บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 เหตุเกิดริมฝั่งน้ำ

ตอนที่ 3 เหตุเกิดริมฝั่งน้ำ

ท้องฟ้ายามเช้าที่หมู่บ้านหลี่ฮวายังคงเต็มไปด้วยหมอกจาง ๆ ลมเย็น ๆ พัดโชยเอื่อย ๆ พาให้ละอองน้ำตามดอกหญ้าและยอดไม้กระจายอยู่ทั่วไป เสียงนกเล็ก ๆ ร้องประสานกันเป็นสัญญาณว่าทุกสรรพชีวิตกำลังจะเริ่มวันใหม่อีกครั้ง แต่สำหรับ ตระกูลหลิววันนี้เป็นอีกวันที่ต้องออกตระเวนตามหาเสบียงประทังชีวิต (บุตรสาว) และ…“เกลือ” ที่เจ้ารั่วซีลูกรักสั่งนักสั่งหนาว่าต้องใส่ในปลาย่างของนางให้เยอะๆ

หลิวจิ้งหลงผู้เป็นบิดา เดินนำสองหนุ่มแห่งบ้านหลิวอันประกอบไปด้วยหลิวจิ้งอวิ่นและหลิวจิ้งคง เดินลัดเลาะมาตามคันนา แล้ววกเข้าไปสู่ลำธารเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างจากตัวหมู่บ้านไปราว ๆ สองลี้ จุดมุ่งหมายก็เพื่อหาปลา หาปู หรือกบเขียดอะไรก็ได้สักอย่างมาเป็นกับข้าวกับปลา และที่สำคัญคือ ตั้งใจว่าระหว่างเดินกลับจะต้องหาโอกาสแวะขู่ตบทรัพย์...เอ๊ย ขอแบ่งก็แล้วกันเนาะ ขอแบ่งเกลือจากชาวบ้านใกล้เคียงเพิ่มเติมสักเล็กน้อยให้ได้ และคงจะเป็นเจ้าเออร์หลางอีกแล้วที่จะต้องแบ่งเกลือที่มีอยู่น้อยนิดให้บ้านเขา หาไม่แล้วลูกรักอาจจะไม่ชอบปลาที่เขาจะย่างให้แน่เพราะว่ามันไม่เค็มมากพอ

“ท่านพ่อ ๆ ที่ตรงนั้นน้ำนิ่งดีนะขอรับ พวกปูชอบอยู่ตรงแถวโคนกอหญ้าแบบนี้!” เจ้าจิ้งคงร้องบอก พูดไปก็ย่ำเท้าแหวกน้ำไปส่งเสียงจ๋อมแจ๋ม สายตาสอดส่องหา ของอร่อยในลำธาร

“ข้าได้ปูแล้วตัวหนึ่ง! ตัวเล็กแต่ก็ยังดี…” หลิวจิ้งอวิ่น ที่วันนี้ต้องยอมตื่นเช้าเพื่อออกมาช่วยพ่อหาอาหาร กำลังใช้ไม้ไผ่สั้น ๆ งัดปูตัวที่คีบหนีบติดแน่นมาใส่ตะกร้าที่หิ้วอยู่

“ดีกว่าไม่ได้อะไรเลยนะพี่ใหญ่ ช่วงนี้คนแถวนี้ก็จับไปกินกันเกือบหมด เหลือแต่ตัวเล็กนี่ละ” จิ้งคงทำปากยื่นนิด ๆ เพราะจนถึงบัดนี้ ยังจับไม่ได้ปลาตัวเป็น ๆ สักตัว นึกภาพพี่สาวร้องอยากกินปลาย่างเกลือแล้วได้แค่ปูตัวน้อยแค่นี้ ประตูบ้านที่เพิ่งจะซ้อมไป ไม่แน่ว่าอาจจะต้องซ่อมมันอีกแน่ เจ้าเล็กจิ้งคงคิดพลางสอดส่าย สายตาหาปลาให้จงได้

