บท
ตั้งค่า

บทที่1.จบตอน

ในขณะที่พยัคฆ์กำลังลุ่มหลงกับเรือนกายขาวสะอาดเนียนนุ่มของจุมพิตา หญิงสาวเองก็ไม่ได้ต่างกันนัก เธอมึนงงสมองขาวโพลนหมุนติ้วๆ จนเหมือนว่าร่างกายถูกโยนไปบนฟ้าแล้วถูกเหวี่ยงไปมาด้วยมือยักษ์ใหญ่ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ทั้งความเสียวซ่านที่หมุนวนอยู่ในช่องท้อง ความร้อนซาบซ่านอย่างที่ไม่เคยพบเจอวิ่งพล่านมารวมกันอยู่ตรงกลางร่างจนรู้สึกเปียกชื้นนั้นช่างน่าประหลาดใจ...

หญิงสาวครางสะอื้นเมื่อริมฝีปากร้อนไต่แต้มลงมาตามชายโครงและทำท่าว่าจะต่ำลงไปกว่านั้น มือสากร้อนไม่ต่างกันเคล้นคลึงอยู่กับเรียวขาด้านในโฉบเฉี่ยวอยู่ใกล้กับเนินเนื้ออิสรีจนน่าหวาดเสียว จุมพิตาได้แต่ครางแผ่วไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้านความเสียวกระสันที่โจมตี

ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นแทรกเสียงครางกระเส่าของหนุ่มสาวใบหน้าหล่อเหลาที่เคลื่อนตำมาถึงหน้าท้องเนียนชะงักงัน ดวงตาคมขุ่นมัวด้วยเพลิงเสน่หาหลับลงแล้วลืมขึ้นใหม่ พยัคฆ์กัดกรามกรอดแค้นเคืองคนที่บังอาจมาขัดจังหวะอันร้อนแรง..

“บัดซับเอ๊ย..” ชายหนุ่มเสยผมรวกๆ แล้วสะบัดศีรษะแรงๆ เหมือนกำลังเรียกสติที่เตลิดไปไกลของตนกลับคืนมา ในขณะที่จุมพิตาลนลานหยิบหมอนใบใหญ่มากอดไว้ใช้มันปิดป้องเรือนร่างเปลือยเปล่าของตนจากดวงตาคมเข้มขุ่นมัวของเขา

พยัคฆ์ปรายตามองเธอเล็กน้อยแล้วขยับปกเสื้อให้เรียบร้อยก่อนเดินไปที่ประตูเมื่อได้ยินเสียงของคนที่อยู่ข้างนอกรายงานตัวก่อนที่เขาจะเปิดออกไปแต่เพียงแง้มๆ ไว้ให้เห็นเพียงแค่ตัวเขาเท่านั้น

“มีอะไรวิลล์” เสียงเจ้านายเข้มจัดจนผู้เป็นมือขวารีบก้มหน้าหลบสายตาร้อนแรงด้วยโทสะของเจ้านายหนุ่ม

“เขาไม่ยอมกินอาหารครับ บอกว่าขอพบลูกสาว”

“ไหนว่าเขาพูดไม่ได้ไง”

“เขาพูดได้เป็นประโยคสั้นๆ ครับ เขาพูดแต่ชื่อเธอไม่ยอมกินอะไรไม่ยอมพูดอะไรนอกจากเรียกชื่อลูกสาว”

วิลล์ หนุ่มลูกครึ่งอิตาลีเช่นเดียวกันกับเจ้านายหนุ่มรายงานเสียงเรียบพยายามไม่มองเลยไหล่เจ้านายไปเพราะรู้ดีว่าต้องทำอย่างไรเมื่อเจ้านายกำลัง ยุ่ง

“เข้าใจแล้วเดี๋ยวฉันจัดการเอง ไปได้แล้ว..”

พยัคฆ์ปิดประตูไม่เบานักแล้วหันกลับมามองคนที่อยู่บนเตียงซึ่งบัดนี้ใช้ผ้าห่มแพรผืนงามคลุมกายมิดชิด สีแดงเลือดหมูของผ้าแพรตัดกับผิวขาวกระจ่างดูผุดผาดแสงแดดยามสายที่ลอดผ่านกระจกบานใสเข้ามาในห้องทำให้ดูราวกับว่าผิวของเธอมันเรืองแสงได้กระนั้น เรือนผมยาวดกดำยุ่งเหยิงริมปากอิ่มแดงช้ำจากฤทธิ์จุมพิตร้อนแรงเมื่อครู่ทำให้เธองดงามราวภาพวาดจนเขาแทบจะควบคุมไม่ได้ขึ้นมาอีกครั้งจนต้องสร้างกำแพงขึ้นมาป้องกันตัวเองจากเสน่ห์อันเย้ายวนของเจ้าหล่อนเสีย...

“รีบใส่เสื้อผ้าซะ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ”

“แต่ฉัน..”

“ใส่เท่าที่มีไปก่อน หรือจะแก้ผ้าก็ได้นะ จะว่าไปเธอก็รูปร่างน่ากินดี หน้าอกใหญ่ล้นมือ ตรงนั้นก็..”

“อ๊าย คนบ้า หน้าไม่อาย หยุดพูดนะ”

หญิงสาวแหวเสียงเขียวหน้าดำหน้าแดงทั้งยังยื่นมือออกมาหยิบหมอนอีกใบปาใส่เขาอย่างฉุนเฉียวเสียอีก นี่ก็เป็นอีกหนึ่งการกระทำที่เขาไม่เคยได้รับจากผู้หญิงที่เขาพาขึ้นเตียงและก็ไม่ปลื้มพวกหล่อนด้วยถ้าหากมาทำเช่นนี้กับเขาแต่กับจุมพิตาทำไมนะถึงรู้สึกดีเหลือเกิน...

“หึหึ.. ฉันให้เวลาเธอห้านาที หรือจะนับหนึ่งถึงสิบดี เอาล่ะฉันเลือกให้ดีกว่า หนึ่ง สอง สาม..”

เขาเริ่มนับและโดยไม่ต้องบอกว่าต้องทำอย่างไร หญิงสาวรีบลุกอย่างทุลักทุเลวิ่งไปยังตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ไม่กี่อึดใจเธอก็หันมาเผชิญหน้ากับเขาด้วยแววตาขุ่นเขียว พยัคฆ์ยกยิ้มน้อยๆ มุมปากแล้วมองสำรวจร่างเล็กในเสื้อเชิ้ตตัวโตของเขา เธอใส่มันสองชั้นก็ดูเรียบร้อยดีแล้วใช้เนกไทของเขามัดที่เอวเพื่อไม่ให้เสื้อมันหลวมโคร่งเกินไปนับว่าเจ้าหล่อนมีศิลปะในการแต่งตัวอยู่ไม่น้อยสามารถใส่เสื้อผ้าของเขาได้น่ารักน่าปรารถนามาก ไม่วายที่พยัคฆ์จะแอบคิดนอกเรื่อง

“ทำเวลาดีมาก เอาล่ะตามฉันมา”

จุมพิตามองรอบกายด้วยความตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เทือกเขาเขียวขจีโอบล้อมรอบบ้านหลังงามที่ปลูกสร้างอย่างลงตัวกลมกลืนไปกับผืนป่าที่ปลูกขึ้นแซมกับป่าดั้งเดิม ดอกไม้หลากหลายสายพันธ์แข่งกันออกดอกชูช่อไสวล้อลมส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ผสมกับกลิ่นหญ้าลอยมาตามสายลมเย็นสบาย อากาศเย็นสบายลำธารเล็กๆ ไหลผ่านทำให้ได้ยินเสียงน้ำไหลดั่งเสียงเพลงวารีขับกล่อมคนที่อยู่ภายในรีสอร์ตหรูที่เธอเคยได้ยินชื่อมาบ้าง

รีสอร์ตคิงส์เมาท์เท่น รีสอร์ตหรูระดับห้าดาวคงไม่พอเพราะความยิ่งใหญ่อลังการและงดงามราวกับเมืองในฝันที่เคยเห็นในภายนตร์หรือหนังสือและรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวหากมีดาวจะให้อีกเธอคงทุ่มให้ที่นี่ล้านดวงไปเลย นี่สินะที่เขาเรียกว่า อลังการดาวล้านดวง แล้วยิ่งเรือนใหญ่ซึ่งเป็นเรือนเจ้าของสถานที่แห่งนี้ความอลังการไม่ต้องพูดถึงหากไม่มีคนเดินนำทางเธอก็คงเดินหลงไปไหนต่อไหน และต่อให้อยากจะไปไหนดังใจนึกตอนนี้จุมพิตาไม่ขอเสี่ยงเดินออกนอกเส้นทางที่สาวใช้หน้าแฉล้มกำลังเดินนำเธอไปหาบิดาอยู่ตอนนี้เป็นแน่

“เชิญเจ้า พ่อคุณจ๋อมอยู่ในห้องนี้เจ้า”

สาวใช้ผายมือไปยังประตูเกะสลักงดงามก่อนจะเดินจากไปเงียบๆ จุมพิตารีบเปิดประตูเข้าไปทันทีโดยไม่รั้งรอและสภาพบิดาที่เห็นแวบแรกน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาทันที

“พ่อจ๋า...” หญิงสาวโผเข้ากอดร่างผ่ายผอมของบิดาสองพ่อลูกร้องไห้แข่งกันอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จุมพิตาจะเงยหน้าขึ้นจากอกของท่านที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาของตน หญิงสาวบรรจงเช็ดใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาของบิดาอย่างอ่อนโยนแล้วยิ้มให้ท่านบางๆ

“จ๋อมปลอดภัยดีนะคะพ่อย่าห่วงเลย จ๋อมอยากให้พ่อกินอะไรเสียหน่อยจะได้มีแรงนะ”

นายจักรพยักหน้าปากที่เบี้ยวน้อยๆ เหมือนจะยกยิ้มให้ลูกสาวและแววตาดูมีแววสดใสขึ้น เธอหยิบชามข้าวต้มที่ยังอุ่นอยู่อยู่มาป้อนบิดาไปเรื่อยๆ จนข้าวต้มหมดชาม จุมพิตาหยิบกระดาษมาซับมุมปากและจัดให้ท่านนั่งบนรถวีลแชร์ที่คนใจร้ายอุตส่าห์จัดเตรียมไว้ให้

“เดี๋ยวพ่อนั่งรับลมตรงนี้ก่อนนะจ๊ะ” จุมพิตาเข็นบิดามานั่งที่ระเบียงกว้างเพื่อให้ท่านได้ผ่อนคลายบ้าง

“ตอนนี้พวกเราคงต้องอยู่ที่นี่ไปจนกว่าเขาจะได้ของคืน แต่จ๋อมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรและไม่รู้ว่าเป็นจ้อยรึเปล่าที่เอาไป ป่านนี้ไม่รู้ว่าน้องเป็นยังไงบ้าง”

“อื้อๆ อาๆ” นายจักรทำเสียงรับรู้ในลำคอ จุมพิตายิ้มหวานแล้วปลอบท่านเบาๆ

“พ่อไม่ต้องห่วงหรอกค่ะตราบใดที่เราอยู่เป็นตัวประกันที่นี่ น้องจะต้องปลอดภัย ไม่ต้องคิดมากนะคะ จ๋อมยอมทำทุกอย่างเพื่อพวกเราทุกคน อย่างน้อยๆ ตอนนี้จ๋อมก็รู้ว่าพ่อปลอดภัยดี อีตานั่นคงไม่ทำอะไรพ่อหากจ๋อม เอ่อ.. ยอมเป็นผู้หญิงของเขา..”

ปลายน้ำเสียงฟังดูหม่นหมองแต่เธอก็ไม่เคยมีอะไรปิดบังบิดา น้ำตาของนายจักรไหลออกมาอีกครั้งจนจุมพิตารีบเข้ามากอดท่านไว้

“พ่อจ๋าไม่เอาอย่าร้องไห้ ช่างมันเถอะ ถือว่าเป็นฝันร้าย ผู้ชายอย่างเขาคงไม่เก็บจ๋อมไว้นานหรอก เขาออกร่ำรวยมหาศาล จะมาเสียเวลากับเราทำไม ตอนนี้ขอแค่เขาได้ของคืนเราก็จะได้กลับบ้านแล้ว พ่ออย่าร้องไห้นะจ๊ะ จ๋อมไม่อยากเห็นน้ำตาของพ่อ”

หญิงสาวเช็ดน้ำตาให้บิดาอีกครั้งจนเมื่อมีพยาบาลสาววัยกลางคนเดินเข้ามาในห้อง จุมพิตาหน้าตื่นคิดว่าพ่อของตนอาจจะมีอะไรผิดปกติ

“เอ่อ.. คุณพยาบาล คือ มาทำไมคะ พ่อของจ๋อมเป็นอะไรหรือคะ”

“ดิฉันชื่อ อนงค์ ค่ะ คุณยักษ์ให้ดิฉันมาดูแลพ่อของคุณค่ะ ท่านจะต้องทำกายภาพบำบัดทุกวันและกินยาให้ตรงเวลา นี่ก็ได้เวลาทำกายภาพบำบัดแล้วและคุณยักษ์ให้คุณไปพบที่ห้องทำงานเดี๋ยวนี้ค่ะ”

“แต่ว่า..”

“คนที่จะพาคุณไปห้องทำงานคุณยักษ์อยู่หน้าห้องแล้วค่ะ”

อนงค์บอกยิ้มๆ แล้วหันไปคุยกับบิดาของเธอเบาๆ ทำให้จุมพิตาเดินคอตกไปที่หน้าห้องด้วยรู้ดีว่าขัดคำสั่งเขาไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรซ้ำยังจะเข้าตัวด้วย หญิงสาวถอนใจแล้วเดินออกไปนอกห้องก็พบว่ามีคนมารออยู่จริงๆ และไม่ต้องพูดมากแค่เดินตามไปเท่านั้นนั่นคือสิ่งที่ต้องทำ จุมพิตาเดินตามร่างสาวใช้คนเดิมไปพร้อมทั้งคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เมื่อสองสัปดาห์ก่อน

เธอเจอพยัคฆ์ที่ตลาดขายเครื่องประดับอันขึ้นชื่อของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่ชายแดนไทย ลาว ตอนนั้นเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร วันนั้นเธอไปตามหาน้องชายเพราะเห็นว่าเย็นมากแล้วแต่ จ้อย น้องชายวัยสิบสองปีของเธอยังไม่กลับบ้าน แต่ด้วยเห็นว่าเป็นวันหยุดนักท่องเที่ยวเยอะเธอจึงเอากาวมหัศจรรย์ติดแน่นเหนียวหนึบไปขายด้วยเป็นการฆ่าเวลาเพราะกว่าตลาดจะปิดก็สี่ทุ่ม ตอนที่เธอกำลังโฆษณาขายกาวให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่นั้นบังเอิญสะดุดกับร่างสูงของเขาจนตัวเองเกือบล้มหากว่าเขาไม่คว้าข้อมือเธอไว้เสียก่อน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่น้องชายของเธอวิ่งมาหาพอดี

ตอนนั้นเธอไม่ได้คิดมากและไม่ได้คิดว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเองต้องมาอยู่ที่นี่ เธอจำได้ดีว่าเขาหน้าบึ้งใส่เธอทั้งยังทำท่าโมโหเป็นอย่างมาก คนที่ติดตามเขามาอีกสองคนก็ทำท่าเหมือนจะเข้ามาบีบคอเธอเสียให้ได้ที่ซุ่มซ่ามชนเขา แต่ด้วยความที่เธอแต่งตัวมอซอหน้าตามอมแมมผมเผ้าค่อนข้างยุ่งเพราะเพิ่งไปส่งของให้ร้านเครื่องประดับที่ทำงานอยู่ ลักษณะท่าทางของเธอในวันนั้นอาจจะทำให้เขาคิดว่าเธอเป็นเด็กเร่ขายของ หรือแก๊งมิจฉาชีพก็เป็นได้ ก่อนที่เขาจะพูดภาษาอะไรที่เธอไม่เข้าใจแล้วรีบเดินลิ่วๆ จากไปด้วยความรีบเร่ง แต่ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มสะดุดตาของเขาก็ติดตาอยู่ไม่น้อย แต่จุมพิตาก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะย้อนกลับมาในชีวิตอีกครั้งในลักษณะเช่นนี้...

แล้วน้องชายของเธอเอาอะไรของเขามา และทำไมเขาจะต้องกล่าวหาว่าเธอเป็นพวกสิบแปดมงกุฎด้วย จุมพิตาคิดไปเรื่อยเปื่อยจนมาหยุดหน้าประตูห้องไม้สักแกะสลักงดงาม หญิงสาวก้มหน้างุดไม่กล้าเงยหน้ามองคนที่เดินนำทางตนมาเพราะความอับอายกับสภาพตัวเอง ไม่ต้องอธิบายอะไรคนที่เห็นก็คงคิดไปถึงไหนต่อไหนว่าเธอกับพยัคฆ์ถึงขั้นไหนแล้ว...

จุมพิตาถอนใจอีกครั้งก่อนจะเอื้อมมือเปิดประตูเข้าไปหลังจากที่คนของเขาเคาะประตูเบาๆ เพื่อให้คนข้างในรับรู้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel