บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2

รถยนต์ของอาจารย์กรกันต์เคลื่อนตัวไปตามถนนเส้นเล็กภายในมหาวิทยาลัย ผ่านคณะเศรษฐศาสตร์ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคณะอักษรฯ อันที่จริง กมลชนกบอกให้เขาส่งเธอลงตรงนี้ เพราะเห็นว่าสามารถจะเดินตัดคณะเศรษฐศาสตร์ไปยังศูนย์การค้าซึ่งเชื่อมต่อกับรถไฟใต้ดินได้ แต่ชายหนุ่มกลับขับผ่านและออกนอกถนนใหญ่เสียอย่างนั้น

“ผมไปส่งคุณหน้าสถานีสะดวกกว่าเยอะ” เขาบอกเธออย่างนั้น แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบไปชั่วอดใจ คล้ายกับว่าไม่รู้จะหาประเด็นอะไรมาสนทนา จนเขาต้องเป็นฝ่ายชวนคุยขึ้นก่อน “ที่จริง ทางคณะเราก็อยู่ใกล้บีทีเอสนะ ทำไมคุณไม่กลับทางนั้นล่ะ หรือบ้านคุณติดรถไฟใต้ดินอย่างเดียว”

“นาอยู่คอนโดน่ะค่ะ จริงๆ ก็ใกล้ทั้งบีทีเอสกับใต้ดิน แต่รถไฟใต้ดินจะสะดวกกว่าเพราะโผล่มาก็ถึงทางเข้าคอนโดเลย”

คอนโดที่ว่า ก็คือมรดกตกทอดที่เธอฮุบมาจากพ่อนั่นแหละ เพราะเมื่อครั้งที่พ่อเธอยังเป็นอาจารย์สอนอยู่ในมหาวิทยาลัย ก็ได้ซื้อคอนโดแห่งนี้ไว้อยู่อาศัย อันที่จริง พ่ออยากจะซื้อคอนโดใหม่ให้เธอด้วยซ้ำ ด้วยเห็นว่า ที่เดิมของพ่อนั้นเก่ามากแล้ว แต่เธอก็เห็นว่าไม่ได้เสียหายอะไร อีกอย่างห้องของพ่อก็มีเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งครบครัน แถมยังกั้นห้องออกเป็นสองห้องอีกต่างหาก อีกอย่าง ถึงแม้คอนโดจะเก่า แต่ก็ได้รับการบำรุงอยู่สม่ำเสมอทั้งเป็นทำเลทอง ใกล้ตลาด ติดรถไฟฟ้า สะดวกเดินทางไปสถานที่ต่างๆ แล้วเรื่องอะไรเธอจะต้องให้พ่อเสียเงินไม่รู้กี่ล้านซื้อคอนโดใหม่ให้เธอกันเล่า

“ก็สะดวกดีนะ อยู่คอนโดติดรถไฟฟ้าไม่ต้องเร่งรีบตื่นเช้าออกจากบ้านเผชิญรถติด บ้านผมอยู่ตั้งเกือบสุวรรณภูมิ ถ้าวันไหนสอนเช้า ได้แหกตาตื่นกันแต่ตีสี่ตีห้า” ว่าไปเขาก็ขำอยู่ในลำคอ ก่อนจะเหยียบคันเร่งเมื่อเห็นสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว แต่รถก็เคลื่อนตัวไปได้ไม่ไกลนัก สัญญาณไฟก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอีกจนเขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด ทำมือไม้เป็นเชิงบอกหญิงสาวว่า...แบบนี้น่ะล่ะ...

“นาอยู่คอนโดเก่าของพ่อน่ะค่ะ นี่ถ้าพ่อกับแม่นายังสอนประจำอยู่ที่มหา’ลัย นาก็คงอยู่บ้านแล้วไปกลับกับพ่อแม่ แต่พวกท่านเกษียณแล้ว นานๆ ทีจะเข้ามหา’ลัยสักครั้ง นาก็เลยขอท่านมาอยู่คอนโด”

“พ่อแม่คุณเป็นอาจารย์หรือ”

“ค่ะ...สอนอยู่คณะรัฐศาสตร์ ภาคความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ก็เกษียณแล้ว...นี่พี่ชายนาก็เรียน ป.เอกอยู่ที่อเมริกา คิดว่ากลับมาก็คงมาเป็นอาจารย์เหมือนกัน”

“งั้นพอจบโท คุณก็คงต่อเอกแล้วมาเป็นอาจารย์เหมือนกันล่ะสิ” เขาเดาได้ไม่ยากเลย แล้วก็ยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าหงึกๆ

กว่าที่รถของกรกันต์จะขับมาจอดหน้าสถานีรถไฟใต้ดิน ก็กินเวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมง ทั้งที่ระยะทางก็แค่เลี้ยวโค้งจากหน้าประตูมหาวิทยาลัยมายังหน้าศูนย์การค้าเท่านั้น ชายหนุ่มจัดการจอดรถตรงป้ายรถเมล์ที่มีกันสาดพอบังฝนได้ เพื่อส่งหญิงสาว

“ขอบคุณมากๆ เลยค่ะอาจารย์ ขับรถกลับปลอดภัยนะคะ”

“เปลี่ยนจากปลอดภัย เป็นขอให้ถนนโล่งบ้างดีกว่า” เขาย้อนแล้วก็หัวเราะออกมาพร้อมเสียงใสๆ ของเธอ เพราะเมื่อมองไปยังท้องถนนตรงหน้า ก็นึกรู้ชะตากรรมตัวเองที่คงไม่พ้นติดแหง็กอยู่กับที่ โดยไม่รู้ว่าจะถึงบ้านกี่โมง

