ตอนที่ 12 ส่งไปโลกหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง
แม้ว่าในตอนแรกใบหน้าของเหล่าชายชุดดำจะเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและถือดี ทว่าบัดนี้ ความเย่อหยิ่งของพวกมันกลับค่อยๆ ถูกกัดกร่อนด้วยความหวาดกลัวที่เริ่มก่อตัวขึ้นในจิตใจ พวกมันคาดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวที่ดูเหมือนจะไร้พิษสงตรงหน้า แท้จริงแล้วกลับซุกซ่อนพลังและฝีมือที่ร้ายกาจเช่นนี้
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่ท่ามกลางเงามืดราวกับนักล่าที่เฝ้ามองเหยื่อด้วยความเยือกเย็น ทุกการเคลื่อนไหวของนางรวดเร็วและเฉียบคม ราวกับสายลมที่ไร้เสียงแต่แฝงไว้ด้วยอันตรายอันมหาศาล ท่าทีไร้ความหวาดกลัวของนางยิ่งทำให้เหล่าชายชุดดำเริ่มรู้สึกไม่มั่นคง
หนึ่งในพวกมันกระซิบถามหัวหน้าด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ“ลูกพี่…นาง…เด็กนี่…เป็นลูกของสาวใช้คนนั้นจริงๆ อย่างนั้นหรือ?”
หัวหน้าชายชุดดำขมวดคิ้วแน่น สีหน้าของเขายากจะคาดเดา แต่ในแววตากลับฉายแววลังเลและตกใจอย่างปิดไม่มิด เขาเองก็เริ่มไม่มั่นใจในสิ่งที่ได้ยินมาเกี่ยวกับเป้าหมายของพวกเขา หญิงสาวคนนี้ดูไม่มีอะไรเหมือนกับลูกสาวของสาวใช้ต่ำต้อยอย่างที่พวกเขาเคยคิดไว้
“เป็นไปไม่ได้…เด็กที่เกิดจากสาวใช้อย่างนั้นหรือ?” เขาพึมพำกับตัวเอง ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความดูถูกเริ่มเปลี่ยนเป็นความระแวง “ทำไมถึงมีฝีมือร้ายกาจถึงเพียงนี้?”
ขณะที่เหล่าชายชุดดำยังคงตกอยู่ในห้วงความสงสัย เยี่ยจิงหลินไม่ปล่อยให้พวกมันได้มีเวลาคิดนาน นางก้าวเท้าไปข้างหน้าอีกครั้งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบแต่เปี่ยมไปด้วยอำนาจ“พวกเจ้ามีเวลาอีกไม่นานที่จะหนีไป ก่อนที่ความผิดพลาดของพวกเจ้าจะกลายเป็นความเสียใจครั้งสุดท้ายในชีวิต”
คำพูดของนางไม่ได้เป็นเพียงคำข่มขู่ แต่มันแฝงไปด้วยเจตจำนงที่ชัดเจน และมันก็เพียงพอที่จะทำให้บางคนในกลุ่มเริ่มถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว...
“เหอะ! นางเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม มีเพียงแค่ฝีมือเล็กๆ น้อยๆ กล้ากล่าวคำข่มขู่ข้าอย่างนั้นหรือ?” หัวหน้าชายชุดดำเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงฮึกเหิม เขาพยายามแสดงความมั่นใจเพื่อปลุกขวัญกำลังใจของลูกน้อง แม้ในใจจะเริ่มระแวงกับความสามารถของเยี่ยจิงหลิน แต่เขาไม่อาจแสดงความหวาดกลัวให้พวกพ้องเห็นได้
หลังจากคำพูดนั้น เขาก็พุ่งตัวไปข้างหน้า เปิดฉากโจมตีด้วยความรวดเร็ว ดาบในมือของเขาฟาดฟันออกมาด้วยพลังทั้งหมดที่มี หวังจะสังหารนางในครั้งเดียว
แต่ทว่าความคาดหวังนั้นกลับกลายเป็นความสิ้นหวังอย่างรวดเร็ว เยี่ยจิงหลินหลบหลีกการโจมตีของเขาอย่างง่ายดาย การเคลื่อนไหวของนางรวดเร็วและแม่นยำราวกับสายลมที่ไร้รูปร่าง ดวงตาของนางยังคงเย็นชาและนิ่งสงบ ไม่มีความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย
ก่อนที่หัวหน้าชายชุดดำจะทันตั้งตัว นางเคลื่อนตัวเข้าใกล้เขาในชั่วพริบตา เสียงของอาวุธเฉือนผ่านอากาศดังขึ้นแผ่วเบา และทันใดนั้น ร่างของเขาก็ทรุดลงกับพื้น เลือดสีแดงฉานไหลรินออกมาจากรอยแผลลึก เสียงลมหายใจสุดท้ายของเขาดังก้องในความมืด ก่อนที่ร่างนั้นจะนิ่งสนิท
ลูกน้องที่เหลือมองภาพตรงหน้าด้วยความตื่นตระหนก ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือด แข้งขาสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว หัวหน้าของพวกเขาที่เป็นทั้งความหวังและผู้นำกลับต้องจบชีวิตลงในพริบตา พวกเขาเริ่มตระหนักถึงความจริงอันโหดร้ายหากแม้แต่หัวหน้าของพวกเขายังไม่อาจรอดพ้น แล้วพวกเขาล่ะจะมีโอกาสรอดชีวิตได้หรือ?
“นาง…นางไม่ใช่คนธรรมดา!” หนึ่งในพวกมันพึมพำออกมา น้ำเสียงสั่นเครือ ขณะที่เหล่าชายชุดดำที่เหลืออยู่เริ่มถอยหลังอย่างระแวงระวัง ความกล้าที่เคยมีก่อนหน้านี้หายไปจนหมดสิ้น มีเพียงความหวาดกลัวที่คืบคลานเข้าครอบงำ...
เมื่อหัวหน้าของพวกมันสิ้นชีวิต เหล่าชายชุดดำที่เหลือก็เปรียบเสมือนฝูงนกที่ไร้รัง ไม่มีใครที่กล้าคิดต่อสู้หรือท้าทายอีกต่อไป มีเพียงความปรารถนาเดียวที่หลงเหลืออยู่ในจิตใจของพวกมันหนีเอาชีวิตรอด
พวกมันแตกกระจายไปคนละทิศคนละทาง หวังเพียงให้ตนเองรอดพ้นจากความตายอันน่าสะพรึงกลัวที่พวกมันได้เห็นมากับตา แต่ทว่าสิ่งที่พวกมันคาดหวังนั้นกลับเป็นเพียงความฝันลมๆ แล้งๆ เยี่ยจิงหลินเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบและเฉียบขาด ดวงตาของนางไม่แสดงอารมณ์ใดๆ นางหยุดลมหายใจของพวกมันไปทีละคน ทีละคน เสียงร่ำร้องแห่งความหวาดกลัวของพวกมันดังอยู่เพียงชั่วขณะ ก่อนจะถูกความเงียบกลืนกิน
ในที่สุด ก็เหลือเพียงชายชุดดำคนสุดท้าย เขาทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาและความสิ้นหวัง ขาทั้งสองข้างของเขาสั่นระริกจนไม่อาจยืนอยู่ได้“คุณหนู… ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด! ข้าผิดไปแล้ว!” เขาร้องขอชีวิต น้ำเสียงสั่นเครือ ในที่สุด คำเรียก "คุณหนู" ซึ่งเขาไม่เคยคิดจะใช้กับบุตรสาวของสาวใช้ต่ำต้อยมาก่อน ก็ถูกเปล่งออกมาจากปากของเขา
เยี่ยจิงหลินยืนนิ่งมองเขาด้วยสายตาที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยอำนาจและความกดดันที่ทำให้ชายชุดดำตรงหน้าไม่กล้าขัดขืน“จงบอกมา ใครส่งพวกเจ้ามา?”
ชายชุดดำกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว“ฮูหยินใหญ่… อันเหยาเหวิน ขอรับ นางเป็นคนสั่งให้พวกเรามา…”
ยังไม่ทันที่คำพูดของเขาจะจบประโยค เสียงอาวุธของเยี่ยจิงหลินก็แหวกผ่านความเงียบ และในพริบตา ชายชุดดำก็ล้มลงไปพร้อมกับลมหายใจสุดท้าย ดวงตาเบิกโพลง ร่างไร้วิญญาณของเขานอนแน่นิ่งบนพื้น
เยี่ยจิงหลินมองร่างไร้ชีวิตของเขาด้วยสายตาเย็นชา สำหรับนางแล้ว คนพวกนี้เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่ไร้ค่า การที่พวกมันคิดจะดับลมหายใจของผู้อื่น ก็เป็นเรื่องสมควรแล้วที่พวกมันจะได้รับชะตากรรมเดียวกัน
นางเช็ดอาวุธของตนด้วยความสงบนิ่ง ก่อนจะเก็บมันเข้าที่
ซากร่างไร้ชีวิตของชายชุดดำที่นอนกระจัดกระจายบนพื้นนั้นเป็นภาพที่ไม่น่ามองและอาจสร้างความหวาดกลัวแก่ชาวบ้านหากใครผ่านมาพบ เยี่ยจิงหลินรู้ดีว่าการปล่อยให้ร่องรอยเหล่านี้หลงเหลืออยู่จะนำมาซึ่งคำถามและปัญหาที่ไม่จำเป็น
นางหยิบขวดเล็กๆ ที่บรรจุของเหลวบางอย่างออกมาจากเสื้อคลุม ของเหลวนั้นมีสีเข้มและส่งกลิ่นฉุนจางๆ เมื่อนางเปิดฝา ก่อนที่ไอร้อนบางเบาจะลอยฟุ้งขึ้นมา นางเดินไปที่ร่างของชายชุดดำ และเทของเหลวจากขวดลงไปช้าๆ
ของเหลวสัมผัสกับร่างกายที่ไร้ชีวิต และทันทีที่มันกระทบลง ไอร้อนพลุ่งพล่านออกมาพร้อมเสียงดังแผ่วเบา ร่างเหล่านั้นค่อยๆ ถูกหลอมละลายอย่างช้าๆ ราวกับถูกดูดซึมกลับคืนสู่พื้นดิน จนไม่เหลือสิ่งใดทิ้งไว้แม้แต่เศษซาก เหมือนกับว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เยี่ยจิงหลินปิดฝาขวดและเก็บมันกลับเข้าที่ นางยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งเพื่อมองตรวจสอบว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปยังบ้านของตน ความมืดยามค่ำคืนยังคงปกคลุมหมู่บ้านไท่ผิงชุน แต่แสงแรกของวันใหม่กำลังจะมาเยือนในอีกไม่ช้า