“เฮ้อ” หลิวจิ้งหลง ถอนหายใจเบา ๆ มองสองลูกชายที่กำลังง่วนจับปู หาปลาในน้ำตื้นด้วยแววตานิ่ง ๆ เขาเองก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน อุตส่าห์กะว่าจะได้ปลาตัวใหญ่สักตัวเอาไปทำปลาย่างอย่างที่รั่วซีลูกรักอยากกิน ถ้าหาไม่ได้คงต้องวิ่งไปขู่บ้านนู้นที บ้านนี้ทีอีกแล้วสิ

สามพ่อลูกใช้เวลาทั้งเช้าในการที่จะจับปลาในลำธาร แต่จนแล้วจนรอดพวกเขาก็จับได้เพียงปลาตัวเล็กๆ 2-3 ตัวเท่านั้น เพราะช่วงนี้ เป็นช่วงที่ชาวบ้านว่างจากงานนา ทำให้พวกเขาส่วนใหญ่ต่างก็ออกมาหาอาหาร ตามป่า ตามลำธาร ทำให้อาหารที่มีนั้นน้อยลง ประกอบกับช่วงนี้อาการเริ่มที่จะแห้งและน้ำลดลงมากนั้นเอง ขณะที่พวกเขากำลังจะเลิกละความพยายาม และเตรียมตัวเดินกลับไปตั้งหลัก กะว่าจะตระเวน ‘ขอ’ เกลือและเงินเล็กน้อยจากบ้านใครสักหลังเพื่อเติมเสบียง จู่ ๆ เจ้าจิ้งคงที่เดินตามริมหญ้าริมฝั่งน้ำก็ร้องขึ้นมาเสียงดัง

“ท่านพ่อ! พี่ใหญ่! มาดูนี่เร็ว!! มีคน…มีคนล้มอยู่ตรงนี้!”

สองพ่อลูกที่เหลือรีบวิ่งกระโจนผ่านกอหญ้ามาดูภาพตรงหน้า ก็เห็นร่างบุรุษหนุ่มคนหนึ่งนอนหมดสติอยู่บนพื้นริมฝั่งน้ำ ริมฝีปากซีด ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบเลือด และร่างกายมีร่องรอยบาดแผลหลายแห่ง และแม้จะอยู่ในสภาพเลอะเทอะ แต่ก็ไม่อาจปิดบังรูปโฉมอันงดงามดั่งหยกสลักได้ ใบหน้าของชายหนุ่มปริศนานั้นหล่อเหลาจนพวกเขาต่างก็หันมองหน้ากัน

“ว่าแต่.ตายแล้วหรือยังนะเจ้าเล็ก” หลิวจิ้งอวิ่นถามอย่างระแวง ๆ ทำให้หลิวจิ้งหลงผู้เป็นพ่อรีบเดินเข้าไปดู

“ยัง ๆ ดูตรงอกยังขยับอยู่เล็กน้อย” หลิวจิ้งหลงมีประสบการณ์เคยซัดคนสลบมานับไม่ถ้วน (แต่ปกติไม่ค่อยช่วย) เลยมองออกว่าบุรุษตรงหน้ายังไม่สิ้นลมหายใจแน่นอน

ในขณะที่สองพ่อลูกกำลังครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี เจ้าจิ้งคงก็หลุดอุทานอย่างตื่นเต้น

“เขาเป็นผู้ใดกันรูปงามถึงเพียงนี้!? ข้าไม่เคยเห็นบุรุษคนไหนหน้าตาเลิศล้ำขนาดนี้มาก่อนเลยนะ หากว่าพี่รองมาเห็นละก็...!”

