บท
ตั้งค่า

2

ซวยแล้ว

คุณหมอหนุ่มยกสันมือเคาะหัวตัวเองอีกที อาการแบบนี้ไม่ใช่เมาอย่างเดียวแน่นอน ต้องโดนยาตัวไหนสักตัวร่วมด้วยเป็นแน่ ขนาดที่ว่ามีเซ็กซ์กับใครเขาก็ยังนึกไม่ออกนี่น่ากลัวมาก

มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เมาแล้วจะนอนกับใครที่ไหนก็ยังจำไม่ได้ ผู้หญิงหรือผู้ชายกันที่เขามีสัมพันธ์ด้วยก็ยังนึกไม่ออก

นายแพทย์อาร์เธอร์ลุกไปหยิบขวดน้ำออกมาเปิดดื่มไปกว่าค่อนขวดแล้วพยายามนึกเรื่องเมื่อคืนนี้ต่อ

ความทรงจำสุดท้ายที่พอจะนึกได้คือเขานั่งคุยอยู่กับเพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นพี่ชายของฌาร์มมี่

นึกได้ถึงตรงนี้ พลันเสียงออดหน้าห้องพักก็ดังขึ้น

อาร์เธอร์ปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้นเพราะปวดหัวหนักเกินกว่าจะรับแขกในวันนี้

แต่แล้วเสียงออดก็ยังดังไม่หยุดแถมจังหวะยังถี่รัวขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายจำใจต้องลุกออกไปที่ประตูเพราะทนรำคาญอีกต่อไปไม่ไหว

ส่องดูตรงช่องตาแมวก่อนจะปลดล็อกให้เมื่อเห็นว่าเป็นใคร

“อาร์ธคะ” เสียงเรียกชื่อเขาหวานหยดดังออกมาจากปากเล็ก ๆ เคลือบสีชมพูวาวของหญิงสาวเจ้าของชื่อฌาร์มมี่ ก่อนที่เจ้าหล่อนจะลอบมองที่เขาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น

“ฌาร์มมี่แวะเอาบรันช์มาให้ค่ะ”

ฌาร์มมี่วางตะกร้าบรรจุอาหารที่ทำมาให้เขาเป็นประจำไว้บนโต๊ะหินอ่อนในส่วนที่เป็นห้องครัว ก่อนจะแกะอาหารใส่จานและชาม พร้อมกับส่งเสียงถามด้วยอาการที่ปกปิดความอยากรู้อยากเห็นแทบไม่มิด

“แล้วเมื่อคืนนี้ อาร์ธ...”

พูดออกมาแค่นั้นฌาร์มมี่ก็เงียบไป

เมื่อคืนเขานอนกับฌาร์มมี่อย่างนั้นหรือ อาร์เธอร์เดินไปหยิบขวดน้ำที่ดื่มค้าง ยกดื่มต่อจนหมด ก่อนจะลอบมองหญิงสาวผ่านขวดน้ำด้วยความรู้สึกหนึ่งที่พุ่งทะยานเข้ามาบอกว่า ไม่น่าใช่ เพราะหากว่าเขาหลับนอนกับหญิงสาวจริง เจ้าหล่อนต้องแสดงความเป็นเจ้าของเขามากกว่านี้สิ

แล้วถึงได้เอ่ยออกไปว่า

“ผมทำไมหรือ”

“เมื่อคืนอาร์ธกลับห้องยังไงคะ ใครมาส่ง”

ทันทีที่ฌาร์มมี่ถามคำถามจบ อาร์เธอร์ก็ให้รู้สึกแปลกใจไม่น้อย มองสบตาหญิงสาวนิ่ง เพราะจำได้ว่าเมื่อคืนนี้ในวงสนทนาไม่มีฌาร์มมี่นี่นา จึงเอ่ยทวนถามไปว่า

“เมื่อคืนนี้คุณก็มาด้วยหรือ”

ฌาร์มมี่ยิ้มพร้อมส่งสายตาแสร้งจับผิดส่งคืนเขาไป พร้อมเอ่ยว่า

“คืองี้ค่ะ มี่ก็กะจะไปนั่งดื่มด้วยน่ะค่ะ พอมี่ไปถึงคลับ ก็ไม่เจออาร์ธแล้วล่ะค่ะ แต่เห็นรถจอดอยู่ เลยแปลกใจว่าหายไปไหน โทรหาก็ไม่ยอมรับสาย ร้ายนะเนี่ย ดอดไปกับสาวที่ไหนมาหรือคะ”

ได้ยินอย่างนั้นแล้วคลายใจลงไปไม่น้อย พูดมาแบบนี้แสดงว่าไม่ใช่เจ้าหล่อนที่เขานอนด้วยเมื่อคืนนี้

แล้วใครกันที่เป็นเจ้าของรอยเลือดที่เปรอะบนที่นอนของเขา

นายแพทย์หนุ่มลากสายตามองไปยังห้องนอนที่ประตูยังคงเปิดอ้าทิ้งเอาไว้ มองที่นอนนิ่งเป็นนานไม่ได้ตอบอะไรฌาร์มมี่ออกไป รอจนเจ้าหล่อนกลับเขาค่อยลงมือรื้อผ้าปูผืนนั้นออก พับเก็บเพื่อนำไปส่งตรวจหาดีเอ็นเอคู่กรณีของเขา พร้อมกับลงไปที่ด้านล่างเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดตั้งแต่บนชั้นที่เขาพักเผื่อจะได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมมาบ้าง

“เมื่อคืนไปหลับไปนอนกับใคร ที่ไหน”

เสียงถามดังมาจากทางไหนแน่ อันนาหันหน้ามองซ้ายมองขวาหาเสียงของแม่ ไม่เห็นตัวก็เดาเอาว่าแม่คงให้คนอัดเสียงไว้หลอกเวลาที่เธอกลับบ้านเช้าอีกแน่ ๆ เลย แล้วย่องกลับเข้าห้อง ไปได้ไม่กี่ก้าว เจ้าของเสียงถามก็พาร่างที่ยังงดงามของตัวเองมาขวางหน้าไว้

“แม่ถามว่าเมื่อคืนไปนอนที่ไหนมา”

“โหยแม่ หนูจะสามสิบแล้วนะ”

“สามสิบ แล้วยังทำตัวแบบนี้จะไม่ให้แม่เป็นห่วงได้ยังไง”

แกล้งทำหน้าตูม ๆ บอกเสียงอ่อยไปว่า “หนูไปนอนห้องกุ๊กเก๋มา”

“แม่โทรถามแล้ว กุ๊กเก๋บอกว่าหนูไม่ได้อยู่ที่ห้อง”

“อ๋อ เออ ใช่ แฟนมันมา หนูเลยไม่อยากอยู่เป็นก้างมัน ก็เลยกลับมานี่ไง”

ฐิตตาหรี่ตาลงมองบุตรสาวของตัวเอง พูดเน้นเสียงเพื่อคาดคั้นออกไปว่า “โกหก”

“ไม่” อันนาลากเสียงให้อยู่ในระดับเดียวกัน ก่อนบอกไปว่า “หนูจะโกหกแม่ทำไม ไม่ใช่นิสัยหนูเลยนะ”

ฐิตตามองบุตรสาวตัวดีก็เหมือนเห็นตัวเองซ้อนอยู่ในร่างนั้นราง ๆ ทุกคำกล่าว ทุกมุกที่สรรหามาใช้ มีหรือตนเองจะไม่รู้ ดูไม่ออก

“บอกแม่ตามตรงว่าไปนอนที่ไหนมา ก่อนที่แม่จะเอาไปคุยกับพ่อ”

“เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องเอาไปคุยกันเลยหรือ” อันนาบ่นจบก็เดินตรงไปยังห้อง ผลักประตูเข้าไปนอนแผ่หลาบนเตียง แล้วบอกแม่ไปว่า “เมื่อคืนนี้หนูเมามากก็เลยเปิดห้องในโรงแรมใกล้ ๆ นั่นแหละนอน”

ฐิตตาส่งเสียงจิ๊ในปาก พร้อมถอนใจแรง ๆ เตือนลูกสาวไปว่า

“อย่าทำตัวแบบนี้อีกนะ เกิดเมาหนัก ๆ แล้วโดนคนจับปล้ำมา ลูกนั่นแหละที่จะเสียใจที่สุด”

อันนาไม่ได้ฟังคำเตือนของแม่ เพราะดูเหมือนว่ามันจะสายไปเสียแล้วนาทีนี้ ยกศีรษะขึ้นถามแม่ไปว่า

“แม่ก็โดนปล้ำมาเหมือนกันหรือจ๊ะ”

พูดถึงเรื่องปล้ำ คนเคยมีประสบการณ์ก็หน้าร้อนผ่าวขึ้น ร้องบอกไปว่า “บ้า”

แม่เพลี่ยงพล้ำเสียแล้ว เมื่อถูกอันนาจับอาการได้

หากว่าแม่อ้าปากค้างน้อย ๆ ตาลอย ๆ ยกมือขึ้นแตะแก้มตัวเองแบบนี้แล้วนะ ชัดเลย

“แน่ะ ใช่แหง ใครปล้ำแม่หรือจ๊ะ”

“ฉันน่ะสิ ฉันน่ะสิ” เสียงตอบของคนชอบปล้ำดังมาจากประตูหน้าห้อง สองแม่ลูกหันไปมองแทบจะพร้อมกันก็เห็นว่าคนพูดยืนมองพวกตนอยู่ที่ตรงนั้นนั่นเอง “คุยอะไรกันเป็นลางไม่ดี ปล้ำ ๆ เปิ้ม ๆ ได้ยินแล้วใจหวิว ๆ ยังไงก็ไม่รู้” นายแพทย์ภวินท์ส่งสายตาเป็นประกายไปมองยังคนเป็นภรรยา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel