บทที่ 1 อรุณนารีและการมาเยือนของเจ้าชายน้ำแข็ง
อรุณนารี หญิงสาววัย ยี่สิบเจ็ดปี เจ้าของร่างเล็กบอบบางด้วยส่วนสูงแค่ 158 เซนติเมตร ใบหน้ารูปหัวใจน่ารักจะมีรอยยิ้มสดใสร่าเริงเสมอๆ เธอชอบที่จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสที่มีรูปการ์ตูนหรือดอกไม้ กระโปรงสีหวานๆ หรือชุดเดรสน่ารักๆ กอปรกับรูปร่างเล็กบอบบางผมยาวสลวยเหยียดตรงยาวสยายเต็มแผ่นหลังทำให้ดูอ่อนหวานน่ารักน่าทนุถนอม
แตกต่างจากเนตรนาราเพื่อนรักที่สูงโปร่งด้วยส่วนสูง 171 เซนติเมตร และทรงผมซอยสั้นทันสมัยนั้นทำให้ดูคล่องแคล่ว มาดมั่นซ้ำยังชอบแต่งกายด้วยเสื้อยืดหรือเสื้อผ้าป่านเนื้อบางเบาใส่สบายที่มีทั้งสีเรียบๆ และลวดลายแสบสันแปลกตาทว่าสวยงาม กางเกงยีนส์ที่เธอสวมใส่ก็มีทั้งสีซีดและเก่าขาดตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้างแต่ก็ขาดเซอร์อย่างมีศิลป์ทั้งของมือสอง ของใหม่และแบบที่เธอออกแบบตัดเย็บเองเพราะเนตรนารานั้นมีความชอบทางด้านตกแต่งออกแบบทั้งสถานที่อาคารบ้านเรือน ตัดเย็บเสื้อผ้าตลอดจนการวาดภาพและถ่ายรูปซึ่งดูเหมือนจะเป็นพรสวรรค์ของเธอที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
อีกทั้งรูปแบบการตกแต่งหรือภาพวาด ภาพถ่าย และภาพของเธอแต่ละภาพนั้นดูงดงามแปลกตาไม่เหมือนใครจนผลงานของเธอเข้าตาลูกค้าที่เข้ามาซื้อต้นไม้หรือมาดื่มกาแฟเห็นภาพที่เพื่อนสาวคนสวยเอามาตกแต่งร้านให้ขอซื้อผลงานของเนตรนาราแทบจะเกลี้ยงร้านซ้ำยังมีการว่าจ้างให้เธอไปออกแบบจัดสวนและแต่งบ้านให้ผ่านทางอรุณนารีอีกด้วยและตอนนี้ทั้งเธอและเนตรนารากำลังคิดว่าจะตั้งบริษัทรับตกแต่งทั้งสวนและบ้านเรือน หรือทำเกลเลอรีภาพเขียนภาพถ่ายให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที
ทั้งสองสนิทสนมและหยอกเย้ากันราวเด็กเล็กๆ จะเป็นภาพที่ชินตาของเด็กที่มาช่วยงานในร้านจนไม่มีใครสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสองสาวแต่สำหรับคนนอกที่ไม่คุ้นเคยอาจคิดไปได้ว่าทั้งสองสาวนี้อาจจะมีความสัมพันธ์ที่เกินเลยมากกว่าคำว่าเพื่อนเพราะทั้งสองดูรักและสนิทสนมกลมเกลียวกันซะแทบจะกอดกันเดินท่าทางที่สาวสวยผมสั้นทันสมัยคอยดูแลปกป้องเพื่อนตัวเล็ก หรือทีท่าที่คอยกีดกันชายหนุ่มที่เข้ามาพัวพันเพื่อนของเธอ ที่ทำให้หนุ่มขยาด รวมทั้งบุคลิกการแต่งกายที่แตกต่างกันที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะเข้ากันได้ของเธอทั้งสอง แต่ถึงแม้บุคลิกที่สองสาวมีแตกต่างกันเหมือนจะไปคนละทางแต่ก็คบกันได้นานนับสิบปีเพราะความจริงใจที่มีต่อกัน ความรักความชอบที่เหมือนกันในเรื่องของทัศนคติความคิดตลอดจนแนวทางการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายในแบบที่เหมือนกัน ซึ่งแตกต่างจากเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันที่ส่วนมากชอบชีวิตที่หรูหราสะดวกสบายและเสพติดแสงสีศิวิไลซ์ จนหลงลืมคุณค่าที่แท้จริงของชีวิต
“เฮ้อ อิจฉาแกจังมีครอบครัวที่อบอุ่นและไม่เหงาด้วย แมงปอแกโชคดีจัง” สาวสวยอย่างเนตรนาราบ่นเบาๆ กับภาพความสุขที่เธอเห็นครอบครัวที่อยู่พร้อมหน้าของอรุณนารี
“นี่นังหมวยมหาภัยจ๋าหล่อนก็สร้างครอบครัวของตัวเองซะสิ จะได้ไม่เหงาไง แต่แหมอย่างแกก็คงต้องเลือกนานหน่อยอ่ะนะ”
อรุณนารีบอกเพื่อนสาวอย่างประชดนิดๆ เธอกับเนตรนารานั้นเรียนด้วยกันตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น ถึงมัธยมปลาย พอจบก็ยังสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐบาลที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของประเทศได้แม้จะคนละคณะก็ตามแต่ทั้งสองก็ยังสนิทสนมกันเหมือนเดิม เพราะว่าทั้งสองมีนิสัยที่ค่อนข้างคล้ายกันแต่จะแตกต่างกันมากก็แค่เรื่องฐานะทางครอบครัวและหน้าตาทางสังคมเท่านั้นเพราะครอบครัวของเนตรนาราทั้งบิดาและพี่ชายเป็นถึงนักธุรกิจคนดังมีกิจการอสังหาริมทรัพย์โรงงาน โรงแรมและรีสอร์ตมากมาย ติดอันดับเศรษฐีระดับต้นๆ ของเอเชียเลยทีเดียว
น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของ เจ้าสัวอรรณพ จงบริบูรณ์ไพศาล และเป็นน้องสาวของ อัคคี จงบริบูรณ์ไพศาล พี่ชายสุดหล่อที่พ่วงเอาดีกรีความหล่อ รวย แสนจะเพอร์เฟค ที่สาวๆ ค่อนประเทศอยากจะจับให้อยู่มือ ผิดกับน้องสาวคนสวยที่ชอบเก็บตัวและเลือกที่จะมาใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาทั่วไปอยู่บ้านหลังเล็กๆ นอกเมืองและตอนนี้เนตรนาราก็กำลังสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเองโดยการทำสำนักงานเล็กๆ ที่รับตกแต่งสวน และอาคารสถานที่ รวมไปถึงเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของร้านการแฟและต้นไม้อิ่มรักที่ตอนนี้กำลังไปได้สวยด้วย
“อย่างฉันนี่นะสวยและสมบูรณ์แบบ ก็ต้องเลือกนิดนึงไม่รีบว่ะ” เนตรนาราบอกยิ้มๆ ดวงตาเป็นประกายเมื่อนึกถึงการสร้างครอบครัวแล้วเธอก็นึกขยาด สู้อยู่แบบนี้ต่อไปดีกว่า
“จ้า แม่คนสวย รวย เลือกได้”
“ก็แหง ล่ะ โฮ๊ะๆ เฮ้ย ฉันไปดีกว่าพอดีวันนี้นัดยัยเชอร์รี่ไว้ว่าจะไปดื่มฉลองร้านใหม่ของเพื่อนชายหล่อนน่ะว่าแล้วก็ไปเลยนะแล้วเจอกันวันจันทร์นะ บาย...”
หมวยมหาภัยทำท่าปิดปากหัวเราะด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ ก่อนจะกล่าวลาเพื่อนรักเพื่อไปที่อื่นต่อ
“จ้า ขับรถดีๆ ล่ะ”
อรุณนารีโบกมือลาสาวสวยพลางส่ายหัวกับอารมณ์เร่งร้อนของอีกฝ่าย เธอมองตามหลังรถญี่ปุ่นคันงามที่แล่นจากไปด้วยรอยยิ้มขบขันเพื่อนรัก ก่อนจะเดินเข้าบ้านไม้หลังงามที่ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนผลไม้ราวสามสิบไร่ของตน
ครอบครัวของเธอเป็นชาวสวนผลไม้และทำสวนมาหลายชั่วอายุคน นายสินธุ วงษ์อินทร บิดาของเธอนั้นเป็นชาวสวนโดยกำเนิดส่วน นางเอื้ออารี มารดานั้นเป็นครูสอนดนตรีไทยชาวกรุงแต่หลงใหลในเสียงเพลงของต้นไม้ใบหญ้าในบ้านสวนแห่งนี้จนยอมแต่งงานออกเรือนมาอยู่กับบิดาและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายที่บ้านสวนแห่งนี้ด้วยความสุขและหวานชื่นจนเธอเองยังชอบแซวสองตายายบ่อยๆ ว่า หวานไม่เลิก
การแสดงความรักของบิดามารดาที่มีต่อกันนั้นทำให้อรุณนารีซึ้งกับมันมากขนาดตั้งมาตรฐานชายในฝันไว้เลยว่าต้องมีบุคลิกนิสัยใจคอเหมือนบิดา อบอุ่นจริงใจและพร้อมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนที่รักได้เสมอ ดูอย่างพ่อสินธุของเธอสิขนาดว่าเป็นชาวสวนแท้ๆ ไม่เคยหยิบจับเครื่องดนตรีสักอย่างแต่เพื่อจีบสาวครูดนตรีไทย ก็ยังไปฝึกไปเรียนจนสามารถเล่นดนตรีไทยได้เกือบทุกชนิดเพื่อจะได้มาเล่นจีบมารดาของเธอ และเล่นคลอกันเพื่อสร้างความผูกพันให้แน่นแฟ้นเหมือนดนตรี เนื้อร้องและทำนองที่ต้องสอดคล้องสัมพันธ์กันบิดามักบอกเธออย่างนั้น และมารดาของเธอก็จะหน้าแดงอายม้วนเดือดร้อนให้บิดาต้องคอยออดอ้อน และเธอก็จะกลายเป็นส่วนเกินของสองตายายในที่สุด
ความรักเอื้ออาทรต่อกันของบิดามารดา ที่แม้เวลาจะผ่านเลยแต่ความรักของคนทั้งสองก็มิได้จืดจางจนเธอเองยังแอบคิดเลยว่าชาตินี้เธอจะหาผู้ชายแบบบิดาได้ไหมและความรักของเธอจะหวานชื่นเหมือนท่านทั้งสองหรือไม่ นอกจากความรักที่หวานชื่นและการเอาใจใส่เลี้ยงดูที่ดีบวกกับความรักความอบอุ่นของบิดามารดาที่มีต่อเธอและคนรอบข้าง สิ่งดีงามต่างๆ เธอได้เห็นมาตั้งแต่เล็กจนโตทำให้เธอซึมซับสิ่งเหล่านั้นเข้าไปในสายเลือดทำให้เธอมองโลกในแง่ดี เข้าอกเข้าใจคนอื่นเสมอ
เธอเองรักการทำสวนปลูกต้นไม้ดอกไม้แม้ว่าเธอจะจบคณะมนุษยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมีชื่อของรัฐก็ตาม แต่เธอกลับพอใจที่จะเปิดร้านขายต้นไม้และขายกาแฟสดมากกว่าที่จะไปทำงานตามสาขาที่ได้ร่ำเรียนมาเพราะเธอชอบชีวิตที่เรียบง่ายและเป็นตัวของตัวเอง แค่เก็บผลไม้ในสวนกับเพาะต้นไม้ดอกไม้ขายก็แทบจะทำไม่ทันอยู่แล้วเพราะผลไม้จากสวนของเธอนั้นมีคุณภาพ และปราศจากสารพิษเนื่องจากพ่อของเธอทำสวนแบบเกษตรอินทรีย์จะใช้ปุ๋ยที่หมักเองใช้ยาฆ่าแมลงที่ได้จากการสกัดจากพืชต่างๆ ในสวนในขณะที่ไม้ดอกไม้ประดับในร้านของเธอก็เป็นที่ต้องการของตลาดเพราะต้นสวยแข็งแรงเอาลงดินปลูกได้เลยไม่เฉาง่ายเหมือนต้นไม้ที่ซื้อจากร้านขายต้นไม้ทั่วไปบางร้าน ที่จ้องแต่จะเอาเปรียบลูกค้า