“สมัยตอนแม่สาวๆ ว่ารถมันติดแล้วนะ สมัยนี้นี่ยิ่งหนักกว่าไม่รู้กี่เท่า” แม่ของเขายังเคยบ่นอยู่บ่อยๆ

“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ...อะไรคะ” เมื่อหญิงสาวเปิดประตูเตรียมลงจากรถ จู่ๆ เขาก็ยื่นร่มคันใหญ่ที่ใช้ไปรับเธอหน้าคณะเมื่อครู่ส่งให้

“กางร่มด้วย เดินไปสถานีเดี๋ยวจะโดนฝน รับไว้เถอะน่า...วันที่มีเรียนค่อยเอามาคืนผมก็ได้”

และหลังจากวันฝนตกวันนั้น ก็ดูเหมือนว่า กมลชนกจะได้มีโอกาสพูดคุยกับอาจารย์กรกันต์บ่อยขึ้น อย่างน้อยที่สุด หญิงสาวก็เป็นคนหนึ่งที่เขาชวนคุยเสมอและเธอก็กล้าพอที่จะเข้าไปทักทายและชวนเขาคุย บางครั้งจะมีหยอกล้อบ้างตามประสาคนขี้เล่น แต่ก็เป็นไปด้วยความสุภาพไม่ล้ำเส้นกัน

“นี่ถ้าไม่ติดว่าแกเป็นนิสิตนะ ฉันจะคิดว่าอาจารย์กรกันต์จีบแก เห็นชวนแกคุยด้วยตลอดทุกครั้งที่เจอหน้า” พุดน้ำบุษย์เพื่อนร่วมชั้นเรียนที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทของเธอตั้งแต่เรียนปริญญาตรีเอ่ยขึ้นในวันหนึ่งขณะเข้าไปนั่งในร้านคอฟฟี่ช้อปเล็กๆ ซึ่งมาเช่าพื้นที่เปิดบริการในรั้วมหาวิทยาลัย

“แกก็พูดไปนั่น อาจารย์น่ะอายุเท่าไรแล้ว เขาไม่มามองเด็กกะโปโลอย่างพวกเราหรอก อีกอย่างฉันได้ยินมาว่า อาจารย์กรกันต์น่ะปลาไหลตัวพ่อเลยนะ” กมลชนกกระซิบกระซาบพลางเหลียวซ้ายแลขวาด้วยเกรงว่าจะมีใครมาได้ยินว่าเธอแอบนินทาอย่างหนุ่มหล่อ

“เออจริง...วันก่อน ได้ยินเด็ก ป.ตรีคุยกันว่า ไปเจออาจารย์ควงสาวที่ไหนไม่รู้ขึ้นคอนโด บางคนก็เจอเขาบ่อยๆ ตามผับไฮโซ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปทัก” พุดน้ำบุษย์เสริมแล้วก็พากันส่งเสียงคิกคักประหนึ่งว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีสาระสำคัญอะไร ด้วยเรื่องนิสัยเจ้าชู้ มันก็เป็นปกติของผู้ชายอยู่แล้ว จะมากจะน้อยก็สุดแต่ความพอใจของแต่ละคน โดยเฉพาะกับอาจารย์กรกันต์ผู้ที่ครบเครื่องไปด้วยคุณสมบัติทั้งหน้าตา การศึกษา หน้าที่การงาน นี่ไม่นับชาติตระกูลที่จัดว่าร่ำรวยทีเดียว เพราะเท่าที่รู้ ครอบครัวอาจารย์เป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตหลายแห่งในไทยและในต่างประเทศ ก็ไม่น่าแปลกใจหรอกที่จะมีผู้หญิงเข้ามาให้เลือกมากหน้าหลายตาเช่นนี้

แต่...เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว ตราบใดที่ชายหนุ่มยังคงความประพฤติที่ดีในฐานะอาจารย์ พวกเธอก็ไม่คิดไปก้าวก่ายหรือตั้งแง่ อย่างน้อยๆ อาจารย์กรกันต์ก็วางตัวดีกับนิสิตทุกคน บางครั้งก็ออกจะดุเกินไปเสียด้วยซ้ำในความรู้สึกของกมลชนก

หากถามว่า ยามนั้นเธอรู้สึกอย่างไรกับอาจารย์กรกันต์ กมลชนกคงตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า ‘เคารพ’ เธอไม่เคยคิดเกินเลยกับเขาสักนิด บางครั้งยังแอบรู้สึกเหมือนเขาเป็นพี่ชายเลยด้วยซ้ำ เพราะดูจากอายุแล้ว เขาก็น่าจะมากกว่าชินภัทรพี่ชายของเธอไม่กี่ปี จะแอบให้คะแนนดีกว่าพี่ตัวเองนิดหน่อยก็ตรงที่เขาไม่เคยพูดต่อล้อเลียนหรือแกล้งเธอเหมือนที่อีตาพี่ชินชอบทำ

หากสุดท้าย ความรู้สึกของเธอก็เปลี่ยนไป ราวกับหยาดฝนที่ค่อยโปรยปรายลงมาในแอ่งเล็กๆ นานวันเข้า...นานวันเข้า จนกระทั่งมันปริ่มใกล้จะล้น และจุดเริ่มต้นของความรู้สึกนั้นมันก็เกิดขึ้นในอีกสองปีต่อมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel