อริรัญจวน

58.0K · จบแล้ว
พราวนภา
33
บท
7.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“เจอกันคราวหน้าถ้าป้ายังกล้าเรียกผมว่า ‘ไอ้หนู’ อีก ผมจะจับป้า ‘ทำเมีย’ แล้วเจอกันนะจ๊ะ…คุณว่าที่เมีย”น้ำคำข่มขู่ของไอ้เด็กโอหังยังคงตามมาหลอกหลอนเธอในทุกค่ำคืน ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้นกระแทกโสตประสาท คล้ายจะตอกย้ำให้เธอผวาซ้ำ‘เอาน่า…นึกเสียว่าเอาผู้ร้ายทำผัวเพื่อชาติ’ผู้หมวดสาวจอมโหดบ้าเลือดทะลึ่งพรวดขึ้น ลืมตาโพลงท่ามกลางความมืดมิด ก่อนจะขยี้หัวตัวเองแรงๆ ด้วยความคับข้องใจสุดฤทธิ์“โอ๊ยยยยย…ได้กับผู้ร้าย รู้ไปถึงไหนแม่งอายไปถึงนั่น”ตำรวจสาวฮาร์ดคอร์ประจำสน. ตะโกนลั่นเมื่อตื่นมาพบกับความจริงอันโหดร้ายยิ่งกว่าโดนถีบตกนรก รอยดูดยังหลงเหลือ รอยมือยังเต็มตัว โอ๊ย! คิดแล้วอยากจะกลั้นใจตายเมื่อวานเธอไล่จับไอ้นักฆ่าหน้าอ่อนอย่างดุเดือด และกำลังจะจับอีกฝ่ายใส่กุญแจมือได้อยู่แล้วเชียว แต่ไปไงมาไงถึงได้โดนไอ้เด็กเวรนั่นจับกินวะ ระยำสิงานนี้!“แล้วจะทำยังไงดีวะเนี่ย คิดสิยัยช่อ คิดโว้ย! คิด!”

นิยายรักโรแมนติกสายลับตำรวจนักฆ่า

Puppy Love

สาวน้อยร่างบอบบาง ผิวขาวอมชมพู หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ทว่านัยน์ตาหวานปนเศร้า นั่งเหม่ออยู่ที่ม้านั่งข้างสนามเด็กเล่นของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง ในแถบชานเมืองมอสโก

ช่อมาลี แคนเชลสกี้ มีอายุเต็มสิบเจ็ดปีในวันนี้ ฉะนั้นผู้เป็นป้าจึงพามาทำบุญในวันเกิด ป้าเป็นผู้ดูแลเธอ หลังจากที่พ่อกับแม่ของเธอจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับด้วยน้ำมือของคนชั่ว ทั้งคู่ถูกสังหารโหดจากนักฆ่าฝีมือชั้นเยี่ยมซึ่งทางองค์กรลับส่งมาปิดปากต่อหน้าต่อตาเธอ มิหนำซ้ำมันยังคิดจะฆ่าเธอที่ตอนนั้นอายุเพียงสิบขวบ เดชะบุญที่ตำรวจเข้ามาช่วยเหลือได้ทันท่วงที

ถึงแม้ว่าบิดาและมารดาจะจากไปนานแล้ว แต่ช่อมาลียังคงไม่อาจลืมเหตุการณ์เลวร้ายในวันนั้น ทุกค่ำคืนเธอยังฝันร้ายซ้ำๆ ภาพที่ติดตาและทำให้เธอเป็นคนระวังตัวไม่ยอมให้คนแปลกหน้าถูกเนื้อต้องตัวง่ายๆ คือภาพที่ชายชั่วลากเธอออกมาจากที่ซ่อน มือซึ่งเปื้อนเลือดพ่อกับแม่กำหมับเข้าที่แขนน้อยๆ ของเธอ นั่นคือภาพสุดท้ายที่ชัดเจนในมโนสำนึกที่มิอาจลบเลือนได้ แม้ว่ากาลเวลาจะผันผ่านไปนานเพียงใด

‘พ่อขา แม่ขา ไม่มีพ่อกับแม่แล้ว หนูเหงาเหลือเกิน’

คนที่ขาดทั้งพ่อและแม่เอ่ยด้วยความเศร้าใจ ขณะวางมือเรียวขนาบข้างตัวเองอย่างแผ่วเบา หลับตาลงพร้อมตระหนักว่าที่นั่งข้างๆ เธอมันไม่มีพ่อกับแม่เคียงข้างแล้ว…ไม่มีอีกแล้ว

ถึงแม้จะมีป้าที่อุตส่าห์รับเธอมาอุปการะ แต่เธอก็ไม่สนิทใจที่จะบอกเล่าถึงความรู้สึกหรือระบายอะไรให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ป้าก็แค่อาสาเข้ามาดูแลเธอ เพราะจำใจเนื่องจากกลัวจะถูกคนในแวดวงสังคมไฮโซประณามว่าไม่ดูดำดูดีหลานสาว หาใช่ห่วงใยหรือสงสารเธอแต่อย่างใด และที่อีกฝ่ายพาเธอมาทำบุญวันเกิดในวันนี้ก็เพราะอยากจะได้หน้า โดยบอกนักข่าวและพวกคุณหญิงคุณนายว่าชอบมาเลี้ยงอาหารกลางวันที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้เป็นประจำ เพราะงั้นเธอถึงแอบปลีกตัวออกมานั่งเพียงลำพังในระหว่างที่ท่านกำลังให้สัมภาษณ์กับนักข่าว

ชีวิตติดหรูเพราะผู้เป็นป้าหาทำให้ช่อมาลีมีความสุขไม่ เธอแอบร้องไห้ทุกครั้งที่อยู่คนเดียว ในอนาคตหากช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว เธอตั้งใจไว้ว่าจะขอออกมาใช้ชีวิตเพียงลำพัง และปฏิญาณว่าจะอุทิศตนทำงานเพื่อสังคม กวาดล้างคนชั่วให้สิ้นซากด้วยการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

‘พี่สาวครับ พี่สาวคนสวย’

เสียงที่ดังมาจากทางเบื้องหลังทำให้สาวน้อยหลุดออกจากภวังค์ ทว่าไม่ยอมที่จะหันไปมองผู้มาใหม่ เพราะเธอไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร

‘เฮ้! สนใจผมหน่อยสิ’ พ่อหนุ่มน้อยไม่ละความพยายามที่จะเรียกร้องความสนใจ ก่อนจะก้าวมาหยุดลงตรงหน้าแม่สาวจอมหยิ่ง ท่าทางเชิดๆ ของอีกฝ่ายยิ่งทำให้เขาอยากรู้จัก ทุกคนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ต่างพากันรู้ดีว่าคนอย่างเขาเก่งกาจและกล้าหาญเกินเด็กในวัยเดียวกันมากแค่ไหน แล้วเรื่องอะไรเขาจะไม่กล้าจีบแม่สาวจอมหยิ่ง เคยจีบแต่สาวๆ ที่เด็กกว่า ลองปีนเกลียวบ้างก็ดีเหมือนกัน

‘อย่ามายุ่งกับฉัน’ ช่อมาลีกดเสียงต่ำเป็นเชิงขับไล่ ขณะมองเจ้าของใบหน้าคมเข้ม หุ่นเก้งก้าง และแต่งตัวปอนๆ ด้วยสายตาเย็นชา ทว่าไม่ได้นึกรังเกียจแต่อย่างใด เพราะหากเธอไม่ได้ผู้เป็นป้าเข้ามาอุปการะ เธอก็คงมีสภาพไม่ต่างจากเด็กตรงหน้าสักเท่าไร หรือไม่ก็อาจจะเลวร้ายกว่าเสียด้วยซ้ำ

‘แต่ผมอยากยุ่งกับพี่นี่นา’ เขาเริ่มตื๊อ ทำเอาเธอต้องชักสีหน้าและขึ้นเสียงใส่ด้วยความรำคาญ

‘นี่นาย!...’

‘อย่าโวยวายสิครับ ผมก็แค่อยากรู้จักพี่ พี่ชื่ออะไรครับ’

‘ฉันไม่จำเป็นต้องบอกนาย’

‘คนรวยเขาหยิ่งอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่า’ พ่อหนุ่มน้อยหนึ่งในสมาชิกของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเอ่ยด้วยสีหน้าสลดเล็กน้อย และนั่นก็ทำให้ช่อมาลีถอนหายใจเฮือก

‘ฉันเปล่าหยิ่ง แต่ไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า’

‘เพราะอย่างนี้ไงครับผมถึงได้ถามชื่อพี่ เราจะได้ไม่ต้องเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน’ เขาเอ่ยพลางทรุดกายลงนั่งข้างๆ ร่างบอบบางหอมกรุ่น

‘เอ๊ะ! ถอยออกไปนะ!’ สาวน้อยเอ็ดเสียงดัง ก่อนจะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เมื่ออีกฝ่ายถือวิสาสะฉวยมือเรียวไปกุมไว้ พร้อมเอ่ยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง

‘พี่กลัวอะไร ผมไม่ใช่ผีสักหน่อย ทำไมต้องทำท่าเหมือนกลัวผมด้วย’

‘บอกว่าอย่ามาใกล้ฉัน’ หลังจากสะบัดมือเร่าๆ ให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม ช่อมาลีก็ขับไล่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอหวาดกลัวกับทุกสัมผัสจากคนแปลกหน้า ถึงแม้ว่าสัมผัสนั้นจะไม่คุกคามเลยก็ตาม

‘ชู่ว์…ไม่เป็นไรนะ อย่ากลัวผมเลย ผมสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายพี่อย่างแน่นอน’ คนที่อายุห่างจากสาวน้อยถึงหกปีขยับเข้าไปโอบกอดร่างสั่นเทาเหมือนลูกนกตกน้ำ แล้วเอ่ยปลอบประโลมเสียงนุ่มละมุน และนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกทั้งอบอุ่นและปลอดภัยในคราเดียวกันอย่างน่าอัศจรรย์

‘ปะ…ปล่อยฉัน ปล่อย…’ ช่อมาลีเอ่ยต่อต้าน แต่ไม่คิดจะผละห่างจากอ้อมกอดอบอุ่น สาวน้อยก็แค่แสดงท่าทีหวงตัวออกมาเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ

‘เล่าให้ผมฟังสิครับว่ามีใครตีพี่หรือเปล่า หรือมีใครตวาดพี่ไหม ทำไมพี่ถึงได้เป็นแบบนี้ ’ เด็กชายเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเกินวัย ทว่ายังคงไว้ซึ่งความไร้เดียงสา

การโน้มน้าวจิตใจคนอื่นให้คล้อยตามในไม่กี่นาทีคือพรสวรรค์ที่เหมือนจะติดตัวเขามาตั้งแต่เกิด และแค่คำพูดเพียงไม่กี่คำก็ทำให้เธอไว้เนื้อเชื่อใจได้อย่างน่าประหลาด

‘ฉันเหมือนคนบ้า เอาแต่หวาดกลัวที่จะเข้าใกล้คนอื่น ฉันไม่อยากเป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี...ฮือ…’ ที่สุดคนที่ทนเก็บกดกับเรื่องราวเลวร้ายในอดีตมานานก็พรั่งพรูระบายมันออกมาทั้งน้ำตา

‘จุ๊ๆๆ นิ่งนะครับคนดีของผม ร้องไห้มากๆ เดี๋ยวไม่สวยนะ’

เด็กปลอบโยนคนที่อายุมากกว่า ก่อนที่ช่อมาลีจะขืนกายออกจากวงแขนอบอุ่น ยกมือขึ้นป้ายน้ำตาออกจากใบหน้าหวานใส แล้วขยับตัวออกห่างด้วยท่าทางเอียงอาย เธออายุมากกว่าอีกฝ่ายตั้งหลายปี แต่กลับไม่สามารถจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ ยอมรับว่าเด็กคนนี้เก่งจริงๆ

‘ขอบใจนายมากนะ’

‘เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นแต่งงานกับผมได้หรือเปล่า’ เขาเอ่ยด้วยท่าทางขึงขังเกินเด็ก จนคนที่ถูกขอแต่งงานตั้งแต่ยังไม่เป็นสาวเต็มตัวทำหน้าตกใจ

‘แต่งงาน!’

‘ใช่ โตขึ้นแต่งงานกับผมนะครับพี่สาว’

‘ฉันไม่ชอบเด็ก’

‘เด็กกว่าแล้วไง’

‘ก็ไม่แล้วไง แต่ฉันไม่ชอบ’

‘สักวันผมจะพิสูจน์ให้พี่สาวเห็นว่าเด็กอย่างผมก็สามารถปกป้องพี่สาวได้’

‘มันคงไม่มีวันนั้นหรอก เราคงไม่ได้พบกันอีก’ ช่อมาลีเอ่ยเสียงเศร้าๆ พร้อมทำหน้าหม่น เพราะอีกไม่กี่วันเธอก็จะย้ายไปเรียนที่อังกฤษแล้ว

‘ผมมั่นใจว่าเราจะต้องได้พบกันอีก ไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหนผมสัญญาว่าจะตามหาพี่จนเจอ รอผมนะครับว่าที่เจ้าสาวของผม’ ขาดคำเด็กแก่แดดก็ยื่นหน้ามาจุมพิตแก้มป่องๆ

จุ๊บ!!!

‘นี่นาย!...’ สาวน้อยอุทานตาโต พร้อมยกมือขึ้นกุมแก้มร้อนจี๋ เธอกำลังจะด่าทอ ทว่าเจ้าของร่างเก้งก้างซึ่งมีแววว่าโตขึ้นจะสูงใหญ่ก็สวนขึ้นเสียก่อน

‘มัดจำไว้ก่อน’ พ่อหนุ่มน้อยขยิบตาซุกซน

‘เด็กบ้า!’ เธอค้อนน้อยๆ หน้าแดงซ่าน

‘เข้มแข็งๆ นะครับพี่สาว ผมเป็นกำลังใจให้’ เขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มจริงใจ ก่อนจะวิ่งจากไป

ติ๊ด…ติ๊ด…ติ๊ด…

เสียงนาฬิกาปลุกฉุดรั้งให้คนที่กำลังฝันถึงเรื่องราวในอดีตหลุดออกจากภวังค์ เธอผุดลุกขึ้นนั่ง สะบัดศีรษะขับไล่ความฟุ้งซ่าน แล้วขยับกลีบปากสีกุหลาบพึมพำกับตัวเองเบาๆ

“บ้า…เราฝันถึงเด็กนั่นอีกแล้วเหรอเนี่ย ป่านนี้นายจะเป็นยังไงบ้างนะ ถ้าเจอกันฉันต้องขอบคุณนายสินะที่ทำให้ฉันเข้มแข็งขึ้นกว่าเดินหลายเท่า แต่ไม่รู้ว่าฉันจะจำนายได้หรือเปล่า”

ช่อมาลีอดคลี่ยิ้มบางๆ ออกมาไม่ได้ เมื่อกระหวัดคิดไปว่า หลังจากที่ได้เจอเขาในวันนั้นเธอก็กลายเป็นคนที่เข้มแข็ง ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดเพียงไม่กี่คำจากเด็กแปลกหน้าที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อจะทำให้เธอเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ ทุกวันนี้เธอกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว และไม่ยอมก้มหัวให้ใคร