อยากได้ยิน ผมรักคุณ

167.0K · จบแล้ว
jareeya
102
บท
2.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

"เตรียมตัวหลงพี่ได้เลย พี่ยังมีไม้เด็ดอีกเยอะนะ เคยบอกแล้วไง พี่เก่งทุกที่ แล้วก็เก่งทุกท่าด้วย"

นิยายเกมออนไลน์นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันประธานพลิกชีวิตนอกใจรักแรกพบ

ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของความคิด

จุดเริ่มต้นของความรักของแต่ละคนเป็นยังไงกันนะ…....

ความรู้สึกเริ่มแรก ที่เราเรียกมันว่ารัก “คืออะไร”

มันต้องใช้เวลามากมายแค่ไหน กว่าเราจะรู้ในหัวใจว่ารัก.......

แต่สำหรับฉันคนนี้ คือ “ทันทีที่เราสบตา”

อยากได้ยิน…………. “ผมรักคุณ”

???

“ในแววตาทั้งคู่ไม่รับรู้อะไร

เธอคงยังไม่เข้าใจ ว่าฉันไม่ใช่คนเก่า

เรายังคงเหมือนเพื่อน หยอกล้อเหมือนวันวาน

แต่ฉันคือคนใจสั่น แต่ฉันคือคนหวั่นไหว

ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย…….

ในความคุ้นเคยกันอยู่

มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น…….

???

เสียงเพลงตั้งปลุกตอนเช้า กำลังบรรเลงไปอย่างเนิบช้า แต่ทว่าใจคนฟังบ่อยๆ ฟังแล้วก็ปวดหัวน่าดู

เจ้าของเสียงตั้งปลุก ยังคงนอนคว่ำหน้าอยู่กับหมอน เธอยกหัวขึ้นราวมีอะไรกดทับ 

"ฮืออออ เฮ้ออออ……."

"เช้าอีกแล้วเหรอเนี่ย อ๊อยยยยย จะเช้าอะไรกันบ่อยๆ คนยังง่วงอยู่เลย เฮ้อออ"

จากนั้น “กระ-เพรา” ก็ฟุบหัวลงหมอน ซุกหน้ากลับไปนอนหลับเหมือนเดิมอีกครั้ง?

เสียงเพลงยังคงดัง ตั้งหน้าตั้งตาปลุกต่อไปเรื่อยๆ ถ้าไม่มีใครช่วยกด มันก็คงไม่ยอมปิด

 กระ-เพรา ขมวดคิ้วเป็นปม เพราะมันเริ่มน่ารำคาญใจเสียแล้ว  

เธอพยายามควานมือไปหาโทรศัพท์ ถึงเวลาที่มันต้องสงบปาก สงบคำเสียที

ตุบ!!!

"งืออออ เฮ้ออออ อ่อยยย เฮ้อออ "

เสียงลมหายใจเหนื่อย เธอหลับตาถอนหายใจซ้ำหลายครั้ง  เบื่อหน่ายชีวิต ทีมันวนซ้ำไปซ้ำมา ในแต่ละวัน  แต่เธอก็รู้ในใจว่า

“นี่แหละชีวิตของคนทำงาน"

เบื่อให้ตายก็ต้องออกไป..... ทำมาหากิน

มันคือชีวิตของผู้ใหญ่ ที่ฉันหนีไม่ได้ อีกต่อไปแล้ว ฉันต้องไปทำงาน ถ้าลาบ่อยๆ ฉันจะถูกตามงาน และหักเงินเดือน ไหนจะค่าผ่อนรถ ค่าช้อปปิ้ง

"เฮ้ออออออ!"

เบื่อโว๊ยยยยย !!!

เมื่อคุยกับตัวเองรู้เรื่องแล้ว ก็ต้องสั่งตัวเองให้ลุกขึ้นไป อาบน้ำ แปรงฟัน สักที 

กระเพราพยายามลุกขึ้นนั่ง ยืดแขน เหยียดขาลงพื้น เธอใช้เวลาอยู่กับตัวเองสักพัก  ค่อยเริ่มเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ กดเข้า app Jook   เพื่อเปิดฟังเพลงทางวิทยุในมือถือ  สัญญาณถูกเชื่อมต่อไปยังลำโพงบลูทูธ เหมือนทุกๆ เช้า

กระเพราบิดขี้เกียจ ยืดแขนทั้งสองข้างขึ้น จนสุดตัว อ้า!

