บท
ตั้งค่า

8: ไม่ได้ขอให้ชอบ

ยามบ่ายคล้อยรถม้าประจำตระกูลหวังแล่นมาแต่ไกล สาวใช้นางหนึ่งกระวนกระวายรอเจ้านายอยู่หน้าจวน เมื่อเห็นว่านายท่านลงจากรถม้ากำลังตรงมาทางที่ตนยืนรออยู่ เจ้าตัวจึงได้รีบเข้าไปขวางหน้าทันที แม้จะกลัวการถูกตำหนิแต่ก็ต้องแจ้งข่าวนี้ให้ได้

“นายท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”

“มีอะไรก็ว่ามา” ชายหนุ่มพูดเสียงห้วนไม่ชอบใจที่สาวใช้เอาแต่อ้ำอึ้งทำตัวน่ารำคาญ จะรายงานอะไรก็ควรให้เข้าจวนก่อน มิใช่โผล่พรวดพราดเข้ามาเช่นนี้

“บ่าวมีเรื่องสำคัญมารายงานเจ้าค่ะ บ่าวเพิ่งกลับจากตลาดเห็นฮูหยินกำลังพลอดรักอยู่กับชายอื่นเจ้าค่ะ เหมือนจะเป็นนายท่านโจวเชินนะเจ้าคะ ฮูหยินไม่เท่ากับว่ากำลังสวมเขาให้นายท่านหรอกหรือ บ่าวยังเห็นพวกเขาเดินโอบกอดหัวร่อต่อกระซิกไม่อายฟ้าดินเลยนะเจ้าคะ” ถ้อยคำที่กล่าวอ้างของตงตงเกินความเป็นจริงไปมาก ความจริงแล้วนางเห็นแค่ด้านข้างแวบเดียวเท่านั้น ไม่นานฮูหยินและบุรุษผู้นั้นก็แยกจาก แล้วใครจะไปสนใจเล่า ในเมื่อฮูหยินอยู่กับชู้รักจริง ๆ

“นางกลับจวนหรือยัง” หวังเหล่ยกำมือแน่นรู้สึกหน่วงในอก วันนี้อุตส่าห์รีบกลับจวนเพื่อจะพาอันหนิงกลับบ้านเดิมแท้ ๆ คิดไว้ไม่มีผิดมิน่าเล่าถึงได้อยากออกไปนักหนา

“ยังเจ้าค่ะ บ่าวเห็นเดินดูของด้วยกันกะหนุงกะหนิงเชียว” นางหวังว่าครานี้นายท่านจะต้องลงโทษสตรีร้ายกาจผู้นั้นให้สาสม จากนั้นก็รับคุณหนูอันเล่อผู้อ่อนโยนเข้ามาแทนที่ จวนแห่งนี้จะได้สงบสุขเสียที

ทว่าสิ่งที่ตงตงต้องการนั้นกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หวังเหล่ยกลับเข้าจวนด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยไม่มีความโกรธเคืองแต่อย่างใด สาวใช้ขี้สงสัยได้แต่ยืนเกาหัวด้วยความมึนงง เหตุใดนายท่านถึงได้เมินเฉย หรือว่าคราวนี้ตนจะพูดเกินจริงไปถึงได้ไม่เชื่อ กระนั้นก็ยังคาดหวังให้ความตั้งใจของตนสำเร็จ ในเมื่อฮูหยินยังไม่กลับถึงจวนก็ไม่แน่อาจจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ก็ได้

หวังเหล่ยเดินหน้าถมึงทึงเข้าเรือนนอนเพื่อรอว่าแม่ตัวดีจะกลับมาเมื่อใด ทว่ารอจนมืดค่ำเจ้าตัวก็ไม่กลับมาเสียที นั่นยิ่งทำให้คนที่คิดว่าจะพูดคุยกันด้วยดีต้องเก็บพับไป การที่อันหนิงไม่ยอมโผล่หน้ามาเสียทีทำให้ความอดทนได้ถึงขีดสุด แน่นอนว่าหลังจากนี้จะไม่สามารถพูดคุยกันด้วยดีได้อีกแล้ว มีเพียงแรงอารมณ์ที่พร้อมจะถาโถมเข้าใส่อีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ

ด้านอันหนิงที่กลับช้าเพราะมัวแต่เดินเที่ยวจนติดลม บัดนี้ร่างบางเร่งรีบสาวเท้าให้ถึงจวนโดยไว ในมือถือถุงกระดาษมีขนมที่นางชอบกำไว้แน่น ไม่น่าแวะดูละครงิ้วก่อนกลับเลย กว่าจะรู้ตัวก็มืดค่ำไปเสียแล้ว

เพื่อให้แน่ใจว่าสามียังไม่กลับจวน จึงแอบแวะไปดูเรือนปีกซ้ายซึ่งหวังเหล่ยสร้างขึ้นเพื่อไว้ใช้สำหรับทำงาน เรือนปีกซ้ายยังคงมืดสนิทมิได้จุดตะเกียงไฟ แสดงว่าเจ้าของยังไม่กลับมา อันหนิงรู้สึกโล่งใจไม่น้อยที่ไม่ถูกสามีจับได้ จึงกลับเรือนนอนไปด้วยหน้าตารื่นรมย์สำราญใจ

“แอบไปพลอดรักที่ใดกันมาบ้างเล่า ถึงได้กลับบ้านเสียมืดค่ำ”

“หวังเหล่ย ทะ...ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อใด” หญิงสาวอุทานออกมาด้วยความตกใจ รู้ได้ในทันทีว่าครั้งนี้นางชะตาขาดแน่

“ข้ากลับมาเมื่อใดมันสำคัญนักหรือ แล้วเจ้าเล่าไปที่ใดถึงได้กลับจวนเอาป่านนี้”

“ข้าไปบ้านอยู่คุยเล่นกับท่านพ่อท่านแม่ แล้วก็แวะเดินตลาดนิดหน่อย ก็ท่านไม่มีเวลาว่างให้ข้าสักที ข้าก็เลยไปคนเดียว”

“ข้าไม่มีเวลาว่างหรือว่ารอเวลาที่ข้าไม่ว่างกันแน่” น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นบ่งบอกถึงความไม่พอใจได้เป็นอย่างดี หวังเหล่ยเหยียดยิ้ม กี่ครั้งแล้วที่นางทำเช่นนี้เพราะเบื่อที่จะทะเลาะกันจึงพยายามไม่ใส่ใจ ต้องให้จับได้คาหนังคาเขาหรือไรถึงจะยอมรับได้

“ถ้าท่านอารมณ์เสียจากที่อื่นก็อย่าเอามาลงกับข้าสิ กินขนมสักหน่อยดีหรือไม่ มันช่วยให้อารมณ์ดีได้นะ” อันหนิงพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ฝ่าฝืนคำสั่งสามีข้อนี้นางมีความผิดก็จริง ทว่าข้อกล่าวหาแอบพลอดรักกับชู้นั้นไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย

“ข้าไม่ต้องการของน่ารังเกียจพวกนี้” ไวเท่าความคิดมือหนาปัดถุงกระดาษในมือภรรยาทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ถุงขนมปลิวตามแรงกระเด็นติดผนังกระทั่งมันตกลงพื้นข้างชั้นวางของ ของที่ได้จากชายอื่นยังจะกล้าเอามาให้สามีอีกหรือ หยามหน้าเกินไปหรือไม่

“ถึงจะรังเกียจกันแค่ไหนบอกกันดี ๆ ไม่ได้หรือ ไม่เห็นต้องใช้กำลังเช่นนี้เลย ข้าไม่รู้หรอกว่าท่านไปรู้อะไรจากใครมา แต่เรื่องที่ท่านกำลังใส่ความไม่หยุด ขอยืนยันตรงนี้ว่าข้าไม่ได้ทำและข้าก็กลับบ้านเดิมจริงถ้าไม่เชื่อก็ไปถามท่านพ่อท่านแม่ได้” คราวนี้อันหนิงก็จะไม่ทนเช่นกัน นางรู้ว่าผิดที่ขัดคำสั่งแอบออกจากจวน กระนั้นเขาก็ไม่มีสิทธิ์กระทำรุนแรงเช่นนี้

“ฮึ! ข้าถามแน่อย่าคิดว่าไม่กล้า” กายหนาลุกจากเตียงก่อนจะย่างก้าวเข้าหาตัวภรรยา มือแข็งราวกับคีบเหล็กบีบหน้าอันหนิงด้วยแรงโกรธ ความเกรี้ยวกราดที่แสดงออกมานั้น หวังเหล่ยไม่รู้เลยว่าทำให้อีกคนกลัวมากแค่ไหน ในใจมีแต่ความโกรธระคนน้อยใจที่ถูกอันหนิงล้อเล่นกับใจเขามากเกินไป

“ท่านจะทำอะไร ปล่อยนะ ข้าเจ็บ” แม้อยากปัดป้องมากแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถสู้แรงอีกฝ่ายได้ ร่างบางได้แต่ดิ้นขลุกขลักด้วยความกลัว เจ็บระบมทั้งแต่ลำคอไปจนถึงข้างแก้ม

“เจ็บ คนเช่นเจ้ารู้สึกเป็นด้วยหรือ ข้าก็นึกว่าไร้ความรู้สึกเสียอีก ไม่สิเจ้าต้องรู้สึกอยู่แล้ว ทั้งริษยาทั้งเห็นแก่ตัว ก็เพราะทำตัวเช่นนี้อย่างไรเล่า ถึงได้มีแต่คนเกลียด”

“แล้วอย่างไร ข้าไม่ได้ขอให้ใครมารักข้าเสียหน่อย ท่านเองก็ไม่ได้รักข้าเช่นกันจะใส่ใจไปไย เอาเวลาที่อยู่กับข้าไปใส่ใจคนรักท่านไม่ดีกว่าหรือ” หากโกรธแค้นที่นางทำลายความรักของเขาและน้องสาว จะไปยากอะไรก็แค่หย่าให้จบ ๆ ไปเสีย จะรั้งอยู่ด้วยกันต่อไปให้ได้อะไร เพื่อชื่อเสียงและหน้าตาวงศ์ตระกูลหรือ เขาเป็นบุรุษเรื่องแบบนี้จะไปมีผลอะไร

“รู้ตัวก็ดี ต่อไปนี้อย่าคิดว่าจะได้ออกไปไหนคนเดียวได้อีก ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากข้าก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวออกจากจวนแม้แต่ครึ่งก้าว” พูดจบหวังเหล่ยก็เดินกระฟัดกระเฟียดออกไปทันที ในใจลึก ๆ ก็รู้สึกผิดที่พูดจารุนแรงเกินไป ทว่าไฟที่กำลังสุมอยู่ในอกทำให้เขาเลือกที่จะเดินหนีไปมากกว่าจะกล่าวคำขอโทษ

ปัง!

เสียงประตูถูกปิดกระทบกันดังสะเทือนไปทั้งเรือนร่างบางถึงกับสะดุ้งเฮือก ขณะเดียวกันนั้นเองน้ำตาเม็ดโตก็ร่วงเผาะพร้อมกับเสียงสะอื้น นางแค่กลับจวนเพราะคิดถึงท่านพ่อท่านแม่มีความถึงผิดเพียงนี้เชียวหรือ ร่างบางก้มเก็บถุงขนมที่ถูกปัดทิ้ง ก่อนจะหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วยัดเข้าปาก ทั้งที่ไม่รู้สึกถึงความอร่อยแต่ก็ฝืนกินจนหมด

“นี่มันของที่ข้าชอบที่สุดเชียวนะ กว่าจะต่อแถวซื้อได้รู้หรือไม่ข้าต้องลำบากยืนนานแค่ไหน ไอ้คนบ้า ไม่กินก็บอกกันดี ๆ สิ โยนของกินทิ้งมันบาปนะรู้ไหม” ไม่รู้ว่ากลับมาแก้ไขหรือว่ากลับมาทำให้วุ่นวายหนักกว่าเดิมกันแน่ อันหนิงหยิบขนมแป้งทอดยัดเข้าปากจนเต็ม ปากหรือก็เอาแต่บ่นใครอีกคน ทว่าน้ำตากลับไม่ยอมหยุดไหล เรียกได้ว่าทั้งกินทั้งร้องอยู่เช่นนั้นนานสองนาน

สุดท้ายแล้วคืนนั้นหวังเหล่ยก็ไม่ได้กลับเรือนนอน ร่างบางนอนไม่หลับพลิกตัวกลับไปกลับมาเสียหลายตลบ อยากจะออกไปตามให้กลับมานอนด้วยกันใจจะขาด แต่ก็กลัวว่าเมื่อเห็นหน้าพานจะทำให้สามีอารมณ์เสียหนักยิ่งกว่าเดิม จึงได้แต่หักห้ามใจไม่โผล่หน้าไปให้เห็น กว่าจะข่มตาลงได้ก็เกือบตะวันขึ้นเสียแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel