10 เค้นความจริง
นคินทร์ต้องตกใจกับเรื่องที่เพิ่งรับรู้ เพราะพึ่งคุยกับบิดาไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง โชคดีที่ครั้งนี้บิดาเขาไม่เป็นอะไร เรื่องที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่าคือ
บริษัทที่บิดาสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรง กำลังประสบปัญหาใหญ่เรื่องหนี้สิน คงเป็นเพราะเรื่องนี้สินะบิดาของเขาถึงได้อยากให้กลับไปให้เร็วที่สุด
แต่ชายหนุ่มกลับยืนยันหนักแน่นว่าจะอยู่ต่อ จนบิดาตัดสินใจจะไม่บอกเรื่องนี้กับตน เพราะไม่อยากให้ลูกชายต้องเป็นกังวล นี่เขาเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โรคหัวใจของบิดาทรุดลงด้วยหรือเปล่า นคินทร์ครุ่นคิดกับตัวเอง
หากนิศราไม่โทรมาในวันนี้ เขาก็คงยังไม่รู้เรื่องอาการป่วยของบิดาเป็นแน่ เพราะการคุยโทรศัพท์กับบิดาทุกครั้ง ท่านไม่เคยบอกอะไรเลย ท่านคงไม่อยากบังคับจิตใจลูกชายเพียงคนเดียวที่ยืนยันหนักแน่นว่ายังไม่อยากกลับ
แถมตอนที่บอกว่าจะอยู่ต่ออีกหลังเรียนจบ บิดาไม่ได้เอ่ยปากห้ามหรือขัดขวางแม้แต่น้อย มีแต่สนับสนุนแถมยังอวยพรให้ประสบความสำเร็จดั่งหวังอีก มันยิ่งทำให้นคินทร์รู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ ทำไมเขาถึงได้เห็นแก่ตัวขนาดนี้ ไม่เคยนึกถึงคนที่บ้าน ไม่เคยถามเลยสักครั้งว่าทางบ้านเป็นยังไงเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
ทั้งที่ช่วงหลังบิดาโทรมาหาบ่อยมาก ๆ มันน่าจะทำให้เขาเอะใจคิดได้บ้าง แต่กับเป็นความรำคาญใจทุกครั้งที่บิดาโทรหาเพราะมัวแต่คิดถึงแต่เรื่องของตัวเอง จนลืมคนข้างหลังไป
การที่เขาจากมาไกลขนาดนี้ ทำให้ชายหนุ่มมองไม่เห็นความสำคัญของคนในครอบครัว ครอบครัวที่รอการกลับไปของตนเองได้อย่างไร
อีกด้าน
เสียงเพลงในไนต์คลับดังสนั่นโดนใจคนชอบเที่ยวที่พากันเต้นตามจังหวะดนตรีอย่างสนุกสนาน รสรินทร์สนุกจนลืมนคินทร์แฟนหนุ่มที่มาด้วยไปเลย ระหว่างที่เธอกำลังเต้นอย่างเพลิดเพลินกับกลุ่มสาว ๆ จอนยังคงครุ่นคิดกับคำพูดของนคินทร์เกี่ยวกับเรื่องของรสรินทร์ผู้หญิงที่เขาชอบเมื่อคู่ซ้ำไปซ้ำมาจนทนไม่ไหว
ต้องคุยกับเจ้าตัวให้รู้เรื่อง ร่างสูงใหญ่เดินแทรกตรงเข้าไปหารสรินทร์ทำท่าทางเหมือนจะเข้าไปเต้นด้วย แต่เปล่าเลยทันทีที่เดินมาถึง ร่างสูงโน้มหน้าลงไปกระซิบข้างใบหูของรสรินทร์ที่กำลังเต้นอย่างสนุกสนาน
“ออกมาคุยกับผมหน่อยทางเดินไปห้องน้ำเดี๋ยวนี้”
จอนบอกน้ำเสียงเข้มดุดัน สีหน้าจริงจังก่อนเดินนำหน้าหญิงสาวออกไปก่อน เพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตในหมู่เพื่อน ๆ ไม่นานรสรินก็เดินตามออกมาเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย
“มีอะไรคะจอน เกิดอะไรขึ้นทำหน้าจริงจังเชียว”
“โรสคุณจะแต่งงานกับไอ้ดินนั่นเหรอ ทำไมถึงไม่บอกผมสักคำ” เสียงเข้มดุถามด้วยความไม่พอใจ
“บ้าน่าจอน โรสยังรักสนุกอยู่ไม่คิดที่จะแต่งงานกับใครหรอก คุณก็น่าจะรู้ดีกว่าใคร ใช่มั้ย”
รสรินทร์ตอบด้วยน้ำเสียงหวานอ่อนลง ทั้งยังส่งสายตายั่วยวน เชื้อเชิญคนตรงหน้าอีกต่างหาก ทำราวกับคำถามที่เขาถามนั้นเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องเสียอย่างนั้น แต่คนฟังดูเหมือนจะไม่เชื่อคำพูดของเธอสักเท่าไหร่
“แต่เมื่อกี้ไอ้ดิน มันบอกผมแบบนั้น”
“แล้วคุณก็เชื่อ…จอน! คุณคิดว่าคนอย่างโรสจะแต่งงานแล้วทิ้งชีวิตที่แสนสนุกแบบนี้ไปหรือคะ ไม่มีทาง คุณก็รู้ดีกว่าใครๆ”
ไม่พูดเปล่ารสรินทร์ใช้สองแขนเรียว โอบรัดรอบคอของเขาก่อนดึงโน้มเข้ามาบดจูบอย่างดูดดื่ม เร่าร้อน ราวกับกระหาย จอนปล่อยให้หญิงสาว เป็นฝ่ายเสนอจูบเร่าร้อนนั้นก่อน เมื่อเห็นว่าไม่ทันใจ
มือใหญ่จับร่างเรียวอ้อนแอ้น อันแสนยั่วยวนพลิกแนบชิดกับผนังทางเดิน จากนั้นบดขยี้จูบตอบสนองกลับอย่างดูดดื่ม ร้อนแรงไม่แพ้กัน
ทั้งสองยืนกอดจูบนัวเนียกันอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน จนอารมณ์ของชายหนุ่มเตลิดหยุดไม่อยู่ มือหนาเริ่มเลื้อยไล่ไปตามร่างบางจนมาหยุดที่ทรวงอกอวบนิ่มคู่งาม นูนเด่นล่อตา ก่อนจะบีบเคล้นมันอย่างมันมือ
ปลายนิ้วหยอกล้อจุดอ่อนไหว ปาดบีบสลับเคล้นอยู่นานจนพอใจ ยิ่งเห็นคนเบื้องหน้าดีดดิ้นตอบสนองเขายิ่งได้ใจ จากนั้นค่อยๆ เลื่อนไล้ปลายนิ้วต่ำลงไปตามหน้าท้องแบนราบ หมายจะล้วงเข้าไปสำรวจด้านในกระโปรงตัวสั้นจิ๋ว แต่กลับถูกมือเล็กจับห้ามเอาไว้เสียก่อน
“ตรงนี้ไม่ได้ค่ะจอน”
รสรินทร์ห้ามพร้อมส่งสายตา มองไปทางประตูห้องน้ำ ชายหนุ่มรู้ในทันทีว่าหญิงสาวหมายถึงอะไร