“เพลงดีๆ ช่วยให้เช้าวันใหม่ มันสดชื่น ดีจริงโว๊ยยยย ฮ่าส์! “

ชีวิตสาว 26 ปี ที่เหมือนจะโสด แต่ไม่โสดเ พราะรักทางไกลหลังเรียนจบ คู่ที่เคยรักกัน ก็ถึงเวลาแยกย้ายที่อยู่ ส่วนเพราก็ยังคงทำงานต่อไปในกรุงเทพฯ

ในขณะที่แฟน ถูกเรียกตัวให้กลับไปช่วยงานที่บ้าน ตามประสาลูกคนรวย

“มันเป็นรักที่นับวัน ตัวของเพราเองก็ยังไม่รู้เลย ว่ามันมีอยู่จริงหรือเปล่า”

ห่างกันไป จนเงียบหาย และไม่ได้มีเขา อยู่ในชีวิตประจำวันของเราอีกเลย

“เราไม่ได้บอกเลิกกัน” แต่เรา

“แค่ไม่มีอะไรจะคุยกันอีกแล้ว”

กระเพรา เป็นลูกชาวสวนลำไยธรรมดาคนนึง ในเมืองจันทบุรี บนที่ดิน 53 ไร่เศษๆ  เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อแม่ ที่แสนดื้อ และเป็นตัวของตัวเอง

เธออยากขอเวลาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ตามลำพังอีกสักพักหลังเรียนจบ เพื่อทบทวนหัวใจ

กระเพรารู้ว่าสุดท้าย  เธอก็ต้องกลับบ้านไปช่วยพ่อกับแม่ทำงาน แต่กระเพราก็อยากจะขอเวลาอีกสักพักนึงจริงๆ แค่สักพักนึงจริงๆ  แต่ไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ก็เท่านั้นเอง................

กระ-เพรา อาศัยอยู่ ในคอนโดส่วนตัว ที่พ่อ กับแม่ เป็นคนออกเงินซื้อให้ ห้อง studio 1ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1  มีห้องรับแขก  ที่พักเธออยู่ห่างจากสี่แยกลาดพร้าว ซึ่งเป็นใจกลางของเมืองกรุงเทพฯไม่มาก

กระเพราจะขับรถออกไปทำงาน แต่ก็มีบางวัน ที่สลับไปนั่งรถประจำทางบ้าง  เพื่อซึบซับบรรยากาศบนถนนใหญ่  เส้นทางชีวิตของคนกรุงเทพฯ

มันทำให้เธอเข้าใจการเกิดมาดีขึ้น

"มนุษย์ มีแต่การดิ้นรน"

กระเพราชอบตั้งเวลาปลุกให้เช้ากว่าปรกติ เพื่อเลี่ยงรถติดที่มาคอยทำลายระบบประสาทและสมอง เธอไม่ชอบอารมณ์เสีย มันไร้ประโยชน์ สำหรับการมีชีวิต  แค่ไม่เกิน 100ปี

กระเพราถึงที่ทำงานในเวลาประจำ คือตั้งแต่ 07.10 นาที -07.15 นาที   วงเวียนชีวิตเธอ เป็นแบบนี้เสมอเหมือนทุกๆ วัน

“ตื่นเช้า ออกไปทำงาน หาข้าวกินแถวออฟฟิต ไปนั่งหลับต่อที่โต๊ะทำงาน ชีวิตพนักงานการตลาด ในบริษัท รับสร้างบ้าน ของเมืองกรุงเทพฯ”

บางวัน ก็ทำงานจนถึง 2ทุ่ม บางทีก็ 5ทุ่มกว่า  ไม่ได้ขยัน แต่เธอว่าง  และการอยู่กับความเหงาทุกวัน มันน่าเบื่อ

จะมีโอกาสพิเศษบ้าง บางวันหลังเลิกงาน  เธอจะออกไปหาข้าวมื้อเย็นทานกับเพื่อน  แล้วก็กลับบ้าน

ถ้าช่วงไหนเธอเบื่อมากหน่อย ก็แวะไปช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้า ที่ไหนสักที่  แล้วตรงกลับบ้าน ไปอาบน้ำ นอนดูทีวี  นอนฟังเพลง กล่อมตัวเองให้หลับๆไป

มันวนเวียน เป็นอยู่อย่างนี้มานานหลายปี ชีวิตที่เหมือนจะโสด “แต่ไม่โสด” เอาซะเลย

“เพรา เพรา” นั่นคือเสียงเพื่อนร่วมงานของเธอ ที่ชื่อตะนอย

เพรา : ว่าไง?

ตะนอย : วันนี้ไปกินข้าวเที่ยงที่ไหนกันดี

เพรา : อืมมมม สั่งมากินที่ร้านกาแฟ พิมพ์ดีไหม หน้าปากซอยออฟฟิศเนี่ยแหละ ง่ายดี

พิมพ์ คือเพื่อนร่วมงาน ที่ลาออกไป แล้วหันมาเปิดร้านกาแฟของตัวเอง รับสั่งข้าวตามสั่งจากร้านใกล้ๆ ให้มานั่งทาน ห่างจากตึกออฟฟิต ไม่ถึง 200 เมตร บรรยากาศส่วนตัว คนไม่เยอะมากเกินไป หรือสุดท้ายก็มีแต่พวกเราละมั้ง ที่เข้ามานั่งทานข้าว แบบส่วนตัวแบบนี้

ตะนอย : ก็ดีนะ

ตะนอยเริ่มถามความคิดเห็นคนอื่นๆ เพราะในแผนกนี้เราทำงานร่วมกันหลายคน

“คนอื่นละไปไหม”

ทุกคนหันมา พยักหน้า บางคนก็ตอบโอเค แค่คิดจะกินอะไรดี ยังน่าเบื่อทุกวัน มันซ้ำซาก และจำเจ

ตะนอย : งั้นบอกมาเลยใครกินอะไร จะจดสั่งให้ ไหน ใครจะกินอะไรบ้าง บอกมา

พี่เกี๊ยก : พี่กินกระเพรา เอาไข่ดาวด้วย

พี่โน : พี่เอาด้วย

ตะนอย : ตะนอยเอาผัดพริกแกงดีกว่า ไข่ดาว ต้องไม่สุกท่าวว นั้น ฮ่าๆๆ

ทุกคนหัวเราะพร้อมกัน เหมือนรู้ใจทันที

“เพราะเราล้วนต้องการพลังจากไข่ดาว” นี้ คือคอนเซป ประจำตัวของตะนอย และทุกคน ในทุกๆ วัน

เพรา : งั้น เพราเอาเหมือนตอย

แคท : แคทเอากระเพรา ไข่ดาวไม่สุกนะ

ตะนอย : โอเคๆ สั่งเหมือนกันดี จะได้ข้าวเร็วๆ อ้าวแล้วน้องพัทละ

นัท : ผมเอาผัดคะน้าครับ ไข่ดาวด้วยครับ

พูดจบเขาก็ยิ้มฉีกปากกว้าง เห็นฟันขาวครบทุกซี่เหมือนเดิม ทุกคนต่างพากันหัวเราะ ในความน้องใหม่ ของเจ้านัทของเรา ยังทำตัวดูน่าอึดอัดเสียจริง

ตะนอย : ครบละน้าาา สั่งเลย

(ฮัลโล พิมพ์ .. …..)

เสร็จสิ้นปัญหาของมื้อเที่ยง ก็ได้เวลาที่ทุกคนจะหันกลับไปทำงานต่อ จนถึงเวลาพัก ทุกคนก็ชวนกันเดินออกไปที่ร้าน ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำงานไม่เกิน 200 เมตร หน้าปากซอยทางเข้าพอดี

เมื่อเครื่องดื่มทุกแจ้งออเดอร์จนเสร็จ เราก็เริ่มนั่งทานข้าวไป คุยกันไป 

หลังจากทานข้าวเสร็จ ก็นั่งแช่ก้น หาอะไรคุยกันเรื่อยเปื่อย ….

เมื่อเวลาเหลือเราควรใช้ให้เต็มที่สินะ แล้วบรรยากาศก็เงียบไป ต่างคนต่างเล่นโทรศัพท์ บางคนก็นั่งมองบรรยากาศรถติดด้านนอก เพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากงานที่ทำบ้าง

และแล้ว.... เสียงของการเปลี่ยนแปลง ก็มีคนเริ่มขึ้นมา

“พี่จะลาออกละนะ”

ทุกคนหันไปตามเสียง ของพี่เกี๊ยกที่เราคุ้นเคย

หือ!!? สีหน้าทุกคนตกใจ และไม่ทันได้ตั้งตัว

ตะนอย : เราก็จะออกแล้วเหมือนกันนะ

ทุกคน ก็พากันหันหน้า กลับไปที่ต้นทางของอีกเสียง อย่างรวดเร็ว

พี่เกี๊ยก : พี่ได้งานใหม่แล้วหน่ะ

ไม่ทันได้คิดตั้งคำถาม ทุกคนก็ต้องหันหน้ากลับไปทาง ที่พี่เกี๊ยกนั่งอีกครั้ง

พี่โน: พี่ก็ด้วยนะ

เฮ้อ! ไม่ต้องอธิบาย ทุกคนรีบหันหน้า ไปตามทางเจ้าของเสียงอีกคน

คอแทบหัน หักหัวเลี้ยว ตามกันแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว?

