1
เพลิงพธูรู้สึกดีใจเหลือเกินที่วันนี้ราเมธอยู่บ้าน เขาเป็นคุณอาหนุ่มเพื่อนรุ่นน้องของบิดามารดาที่ใจดี และเอ็นดูเธอมากๆ ที่สำคัญเขาโสดและยังไม่มีแฟน แม้จะอายุล่วงเลยเข้าสามสิบหกปีเข้าไปแล้ว
“คุณอาคะ วันนี้คุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยู่บ้าน หนึ่งขอมาฝากท้องที่บ้านคุณอาได้ไหมคะ”
“ได้สิครับ สาวน้อย”
ราเมธโยกศีรษะของสาวน้อยข้างบ้านไปมา เขาเอ็นดูเธอมากๆ เพราะเป็นบุตรสาวของเพื่อนรุ่นน้อง
“วันนี้คุณอาทำอะไรทานคะ”
ราเมธเป็นเจ้าของโรงแรมหรู ทำอาหารเก่ง เธอจึงรู้ดีว่าเขาทำอาหารอร่อยมากๆ เชียวล่ะ
“อยากกินอะไรล่ะ”
“อยากกินอะไรที่ไม่อ้วนค่ะ หนึ่งรู้ว่าคุณอาทำอร่อยค่ะ”
“งั้นมาเป็นลูกมืออาเลย”
“ได้ค่ะ”
ราเมธจึงเลือกเมนูเสต็ก เขาจำได้ดีว่าสาวน้อยข้างบ้านของเขาชอบรับประทาน เนื่องจากร่วมโต๊ะกันบ่อยครั้ง
“หอมจังเลยค่ะ”
เธอก้มหน้าเข้าไปมองเนื้อในกระทะที่เขากำลังจี๋อยู่ กลิ่นหอมของกระเทียมพริกไทยดำ ทำให้น้ำลายสอ มือบางลูบท้องตัวเองไปมาด้วยความหิว
“เราผอมไปหรือเปล่า ตัวเล็กนิดเดียวอยู่แล้ว ต้องกินเยอะๆ นะ”
เขาวางเนื้อลงในจานที่มีเครื่องเคียงวางอยู่ก่อนหน้าแล้ว จานที่จัดแต่งสวยงามทำให้เธออมยิ้ม
“หนึ่งทานเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน คุณอาก็รู้ เรียกว่าระบบเผาผลาญดีค่ะ”
เธอยิ้มกว้าง อยากเห็นเขามีความสุข และยิ้มแบบนี้ตลอดไป
“เสร็จแล้วล่ะ เราไปทานมื้อเย็นกันดีกว่า”
เขาโยกศีรษะสาวน้อยไปมาอย่างเอ็นดู ท่าทางของเขาทำให้เพลิงพธูยิ้มค้างตาปรือเยิ้ม
แบบนี้จะไม่ให้เธอหลงรักได้ยังไงกัน ก็เขาชอบอ่อยให้เธอเพ้อหาอยู่ร่ำไป
อยากบอกเขาไปว่าคุณอาคะ เรามาเป็นแฟนกันนะ แต่ก็นั่นแหละ เธอใจไม่กล้าหน้าไม่ด้านพอ เลยได้แต่เพ้ออยู่ข้างเดียว
“มีแฟนหรือยัง”
“คะ?” เธอเงยหน้าขึ้นจากจานเสต็ก มองเขาตาปริบๆ
“อาถามว่ามีแฟนหรือยัง”
“คุณอาถามทำไมคะ”
“ตอบอามาก่อนสิครับ”
“ยังไม่มีค่ะ ไม่มีใครเอาเด็กกะโปโลแถมยังขี้เหร่แบบหนึ่งเป็นแฟนหรอกค่ะ”
“ดีแล้วแหละ ตั้งใจเรียนดีกว่า”
คนพูดแอบอมยิ้ม ขี้เหร่ที่ไหนกันล่ะ เธอน่ารักจนเขาเผลอมองออกบ่อยๆ
“พูดเหมือนคุณพ่อคุณแม่เลยค่ะ”
“เหรอครับ” ราเมธลูบท้ายทอยไปมา
“คุณพ่อคุณแม่พูดแบบคุณอาก็จริง แต่ถ้าหนึ่งจะมีแฟนท่านก็ไม่ว่านะคะ ขอแค่ให้อยู่ในสายตาก็พอแล้ว”
“อย่ามีเลยครับ”
“แต่หนึ่งก็อยากมีแฟนนะคะ”
“ทำไมถึงอยากมีล่ะ เห็นหนึ่งไม่เคยมีแฟน”
คนถามแอบร้อนใจอยู่มาก
“เห็นเพื่อนๆ มีก็อยากมีกับเขาเหมือนกันค่ะ เพื่อนๆ บอกว่าการมีแฟนทำให้เราหายเหงา มีเพื่อนกินข้าว เพื่อนเที่ยว แถมยังมีที่ปรึกษาด้วย”
“แล้วหนึ่งชอบคนอายุประมาณเท่าไหร่ครับ”
“อายุสักสามสิบกว่าๆ ก็ดีนะคะ เพราะเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีหลักฐานมั่นคง มีเหตุมีผล เป็นที่ปรึกษาให้เราได้”
“จริงครับ” ราเมธยิ้มให้สาวน้อย
“แบบคุณอานี่สเปคหนึ่งเลยนะคะ”
“แค่กๆๆ”
ราเมธถึงกับสำลักเมื่อเธอพูดแบบนั้น เขายกน้ำขึ้นดื่ม ดึงผ้ามาซับปาก มองเธอไม่วางตา สาวน้อยมีแววขี้เล่น แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความจริงใจ รักใคร่ มันพราวเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า
“งั้นอาขอสมัครเป็นแฟนได้ไหมครับ”
“แค่กๆๆๆ”
คราวนี้คนที่สำลักเป็นเพลิงพธูเสียเอง ไม่คิดว่าราเมธจะพูดแบบนี้ออกมา
“คุณอา!”
“ตกใจแบบนี้ อารู้สึกขาดความมั่นใจไปเลยครับ”
เขาลูบท้ายทอยไปมา มองตาปริบๆ เธอคงแหย่เล่น แต่เขาเอาจริงๆ หน้าแตกยับเลยไอ้ราเมธเอ๊ย!
“งั้นเราเป็นแฟนกันนะคะ”
น้ำแทบพุ่งออกจากปาก เขาวางแก้วน้ำแทบไม่ทัน สำลักหูตาแดง หน้าแดงไปหมด
“คิดดีแล้วใช่ไหมครับ”
“คุณอาจริงจังและจริงใจกับหนึ่งหรือเปล่าล่ะคะ จริงๆ แล้ว หนึ่งแอบรักคุณอามานานมากแล้วน่ะค่ะ”
คนสารภาพก้มงุด หน้าแดงก่ำ เธอคิดว่าตัวเองอายุเกินสิบแปดแล้ว สารภาพรักกับผู้ชายก่อนคงไม่เป็นไรหรอกนะ ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ต้องใจกล้ากันสักหน่อย เพราะไม่งั้นคงได้กินแห้ว ผู้ชายยิ่งมีน้อยๆ อยู่ด้วย เอาเถอะ! ถ้าจะหน้าแตกก็ช่าง ไม่ได้ไปสารภาพรักกับสามีชาวบ้านเสียหน่อย
