ตอนที่หนึ่ง สมรสพระราชทาน
ตอนที่หนึ่ง
สมรสพระราชทาน
“เหตุใดต้องออกราชโองการให้พี่แต่งกับเขา”
องค์หญิงหมิงเฟยฮวาเอ่ยนำก่อนที่ร่างงดงามจะเยื้องย่างตามเข้ามาในห้องทรงพระอักษรอย่างรวดเร็ว
ขันทีเฒ่าไม่ได้ห้ามปรามทั้งยังถอยไปยกเก้าอี้มารับรองอย่างรู้มารยาทด้วยฮ่องเต้น้อยเคยออกปากอนุญาตให้องค์หญิงผู้พี่สาวเข้าเฝ้าได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
ฮ่องเต้ซึ่งมีวัยเพียง14ขวบปี ร่างกายจึงยังไม่เจริญวัยเต็มที่วางมือจากอักษรยุ่งเหยิงตรงหน้าพลางใช้สายตาซึ่งจับความรู้สึกไม่ออกมองพี่สาวร่วมอุทรซึ่งเหลืออยู่เพียงคนเดียว
“เราหวังดี” คำตอบเพียงสามคำไม่ได้ทำให้องค์หญิงเข้าใจมากยิ่งขึ้น คำถามต่อมาจึงถูกเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
“ให้พี่แต่งกับบุตรชายอัครเสนาบดีอย่างมู่ฟาหยางก็เพื่อกำสกุลมู่เอาไว้ในอุ้งมือสินะ หรือว่าต้องการเรียกหาความจงรักภักดีด้วยไม่ไว้วางใจอัครเสนาบดีมู่ที่มักหลบอยู่ใต้ชายกระโปรงของอวี่ไทเฮา”
“พี่หญิงคิดมากไปแล้ว เราหรือจะเอาความสุขชั่วชีวิตของพี่สาวไปแลกกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง” ฮ่องเต้น้อยรีบโบกมือแต่สายตากลับไม่อาจหลบแววรู้ทันของพี่สาว
แม้ไม่ได้เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เยาว์วัยด้วยองค์หญิงน้อยหมิงเฟยฮวาถูกเลี้ยงดูจากมารดาแท้ๆซึ่งเป็นสนมต่ำศักดิ์
ส่วนองค์ชายหมิงเฟยหรงถูกรับเป็นโอรสบุญธรรมและนำมาฟูมฟักเลี้ยงดูโดยกุ้ยเฟยสกุลอวี่ตั้งแต่พอรู้ความด้วยข้ออ้างว่านางไร้ทายาท
“หากต้องการให้บุตรชายก้าวหน้าย่อมต้องมีมารดาเช่นข้า”
ถ้อยคำของอวี่กุ้ยเฟยในยามนั้นทำให้ผู้เป็นมารดาแท้จริงยอมตัดใจทั้งน้ำตา
ด้วยความที่มารดารักและห่วงใยบุตรจึงมักพาธิดาลอบมาพบเจอกับองค์ชายน้อยอยู่บ่อยคราจนพวกเขาคุ้นเคยกัน
หลังจากมารดาที่แท้จริงสิ้นชีพ องค์หญิงน้อยจึงถูกรับมาเลี้ยงดูคู่กับน้องชายและเติบใหญ่มาพร้อมกัน
องค์หญิงเป็นสตรีย่อมไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราชสำนักแต่ใช่จะไม่รับรู้ว่าเหตุใดจึงเกิดเหตุพลิกผันและสุดท้ายอนุชาที่เหลือรอดเพียงคนเดียวจึงได้รับตำแหน่งฮ่องเต้อย่างไม่ทันตั้งตัว
อวี่กุ้ยเฟยย่อมได้รับตำแหน่งอวี่ไทเฮาอย่างที่เฝ้าฝัน ส่วนนางได้รับการแต่งตั้งเลื่อนขึ้นเป็นฉางกงจู่หรือองค์หญิงใหญ่ตามธรรมเนียม
ฮ่องเต้มอบตำหนักใหญ่หลังหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยนางกำนัลกับขันทีเดินกันขวักไขว่ให้แก่นางเป็นพิเศษ ทั้งยังเพิ่มเบี้ยหวัดกับเครื่องประดับของมีค่าเพื่อเอาอกเอาใจ
ชีวิตขององค์หญิงใหญ่จึงนับว่ากินอิ่มนอนหลับสุขสบายเหนือสามัญ
แต่หมิงเฟยฮวารู้แก่ใจดีว่าฮ่องเต้น้อยซึ่งครองราชย์ตั้งแต่วัยเยาว์ย่อมประสบปัญหาการควบคุมเหล่าขุนนางซึ่งแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายแก่งแย่งช่วงชิงอำนาจวาสนา
