บทย่อ
เคยเป็นไหม เกลียดใครสักคนก็ยังจะเจอ จะต้องมีเรื่องให้มาอยู่ด้วยกัน ในที่สุดคือการที่เธอต้องแต่งงานกับคนที่เกลียดนี่แหละแต่เขากลับน่ารักสุดใจ...
1
“คุณแม่ไม่เล่นนะคะ ไม่เอาแบบนี้”
ปภาดาโวยวายหลังจากอ่านจดหมายของพี่สาวคนเดียวแล้วพบว่าอีกฝ่ายหนีงานแต่งงานไปหน้าตาเฉย แถมทิ้งภาระเอาไว้เบื้องหลัง ปัทมลบอกว่ามีคนรักอยู่แล้ว หล่อนทนแต่งงานกับตนุไม่ได้ บิดามารดาและญาติผู้ใหญ่บอกว่าแขกเหรื่อมากันทั้งจังหวัด เธอต้องเข้าพิธีกับเตชินทร์น้องชายของตนุซึ่งก็คือคู่กัดของเธอ อีกนัยเขาก็คือคู่หมั้นคู่หมายของเธอ แต่เธอกับเขาไม่ลงรอยกันเลยยังไม่มีแพลนจะแต่งงานกันในชาตินี้
หัวเด็ดตีนขาดเธอก็จะไม่ยอมแต่งงานกับหมอนั่นเด็ดขาด ให้ตายดิ้นเถอะ!!!
“น้องดาไม่แต่งค่ะคุณแม่”
“ถ้าน้องดาไม่แต่งพ่อกับแม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะลูก ดูพี่ของเราทำ หนีงานแต่งไปได้ยังไงหน้าตาเฉย” กรองทองแทบล้มทั้งยืนเป็นลมไปแล้วหลายตลบ
“โธ่... แม่ก็ยกเลิกไปสิคะ”
“ยกเลิกได้ยังไง เป็นขี้ปากชาวบ้านทั้งปีทั้งชาติน่ะสิ”
“แล้วเราจะไปสนใจลมปากของชาวบ้านทำไมกันล่ะคะ ไม่ได้ขอข้าวเขากินเสียหน่อย”
“หนูก็พูดได้สิ ลองมาเป็นพ่อกับแม่ดูแล้วจะรู้ เราบอกแขกมาแล้วแต่ไม่มีงานแต่ง เขามาเสียเที่ยวเสียความรู้สึก พ่อกับแม่ทำธุรกิจหลายอย่าง จะขาดความน่าเชื่อถือเข้าใจไหม หนูแค่เข้าพิธีแต่งงานกับเตชินทร์หลังจากนั้นก็จบ”
“แต่งเฉยๆ ไม่เข้าห้องหอกับหมอนั่นนะคะคุณแม่” ปภาดาเริ่มสงสารมารดาเพราะท่านอ้อนวอนเธอจนแทบจะกราบกราน
“ได้เลย แค่แต่งเฉยๆ ก็พอ กู้หน้าพ่อกับแม่กลับมา พี่เราน่ะพ่อกับแม่จะตัดหางปล่อยวัดเสียให้เข็ด ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังเสียก่อน”
“ก็ได้ค่ะ” ปภาดาพูดอย่างจำใจ
“รู้ไหมคะคุณแม่ หนูเกลียดหมอนั่นจะตายไป ทั้งปากเสีย ปากร้าย หน้าก็ยังกับปลาดุกชนเขื่อน”
“ถ้านายเตนี่หน้าปลาดุกชนเขื่อนในโลกนี้คงไม่มีใครหล่อแล้วล่ะลูก” คุณกรองทองอยากจะขำแต่ขำไม่ออก กลัวบุตรสาวจะไม่ยอมเข้าพิธีแต่งงาน
“คุณแม่ห้ามชมหรือเข้าข้างหมอนั่นสิคะ หนูไม่โอเค”
“โอเคจ้ะ ปลาดุกชนเขื่อนก็ปลาดุกชนเขื่อน” กรองทองรีบเออออห่อหมก กลัวบุตรสาวจะไม่ยอมเข้าพิธีวิวาห์
“รีบมาแต่งหน้าสิจ๊ะ” กรองทองหันไปบอกช่างแต่งหน้าทำผมและหยิบชุดเจ้าสาวมาให้บุตรสาว รูปร่างของปภาดากับปัทมลไม่ต่างกันมากนัก เพราะจริงๆ อีกฝ่ายก็ต้องเป็นเพื่อนเจ้าสาวเลยต้องวัดตัวตัดชุดอยู่แล้ว แต่เปลี่ยนจากชุดเพื่อนเจ้าสาวเป็นชุดเจ้าสาวแทน
“ลูกสาวของแม่สวยจริงๆ เลย” กลัวมีอะไรผิดพลาดกรองทองจึงอยู่ในห้องรอจนบุตรสาวแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ส่วนการต้อนรับแขกเหรื่อเป็นหน้าที่ของสามี พ่อแม่สามี พ่อแม่ของตัวเองและญาติๆ ที่มาช่วยงานกันอย่างคับคั่ง
“หนูไม่ได้อยากสวยหรอกค่ะ ไม่อยากแต่งงานกับอีตานั่น”
“ก็ไม่ได้แต่งจริงไง แต่พูดไปพูดมาเราก็ต้องแต่งงานกับเตชินทร์อยู่แล้ว”
“หนูบอกแล้วไงว่าไม่แต่ง คุณพ่อกับคุณแม่ไปสัญญิงสัญญากับบ้านโน้นก็แต่งเองสิคะ ดูพี่มลสิหนีไปเลยเห็นไหม”
“จ้ะๆๆ” คุณกรองทองไม่อยากจะเถียงกับบุตรสาวอีกจึงรีบเออออกห่อหมกในทันที
ร่างระหงของปภาดาค่อยๆ เดินลงมาจากชั้นสองของตัวบ้าน หญิงสาวอยู่ในชุดไทยประยุกต์สีทองขับผิวของเธอให้ขาวผุดผ่อง ผมดำขลับถูกเกล้าอยู่กลางศีรษะรับกับใบหน้าเรียวรูปไข่ คิ้วโก่งเรียวงาม ดวงตาเรียวสวย ขนตาดกหนา จมูกโด่งงามรับกับริมฝีปากเต็มอิ่ม เจ้าบ่าวที่รออย่างหงุดหงิดในคราแรก กะพริบตาปริบๆ ตกตะลึงทันทีที่เห็นเจ้าสาวเต็มๆ ตา เขากระแอมเบาๆ เมื่อเธอเดินมายืนหยุดอยู่เบื้องหน้า
“แต่งตัวเป็นชั่วโมงได้แค่นี้เองเหรอ”
“หมายความว่ายังไง” เธอถลึงตาเข้าใส่
“ขี้เหร่ยังไงก็ยังขี้เหร่เหมือนเดิม ชาตินี้แต่งยังไงก็ไม่สวย”
“ไอ้ปากปีจอ นายหล่อตายล่ะ หน้ายังกับปลาดุกชนเขื่อน”
“แล้วเธอล่ะ หน้ายังกับ...”
“ยังกับอะไร” เธอถามกลับเสียงแข็ง
“เด็กๆ อย่ามัวแต่จู๋จี๋กันอยู่เลยลูก” เสียงของมารดาเบรกคนทั้งสองเอาไว้ เธออยากจะตะโกนกลับไปว่าไม่ได้จู๋จี๋กันสักหน่อย ใครจะไปจู๋จี๋กับหมอนี่กันเล่

