไปหน่อยเมื่อคืนก็เลยปวดท้อง”

“แล้วตอนนี้ดีขึ้นหรือยังล่ะ” เจนิตาถามอย่างเป็นห่วง

“ดีขึ้นแล้ว”

“ฉันว่าแกต้องเล่าเรื่องนี้เพิ่มแล้วล่ะเปียโน”

“เดี๋ยวฉันจะเล่าให้แกสองคนฟังตอนกินข้าวก็แล้วกันนะ รีบไปกันเถอะจะได้รีบกลับมาเรียน”

หลังจากทานข้าวและทานยาเสร็จแล้วทั้งสามสาวก็กลับมายังห้องเรียนจนกระทั่งถึงเวลาพักกลางวันเสียงโทรศัพท์ของสุพิชฌาย์ก็ดังขึ้นเสียก่อน

“สวัสดีค่ะแม่ มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามมารดาที่ปกติจะไม่โทรหาเธอเวลากลางวันแบบนี้

“เปียโนมากินข้าวกลางวันกับแม่และพ่อที่ห้องทำงานพ่อหน่อยนะ แม่สั่งอาหารมาเผื่อหนูแล้ว”

“ได้ค่ะแม่” หญิงสาวกดวางสายแล้วมองหน้าเพื่อนด้วยความรู้สึกผิด

“มีอะไรหรือเปล่าเปียโน”

“ฉันคงไปกินข้าวกับแกสองก็ไม่ได้แล้ว พอดีแม่โทรตาม”

“ไม่เป็นไร ฉันไปกินสองคนก็ได้ แล้วตอนบ่ายค่อยเจอกัน แกก็อย่าลืมกินยาด้วยนะ”

“ฉันว่าจะกินก่อนไปดีกว่าไม่อยากให้พ่อกับแม่รู้ว่าปวดท้อง ขอน้ำแกหน่อยสิเจน ของฉันหมดแล้ว”

“เอาไปทั้งขวด พวกฉันสองคนไปก่อนนะเดี๋ยวโรงอาหารคนจะเยอะ”

เมื่อทานยาแล้วหญิงสาวก็เดินลงจากตึกคณะเพื่อไปยังตึกของฝ่ายบริหารที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นะ เมื่อขึ้นไปถึงบนห้องก็เห็นว่าในห้องทำงานของบิดานั้นมีอาหารวางอยู่เต็มโต๊ะ

“สวัสดีค่ะพ่อ สวัสดีค่ะแม่” สุพิชฌาย์ยกมือไหว้บุพการีทั้งสองก่อนจะนั่งลงข้างๆ กับมารดา

“สวัสดีจ้ะลูก เป็นไงบ้างเราไม่ได้เจอกันเกือบอาทิตย์เลยนะหนูไม่กลับไปหาพ่อกับแม่เลย นี่ถ้าแม่ไม่ชวนมากินข้าวกลางวันก็คงไม่มีโอกาสได้เจอกัน”

“ขอโทษนะคะพ่อ ขอโทษนะคะแม่พอดีหนูกำลังปรับตัวและฝึกใช้ชีวิตคนเดียวอยู่นี่คะถ้ากลับไปบ้านบ่อยๆ ก็คงไม่ดีเท่าไหร่” หญิงสาวยังคงอ้างเหตุผลเดิม

“แต่แม่คิดถึงหนูมากนะ”

“หนูก็คิดถึงพ่อกับแม่ค่ะ”

“พ่อว่าอย่าเพิ่งคุยกันเลยรีบกินเถอะ ลูกมีเวลาพักแค่ชั่วโมงเองเดียวเองนะ”

ทั้งสามคนนั่งรับประทานอาหารและพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบจนกระทั่งทานอาหารเสร็จคุณสุชาติก็เรียกให้แม่บ้านเขามาเก็บโต๊ะก่อนจะนั่งมองหน้าบุตรสาวแล้วเริ่มถามคำถามที่สงสัยจนต้องเรียกให้เธอขึ้นมาที่นี่

“เปียโน พ่อได้ยินมาว่าวันนี้ลูกไม่ได้ขับรถมาที่มหาวิทยาลัยแต่มีคนอื่นมาส่งใช่ไหม พ่ออยากรู้ว่าคนที่มาส่งลูกเป็นใคร” สีหน้าของคุณสุชาติดูจริงจังจนหญิงสาวรู้สึกเป็นกังวล

“หนูออกมาอยู่คนเดียวได้ไม่ถึงเดือนหนูมีแฟนแล้วเหรอลูกหรือที่อยากจะออกมาอยู่ตามลำพังเพราะอยากจะมาอยู่กับแฟนกันล่ะ” คุณวิมลวรรณถามด้วยความเป็นห่วง สีหน้าของท่านก็ดูจริงจังไม่ต่างจากสามี

“พ่อคะแม่คะ คนที่มาส่งหนูไม่ใช่แฟนหรอกค่ะ”

“แล้วเขาเป็นใครทำไมถึงมาส่งหนูตอนเข้าได้ล่ะ บอกแม่มาเถอะนะเปียโน แม่ไม่ห้ามถ้าหนูจะมีแฟนแต่แม่อยากรู้ว่าเขาเป็นใคร” คุณวิมลวรรณพูดอย่างใจเย็น

“ไม่ใช่แฟนอะไรที่ไหนหรอกค่ะแม่ คนที่มาส่งหนูก็คืออาจารย์ไนท์ค่ะ”

“หนูหมายถึงอาจารย์ปณัยกรเหรอเปียโน” คุณสุชาติเลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจ

“ค่ะพ่อ หนูคงลืมบอกพ่อกับแม่ไปว่าอาจารย์เขาพักอยู่คอนโดเดียวกับหนู แล้วเมื่อเช้ารถหนูมันยางแบนอาจารย์เห็นพอดีก็เลยมาส่งหนูค่ะ”

“พ่อก็นึกว่าลูกสาวแอบไปมีแฟนเสียแล้ว” คุณสุชาติถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“แล้วถ้าเกิดหนูมีแฟนจริงๆ พ่อจะว่ายังไง”

“พ่อก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ก็อยากจะให้หนูดูให้ดีก่อนว่าเขาเข้ามาหาหนูเพราะรักหนูจริงๆ หรือเพราะหวังอะไรในตัวหนูกันแน่ หนูก็รู้ว่าหนูเป็นลูกของพ่อก็คงมีคนเข้ามาหามาก”

“ค่ะพ่อ แต่พ่อไม่ต้องห่วงนะคะหนูยังไม่คิดมีแฟนหรอกค่ะ อีกไม่กี่เดือนหนูก็ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วถ้ามีแฟนก็คงทำให้การไปเรียนมันไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่”

“ถ้าคิดได้แบบนี้แม่ค่อยสบายใจหน่อย”

“พูดถึงอาจารย์ปณัยกรแล้วเมื่อวันก่อนพ่อก็เพิ่งได้เจอเขาเองนะ”

“พ่อไปเจอเขาทำไมคะ”

“พ่อคุยกับเขาเรื่องที่จะให้เขามาสอนที่นี่มากขึ้นอาจจะเป็นช่วงซัมเมอร์ แล้วก็วางแผนไว้ว่าปีการศึกษาหน้าจะให้เขามาสอนเพิ่มมากขึ้น”

“แล้วอาจารย์เขาตอบตกลงหรือเปล่าคะ”

“เขาบอกว่าขอลองสอนช่วงซัมเมอร์นี้ก่อน เขาไม่แน่ใจว่าจะทำมันได้ดีหรือเปล่า แต่เท่าที่พอคุยพ่อว่าเขาเป็นอาจารย์ที่ดีคนหนึ่งเลย พ่อก็เลยอยากให้เขามาสอนประจำที่นี่แต่ดูท่าแล้วคงยากที่จะให้ลาออกจากมหาวิทยาลัยรัฐบาลแต่ได้มาช่วยสอนบ้างแบบนี้ก็ดีแล้ว”

“หนูสนิทกับเขามากไหมเปียโน” คุณวิมลวรรณถามบ้าง

“ไม่ได้สนิทมากขนาดนั้นหรอกค่ะแม่ เจอหน้ากันบ้างเวลาที่กลับคอนโดพร้อมกันและตอนเช้าที่เขาออกมาสอนแล้วหนูออกมาเรียนค่ะ แต่โชคดีมากที่วันนี้เขาให้หนูติดรถมาด้วย”

“แล้วหนูเรียกช่างให้ไปจัดการรถหรือยัง”

“ยังเลยค่ะพ่อหนูลืมไปแล้ว”

“ถ้ายังงั้นเดี๋ยวพ่อให้คนของพ่อจัดการให้ก็แล้วกันนะพรุ่งนี้จะได้ขับรถมาเรียน เย็นนี้เลิกเรียนแล้วก็ขึ้นมารอพ่อที่ห้องนะจะได้กลับพร้อมกัน”

“ค่ะหนูขอตัวไปเรียนก่อนนะคะ”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel