ไม่มีเพื่อนคบ
เวลาแอบทำอะไรลับหลัง แดนมักจะรู้เสมอ แน่นอนว่าถูกจับได้ทุกครั้ง ซึ่งเธอก็ไม่ทราบว่าเขารู้ได้อย่างไร ไม่แน่ว่าอาจมีการติดตั้งกล้องไว้ที่อพาร์เมนท์ก็ได้ ถึงรู้ดี รู้ลึก รู้ไปหมดทุกรายละเอียดว่าเธอทำอะไรบ้าง สงสัยเย็นนี้ต้องกลับไปเช็คสักหน่อยแล้ว
“งั้นคิดเงินเลยนะ” บอกเสร็จเอเลนาก็กวักมือเรียกพนักงานบริการ เพื่อจัดการค่าเสียหายของอาหาร
“นี่แอล ฉันสงสัยมาหลายวันละ ทำไมเธอชอบมองซ้ายมองขวา ทำเหมือนมีคนตามอย่างนั้นแหละ หรือว่า...” แคลร์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วกระซิบให้ได้ยินแค่สองคน “มีโรคจิตตามเธอเหรอ?”
“เอ่อ เปล่าหรอก ฉันเป็นพวกขี้ระแวงน่ะ เลยติดนิสัยระวังตัว”
“นี่ ถ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจ บอกฉันได้เลยนะ ถึงจะช่วยไม่ได้แต่รับฟังได้” แคลร์ยิ้มกว้างอย่างจริงใจ มาทำงานที่นี่เธอก็อยากมีเพื่อนแบบเพื่อนจริงๆ กับเขาบ้าง แอลดูเป็นคนดีเธอเลยเปิดใจนับเป็นเพื่อน
“อ่า อืม ขอบใจนะแคลร์”
“ไปกันเลยไหม เดี๋ยวต้องเดินผ่านร้านขนมด้วยนี่นา ขอแวะซื้อสักชิ้นไว้กินตอนบ่ายนะ” แคลร์ชอบกินของหวานเพราะมันทำให้สดชื่น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการออกกำลังกายอย่างหนักเช่นกัน และเธอต้องควบคุมน้ำตาลเพราะหากเพลินมากไป จะทำให้เสพน้ำตาลเกินได้
“ได้สิ”
สองสาวพากันออกจากร้านตรงไปยังร้านขนมที่เคลซีย์ชื่นชอบ แอลทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีคอยระวังหลังให้ แต่ระวังอะไรก็ไม่รู้หล่อนมักเป็นแบบนี้เสมอ ให้แคลร์เดินนำหนึ่งถึงสองก้าว แล้วตัวเองค่อยเดินตาม เอเลนาเป็นพวกประสาทสัมผัสไวมาก ได้ยินเสียงเล็กๆ น้อยๆ ก็ตื่นตัวทันที แคลร์ไม่กล้าละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว ถ้าเอ่ยถามออกไปอาจจะทำให้เพื่อนรู้สึกอึดอัด เธอแค่คิดในใจคนเดียวว่า....
แอลอาจเป็นโรควิตกกังวลเกินเหตุ
เขาว่าขนมหวานๆ ช่วยคลายเครียดได้ เขาไหนว่าก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือเมื่อแคลร์ได้กินขนมพวกนี้ เธอรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย เลยซื้ออีกหนึ่งชิ้นให้แอล ต้องการให้เพื่อนรู้สึกดีจากอาการวิตกกังวล เอเลนารับมาไว้ในมือแต่จะกินไหมก็อีกเรื่อง เพราะหล่อนเป็นคนไม่ชอบของหวานเลยกินแล้วเวียนหัว
“ขอบใจนะ”
“ถ้าชอบก็บอก เดี๋ยวพาไปร้านอร่อย มีขนมเพียบเลยล่ะ”
“เอ่อ ไม่เป็นไร แค่นี้ก็พอแล้ว” แอลรีบปฏิเสธทันที ถ้าให้ไปเป็นเพื่อนน่ะได้ แต่ให้ร่วมวงกินด้วยเห็นจะไม่ได้ เธอคงคลื่นไส้มึนหัวจนต้องเข้าโรงพยาบาลแน่
“โอเคงั้นไปกันเถอะ ใกล้จะได้เวลาเข้ามาอีกแล้ว” แคลร์ถอนหายใจจนคนข้างๆ หันมามอง เธอเลยอธิบายต่อ “ไม่ได้ไม่อยากทำงานนะ แต่มันเหงาน่ะไม่มีเพื่อนเลย”
แอลพยักหน้ารับรู้แต่ไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ เหมือนเธอมีหน้าที่เดินเพียงอย่างเดียว เคลซีย์ไปไหนมาไหนช่วงพักกับแอลมาได้เกือบเดือนแล้ว หล่อนก็เป็นแบบนี้เสมอ ไม่ค่อยพูดเอาแต่ฟังและไม่ออกความเห็น อาจเป็นเพราะยังไม่สนิทใจก็ได้ แต่อย่างน้อยเอเลนาก็รับฟังสิ่งที่เธอพูด
“วันนี้ขอบคุณมากนะ เจอกันอีกทีวันจันทร์นะ” เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ และแคลร์มีแผนการในวันหยุดแล้ว สุดสัปดาห์นี้เธอไม่มีนัดลับๆ กับแดน เลยทำให้มีเวลาว่างในการทำสิ่งที่ตั้งใจ
เอเลนาพยักหน้าเหมือนอย่างเคย แล้วเดินตามแคลร์เข้าไปส่งถึงโต๊ะทำงาน เดลซีย์เคยสงสัยว่าทำไมทุกครั้งที่แอลเข้ามาจะต้องไปรอบๆ อย่างจริงจัง หล่อนทำมันเป็นประจำจนเธอคิดว่าคงเป็นนิสัย แคลร์นั่งทำงานเงียบๆ จัดการงานที่ค้างก่อนเลิกงาน พร้อมกับเตรียมไฟล์ที่ต้องการใส่ไดร์ฟส่วนตัว เพื่อไปจัดการต่อที่บ้าน ซึ่งมันเป็นงานที่แดร์เรนมองว่าเสี่ยง แต่ในเมื่อเลือกที่จะทำใครก็ห้ามไม่ได้
เมื่อกลับมาที่อพาร์ทเมนท์แล้ว เคลซีย์ทำตัวตามปกติ ทำพฤติกรรมให้เหมือนเดิมเพื่อไม่ผิดสังเกต เกือบสองชั่วโมงที่แคลร์ทำเรื่องต่างๆ เหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือเธอสังเกตจุดซอกหลีบระหว่างที่เดินไปทั่วบ้าน ดูว่ามีกล้องแอบติดตั้งอยู่ตรงไหนบ้าง ทำเหมือนว่าบังเอิญเดินไปเนียนๆ ไม่กระโตกกระตาก เพราะหากมีกล้องซ่อนไว้อยู่จริงๆ มันคงบันทึกพฤติกรรมทั้งหมดของเธอ
เคลซีย์สงสัยว่ากล้องต้องอยู่แถวๆ ที่เธอทำงานแน่ๆ แดร์เรนถึงทราบความเคลื่อนไหว หญิงสาวทำเป็นจัดโต๊ะทำงาน ปัดฝุ่นฝ้า เพดาน และมุมต่างๆ เพื่อค้นหากล้องและเธอก็เจอ มันเป็นกล้องเล็กจิ๋วมาก ติดแนบไปกับหนังสือที่อยู่ในตู้ แคลร์ไม่เคยเปิดตู้นี้มาก่อนเลย มันตั้งไว้อยู่นานแล้วและก็มีหนังสือปกหนาเหมือนของโบราณ ที่เธอไม่คิดจะสนใจมันมาก่อน เคย์ซีย์เลื่อนบานกระจกออกแล้วหยิบหนังสือเล่มที่ว่าออกมา
“เจ้านี่เอง”
แคลร์แกะกล้องจิ๋วออกมาอย่างระวังมือ เป็นรุ่นที่ดีที่สุดของบริษัท เธอจำได้เพราะไม่นานมานี้ได้ปรับปรุงด้านความปลอดภัย ฉะนั้นจึงไม่ยากที่จะแฮคมัน เคลซีย์วางกล้องกลับที่เดิมแล้วไปที่คอมพิวเตอร์ตัวโปรด เธอชื่นชอบเรื่องโปรแกรมมากที่สุด รู้สึกสนุกที่ได้ถอดสมการต่างๆ เล่นกับตัวแปรโค้ด มันเป็นโลกที่เธออยากจะทำอะไรก็ได้ สั่งอะไรก็ได้ที่ต้องการ
ความสวยสง่าที่คนภายนอกเห็น ช่างตรงกันข้ามกับลักษณะนิสัย เคลซีย์ชอบความเสี่ยง ชอบความท้าทาย เพราะทำให้รู้สึกว่าเธอเองก็มีคุณค่า มีความสามารถ เป็นเพราะครอบครัวเลี้ยงเธอมาแบบคุณหนูสุดๆ แทบไม่ได้หยิบจับอะไร แคลร์ไม่ได้ต่อต้านเพราะรู้ดีกว่าครอบครัวหวังดีและรักเธอมากที่สุด
แต่เคลซีย์แค่อยากพิสูจน์กับตัวเองว่าเธอไม่ได้ไร้ค่า
ใช้เวลาสักพักเธอก็เจาะระบบป้องกันที่ทีมงานและเธอร่วมกันเขียนมันขึ้นมา ตัวกล้องเชื่อมต่อไปยัง IP ของใครสักคน ซึ่งที่อยู่ที่ขึ้นโชว์ในโลเคชั่นมันเป็นที่อื่นไปไม่ได้ นอกจากเพนท์เฮ้าส์ของแดร์เรน เขาคงจะสอดส่องเธอจากที่นั่น เคลซีย์ตั้งค่าวนลูปของกล้องให้ดำเนินไปแบบเนียนๆ โดยนำภาพวิดีโอของอาทิตย์ที่แล้ว มาตัดสลับกันไปมาเพื่อให้ดูไม่ออกว่าผิดปกติ
ให้มันรู้ไปสิ แดร์เรนหรือจะแน่กว่าแคลร์!
เคลซีย์เดินสำรวจไปทั่วๆ ห้องอีกครั้ง เพื่อค้นหาว่ามีกล้องติดอยู่ตรงไหนอีกบ้าง เธอเจอกล้องอีกตัวที่ติดอยู่บนแชนเดอเรียเหนือเตียงนอน คนโรคจิตแอบติดไว้ในห้องนอนด้วย อยู่ๆ ก็ขนลุกซู่อายสะท้าน เมื่อคิดว่าเขาเห็นเธอนอนทุกคืนเลยหรือเปล่า แต่แคลร์จำต้องปล่อยกล้องตัวนี้ให้ทำงานปกติ เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต แดร์เรนไม่ใช่คนโง่ ถ้าทำอะไรล้นเกินไปเขาจับได้แน่นอน
อพาร์เมนท์เป็นห้องกว้างสามห้องติดกันอยู่ชั้นบนสุด ที่ด้านนอกมีระเบียงกว้าง เธอสำรวจดูทั่วแล้วพบกล้องแค่สองตัวเท่านั้น หรืออาจจะมีอีกก็ช่างมัน เพราะเธอได้แฮคจุดสำคัญที่สุดไปแล้ว กล้องตัวอื่นๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป หญิงสาวกลับมาที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง เปิดโปรแกรมแฮคเกอร์ที่สร้างขึ้นมาเอง เพื่อตรวจสอบสิ่งที่สงสัย การแฮคเข้าข้อมูลของราลีโอน กรุ๊ป นั้นไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถ เธอปล่อยให้โปรแกรมทำงานแบบอัตโนมัติ เพราะต้องใช้เวลาพอสมควร