กระเพรา : "ห๊า? อะไรนะ ทำไมละ "

เพรา ทนเก็บความอยากรู้ไว้ไม่ไหวอีกแล้ว

" แล้วจะให้ เพรา อยู่ทำงานกับใครละเนี่ย กราฟฟิกออก เลขาออก ป้ายโฆษณาออก ทำไมมาออกพร้อมกันหมดเลยละเนี่ย"

ตะนอย: ไม่ไหวแล้ว เงินเดือนไม่ขึ้นเลย หลายปีแล้วเนี๊ย เป็นอยู่แบบนี้

กระเพรา : ก็จริงอะนะ แล้วได้งานทำใหม่แล้วเหรอ

พี่โน : พี่ได้งานใหม่แล้ว เป็นบริษัทรับสร้างบ้านรายใหม่ เขาต้องการตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายโฆษณา งานของพี่ต้องเริ่มให้เขาใหม่ทั้งหมด พี่ชอบนะ ท้าท้ายดี พี่ก็พอมีความรู้ทางนี้อยู่แล้วละ น่าจะไปได้ดี สำหรับพี่คือสบายมาก

ตะนอย :  " เราก็ได้งานใหม่แล้วนะ เป็นบริษัท เกี่ยวกับโครงการคอนโด แล้วก็พวกบ้านจัดสรรน่ะ เขามีโครงการ ทั่วกรุงเทพฯ ปริมณฑลเลยแหละ แล้วเงินเดือนที่เรียกไป เขารับได้ โชคดีมาก"

"ขอโทษน้าาา " ที่เพิ่งมาบอก เพราะตั้งใจว่าให้เขายืนยันมาก่อน ว่าสัมภาษณ์ ผ่าน แล้วจะบอกทุกคนหน่ะ กลัวบอก แล้วรอเก้อ อายคนเค้า ฮาๆๆ"

ตะนอย : ที่นี่ สตาร์ท เงินเดือนให้เราก็น้อย นี่ก็ 3ปีแล้วนะ เงินเดือนยังขึ้นไม่ถึงไหนเลย ขนาดโบนัส ปลายปี ก็เลื่อนแล้ว เลื่อนอีก นี่ก็ผ่านมาจะครึ่งปีแล้ว ขืนให้อยู่รอต่อ ชาตินี้เงินเดือนคงมีหวังไม่พอใช้ อายุก็จะ 30 ไปแล้วเนี๊ย อยากซื้อคอนโดอยู่เป็นของตัวเองแล้วฐานเงินเดือน 1 หมื่นจะไปซื้ออะไรได้ละเพรา 

กระเพรา : เฮ้อออ! ก็จริง แล้วแคทว่าไง

แคท : เรายังไม่คิดเรื่องนี้เลย ก็ยังทำงานต่อได้อยู่นะ

ตะนอย : แล้วเพราละ ไหวไหม

เพรา : ไม่ไหวก็ต้องไหวละนะ ออกพร้อมกันก็ไม่ได้นี่ อีกอย่าง ยังไม่ได้เริ่มหางานใหม่เลยเนี่ย

ทุกคนก็เริ่มเงียบไปอีกครั้ง ส่วนบางคนก็เริ่มถยอยเดินไปจ่ายเงิน หมดเวลาแล้วสินะ เฮ้ออออออ กระ-เพรา เอ้ย...................

พี่เกี๊ยก ลุกขึ้นยืน ตบบ่าเพราให้กำลังใจ

“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวเขาก็รับคนใหม่มาช่วย”

จนถึงตอนนี้ เพราก็แอบคิดในใจ ว่านี่คงถึงเวลาที่เธอต้องเริ่มชีวิตใหม่แล้วสินะ

เธอครุ่นคิดในใจอยู่ทั้งวัน  ถ้าเราขืนอยู่รอต่อไป ชีวิตเรา ก็คงไม่ขยับต่อไปอีกแน่

ลองดูเลยกระเพรา อย่ายึดติดอยู่กับที่ไรท์เคยลองแล้ว เงินเดือนขึ้น ดีกว่าเดิมเยอะเลย ทนไปได้ไงเนี่ยตั้งนานหลายปี