คำพูดของเจ้าเล็กจิ้งคงทำให้หลิวจิ้งคงกับหลิวจิ้งอวิ่นค่อยๆ หันมาสบตากัน จากนั้นมุมปากของทั้งคู่ก็ค่อยๆ ยกขึ้นราวกับพวกอันธพาลตัวร้ายอย่างไรอย่างนั้น...รูปงามเช่นนั้นรึ...หึหึหึ.ช่างเหมาะกับรสนิยมของลูกรักของเขาจริงๆ ด้วย

“คนผู้นี้แม้ว่าจะบาดเจ็บแต่ ว่าหล่อเหลาขนาดนี้ ถ้าเจ้ารองได้เห็นคงกรี๊ดลั่นบ้านแน่เลยท่านพ่อ!ท่านดูคิ้วดูหน้าสิ เหลาบัณฑิตที่เจ้ารองชอบนั้นชิดซ้ายไปเลย” หลิวจิ้งอวิ่นสาธยายอย่างสนุกปาก โดยลืมดูว่าสภาพที่บาดเจ็บของเจ้าหนุ่มนั้นต้องการความช่วยเหลือมากขนาดไหน

“ฮ่า ๆ ดีเหมือนกัน ถึงเขาจะเจ็บปางตาย แต่ก็มีดีคือหน้าตา บางทีบ้านเราจะได้มีข่าวดีกับเขาสักที” เขาเองก็สงสารบุตรสาวที่เล็งผู้ใดเอาไว้ก็ นก ตลอดหากพาชายคนนี้กลับไปแบบนี้น่าจะดีกว่า เขาบาดเจ็บเช่นนี้มันน่าจะง่ายในการรวบหัวรวบหางให้บุตรสาวที่รักของเขาแน่นอน...หลิวจิ้งหลงคิดเอาง่ายๆ โดยไม่ได้สนใจที่มาที่ไปของชายหนุ่มผู้นี้เลย

เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังไม่ตายจริง ๆ หลิวจิ้งหลงก็ไม่รอช้า รีบใช้มือหยาบแต่ทรงพลังของเขาดึงแขนอีกฝ่ายขึ้นมาแล้วโอบพาดบ่า แบกขึ้นหลังอย่างทุลักทุเล “ไป! กลับบ้านกันก่อน ปลาปูยังไม่สำคัญเท่าของสิ่งนี้ เอ๊ย… เท่าคนเจ็บนี่”

“ท่านพ่อไม่ลืมขู่เอาเกลือใช่ไหม” จิ้งคงแทรกขึ้นมา เพราะไม่อยากให้พี่สาวพร่ำโวยทีหลังว่ายังไม่ได้ปลาแล้วเกลือก็ไม่มี

“ยัง ๆ มันต้องแวะผ่านบ้านน้าเออร์หลางอยู่แล้วน่า แค่จะแบกชายเจ็บแล้วขู่เขาไปด้วยอาจจะลำบากนิดนึง แต่เอาเถอะ พวกเจ้าช่วยกันก็แล้วกัน”

สามพ่อลูกเดินออกจากลำธารมาอีกไม่กี่ร้อยเมตร ก็ถึงบ้านของ “น้าเออร์หลาง” ผู้เคราะห์ร้ายประจำย่าน พวกเขาลอบเห็นหลังบ้านมีกองฟืนและมีขวดเกลือเล็ก ๆ วางอยู่ จิ้งคงกับจิ้งอวิ่นรีบปรี่ไปจัดการ"ยืม"เกลือมาหนึ่งกำใหญ่แล้วก็วิ่งกลับมาหาบิดา

“ได้แล้วท่านพ่อ รีบไปกันเถอะ ” จิ้งคงยื่นเกลือให้บิดาพอเป็นพิธี ราวกับว่าเกลือนี่เป็นของพวกเขาจะเข้ามาเอาเมื่อไหร่ก็ได้อย่างไรอย่างนั้น หลิวจิ้งหลงพยักหน้าหงึก ๆ ไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจรู้สึกดีขึ้นไม่น้อยที่เคลียร์ปัญหาความอยากอาหารของลูกสาวได้สักระยะ ส่วนน้าเออหลางผู้โชคร้ายนั้นทำได้เพียงแต่วิ่งตามมาด่าสามพ่อลูกเท่านั้นเพราะทำอะไรไม่ได้จริงๆ

***

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel