บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 เฉิ่มเชยแต่หยุดมองไม่ได้

ในรถยนต์ส่วนตัวซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังสนามบิน โยษิตามือค้างอยู่ที่หน้าจอไอแพด เลื่อนดูข้อมูลคู่เจรจาธุรกิจไปพลางคุยโทรศัพท์ไปพร้อมกัน ความสามารถในการแยกประสาทรับรู้ของเธอเป็นอะไรที่น่าทึ่ง อิทธิพลที่อยู่ด้านข้างลูบริมฝีปาก ทั้งเหลือบตามองเลขาสาวเป็นระยะ ท่าทางตั้งใจเตือนเธอว่าให้พูดแต่เรื่องดีๆ เพราะปลายสายคือมารดาบังเกิดเกล้าของเขาเอง

“ไม่มีปัญหาค่ะคุณหญิง เรื่องคลิปหลุด โยคุยกับหัวหน้านักข่าวคนนั้นแล้ว วันพรุ่งนี้ทุกอย่างจะเรียบร้อยค่ะ”

“ลำบากหนูโยแล้ว นี่ถ้าเจ้าอิทไม่มีเลขาที่ทำงานเก่งขนาดนี้ ฉันต้องปวดหัวไม่จบไม่สิ้นแน่ พ่อเขาก็ไม่ใช่คนเจ้าชู้ พี่ชายก็อยู่ในศีลในธรรม ไอ้เจ้าอิทนี่ผ่าเหล่าผ่ากอ ไม่รู้ว่าได้เชื้อเสือผู้หญิงมาจากใคร ยังไงก็ฝากหนูโยช่วยดูหน่อยนะ โดยเฉพาะดีลครั้งนี้กับลูกท่านรัฐมนตรี อย่าให้เขาทำอะไรไม่เข้าท่าเด็ดขาด”

“รับทราบค่ะคุณหญิง” โยษิตาวางสาย ไม่จำเป็นต้องรายงานคำสั่งของคุณหญิงท่าน เจ้านายหนุ่มที่ยื่นหูมาแอบฟังแต่แรกน่าจะได้ยินหมดแล้ว

อิทธิพลสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ เขาอายุมากกว่าโยษิตาสองปี กลับต้องมาโดนผู้เป็นแม่ทำลายภาพลักษณ์อันน่าเคารพดื้อๆ แถมนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มารดาหลุดปากบ่นลูกชายให้คนนอกฟัง แต่ละครั้งที่เกิดปัญหา ขนาดว่าเป็นเรื่องของเขา ท่านก็ยังเลือกที่จะถามรายละเอียดกับโยษิตาทั้งหมด ไม่ทราบทั้งสองคนเริ่มติดต่อกันเมื่อไหร่ รู้อีกที จนทุกวันนี้เขาแทบไม่เหลือมาดเจ้านายแล้ว กลับกลายเป็นเหมือนเด็กที่ต้องมีพี่เลี้ยงคอยดูแลอย่างไรอย่างนั้น

ที่น่าเจ็บใจคือ แทนที่เขาจะต่อต้านไม่ให้ผู้หญิงอ่อนกว่าคนนี้เข้ามายุ่มย่าม ยืนกรานในศักดิ์ศรีของชายชาตรีวัยยี่สิบเจ็ดปีตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เขาดันคุ้นชินที่เลขาสาวคอยจัดการเรื่องราวสารพัดให้ซะได้

ต้องยอมรับว่าเธอเป็นเลขาที่ทำงานได้ดั่งใจที่สุด จู้จี้จุกจิกบ้าง เฉิ่มเชยเกินจะเล่นสนุกด้วย ทว่านับตั้งแต่ที่เขาเริ่มตบเท้าเข้าไปรับช่วงธุรกิจครอบครัว เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ไหวพริบเป็นเลิศ ความคิดอ่านเฉลียวฉลาด หากเมื่อสองปีก่อนไม่ได้โยษิตาคอยตาม ป่านนี้ตำแหน่งประธานบริษัทคงโดนพวกบอร์ดกรรมการลงคะแนนไม่ยอมรับแล้ว

โยษิตารู้สึกว่าเจ้านายกำลังจ้องตนเอง ก็ปิดจอไอแพดแล้วหันมาถาม “บอสมีอะไรหรือเปล่าคะ?”

อิทธิพลเลิกคิ้ว โดยไม่ได้ตั้งใจที่จะมองล่วงเกิน แต่มุมนี้ทำให้เขาเห็นผิวหน้ากระจ่างใสของโยษิตารับกับแสงเงานอกกระจกรถสลัวราง ดวงตาของเธอแจ่มจ้าเปี่ยมพลังชีวิต ทำงานมาตลอดทางแล้วกลับไม่อ่อนล้าสักนิด พลันแปลกใจกับใบหน้านี้ราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน

“เลิกอ่านเถอะ ผมจำได้หมดแล้ว คุณจะกังวลทำไมนักหนา เจ้านายคุณไม่ใช่พวกสมองขี้เลื่อยสักหน่อย” เขาคือปลาไหล รู้ข้อมูลเพียงคร่าวๆ ก็ด้นสดคุยเป็นเรื่องเป็นราวกับใครก็ได้ จำเป็นจะต้องจดจำรายละเอียดพวกนี้ไปทำไม

ใช้เวลาเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวกว่าสิบชั่วโมงก็มาถึงสนามบินนานาชาติบนเกาะฮาวาย โชคดีที่อิทธิพลไม่ได้บ่นที่ต้องแวะพักจอดเติมน้ำมันครั้งสองครั้ง มีพนักงานสาขาธาดากรุ๊ปที่นี่มารับทั้งสองคนเข้าพักที่โรงแรม พักผ่อนรับประทานอาหารกันสักเล็กน้อย เจ้านายหนุ่มกับเลขาสาวก็ไปที่คลับสโมสรแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่แถบชานเมือง ทันทีที่ลงจากรถ เสียงดังสนั่นหวั่นไหวก็ปะทะเข้ามาในหู

โยษิตาประเมินสถานการณ์ ก่อนจะกล่าวเตือนเจ้านายด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเคย “ลูกชายรัฐมนตรีกลาโหมเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ทำหน้าที่จัดหาเทคโนโลยีอาวุธ ความแม่นปืนคะแนนเป็นอันดับห้าในสโมสรทหารทั้งหมด พึ่งเข้ามาช่วยงานบิดาเต็มตัวหลังประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ นิสัยเย่อหยิ่งเข้าถึงยาก เกรงว่านัดมาที่นี่คงอยากให้เราโชว์ศักยภาพสักอย่าง”

“ผมฝึกมาแล้วน่า แม่นอย่างกับจับวางแน่นอน” อิทธิพลสะบัดมือ พวกเขามีบริษัทใหญ่ที่สหรัฐอเมริกา และมีคู่แข่งตามมาเป็นกระบุงด้วย ปีนี้ทางนั้นเปลี่ยนประธานาธิบดี เจ้าหน้าที่ระดับสูงซึ่งเคยดีลค้าขายต่างก็ถูกโยกย้ายไปตามความเหมาะสม นี่จึงเป็นปีแรกที่เขามาเจรจาทำสัญญาครั้งใหม่ หากล้มเหลว เสียรายได้ไม่พอยังจะถูกพ่อเทศนาจนหูดับ

เข้ามาด้านในตัวอาคาร เดินตามนายทหารบริการคนหนึ่งไปยังสนามยิงปืนที่สาม ซึ่งเป็นจุดหมายที่ได้นัดแนะกัน ทั้งสองจึงได้เห็นว่าในห้องรับรองนี้มีคนกำลังเล่นสนุกอยู่ไม่น้อย ผู้ชายวัยไล่เลี่ยกับอิทธิพลสี่คน หญิงสาวอีกโขยงหนึ่ง นอกจากเสียงปืนก็คือเสียงหัวเราะต่อกระซิกหยอกล้อกัน คึกคักทีเดียว

“ท่านครับ ตัวแทนธาดากรุ๊ปมาแล้วครับ” นายทหารกล่าวรายงาน แล้วผละไปยืนอารักขาอยู่ด้านข้าง

ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังโอบหญิงสาวหน้าตาสะสวยคล้ายกำลังสอนยิงปืนหันมา พอเห็นคนหนุ่มรุ่นเดียวกันก็ไร้ความกระตือรือร้น แต่พอเหลือบไปอีกนิด คล้ายว่าหญิงสาวสวมแว่นตาหนาเตอะจะเรียกความสนใจเขาได้ เอ็ดเวิร์ดจึงบอกบางอย่างกับผู้หญิงในอ้อมแขนแล้วเดินมาทักทาย

“ผมเอ็ดเวิร์ด คุณคงเป็นผู้บริหารคนปัจจุบันของธาดากรุ๊ป มาเถอะ อย่าพึ่งคุยเรื่องงานกันเลย เดินทางมาถึงเหนื่อยๆ สมควรพักผ่อนก่อน คุณผู้หญิงก็เช่นกัน”

สายตาเจ้าชู้ของอีกฝ่ายที่ใช้มองเลขาสุดเฉิ่มอย่างไม่ปกติ ทำให้อิทธิพลชะงักก่อนจะนั่งลง เว้นที่ว่างไว้แล้วพยักหน้าให้โยษิตานั่งข้างตัวเอง เพื่อนของเอ็ดเวิร์ดและสาวๆตามเข้ามา ทักทายกันพอประมาณ จิบเครื่องดื่มสักนิด อีกฝ่ายก็เริ่มทำการประเมิน

“ข้อเสนอเทคโนโลยีอาวุธของทางคุณไม่เลวเลย สิบปีแล้วที่ทางกองทัพของเราไว้ใจใช้บริการ แต่คุณก็น่าจะพอรู้ว่าปัจจุบันมีบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นเติบโตขึ้นมาไม่น้อย ตัวตรวจจับล่องหนที่ว่าก็ไม่ใช่แค่พวกคุณที่ทำได้ ยกเว้นจะดีลราคาใหม่” เอ็ดเวิร์ดเอ่ยขึ้นเป็นคนแรกพร้อมกับยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ

“ดีลราคาใหม่? เลขาโย ผมควรดีลราคาใหม่ไหม” อิทธิพลเอนหลังพิงพนักโซฟา ใบหน้าหล่อเหลายังคงเรียบเฉย ไม่ทุกข์ร้อน ไม่ได้แตกตื่นกับข้อเสนอของอีกฝ่ายหลังจากได้ฟังข้อเสนอกึ่งข้อแนะนำจากคนตรงหน้า

โยษิตาพูดเป็นภาษาอังกฤษคล่องปรื๋อ “วัสดุและเทคโนโลยีของเราสงวนเฉพาะไม่เผยแพร่ขายให้หลายฝ่าย ประสิทธิภาพการสอดแนมสูงตรวจจับยาก ในที่นี้เราได้ทดลองส่งเข้าไปสำรวจบริเวณชายแดนของประเทศที่มีการสู้รบกับสหรัฐอเมริกา ข้อมูลที่ได้มาแม้แต่ทางกองทัพก็ไม่รู้ และเครื่องมือยังกลับมาครบทุกส่วน หากมีบริษัทไหนทำได้ดีกว่า ทางกองทัพยูเอสคงไม่รอที่จะซื้อมาใช้จนรู้ที่อยู่ตัวประกัน จริงไหมคะ”

เธอกดหน้าจอไอแพด เผยให้เห็นภาพวิดีโออินฟราเรดความคมชัดสูง พลางยื่นหน้าจอส่งไปให้กลุ่มคนตรงหน้าได้ดู พอทั้งสี่หนุ่มซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าของทางประเทศสหรัฐอเมริกาได้เห็นก็ตกใจทันที พวกเขารุกคืบหาตำแหน่งตัวประกันมาเกือบเดือน ยังไม่ทราบที่อยู่ แล้วนี่มันคืออะไร

“คุณ! นี่เป็นเรื่องสำคัญ เราต้องช่วยพลเรือนของเรา กรุณาส่งรายละเอียดและข้อมูลทั้งหมดมาด้วย” หนึ่งในเจ้าหน้าที่ระดับสูงเอ่ยออกมาเสียงเป็นกังวล

อิทธิพลพยักหน้าให้เลขาสาว กล่าวด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย มุมปากยกยิ้มเล็กน้อยคล้ายกับไม่ได้เดือนร้อนอะไรกับสิ่งที่นำเสนอ “ไม่เห็นต้องข่มขู่กันนี่ครับ นี่เป็นเรื่องสำคัญอย่างที่คุณว่า พวกเรามาก็เพราะเจตนาดีจะส่งข้อมูลลับให้กับทางยูเอสอยู่แล้ว ส่วนดีลครั้งนี้ถ้าคุณเอ็ดเวิร์ดไม่สนใจข้อเสนอของธาดากรุ๊ปก็ไม่เป็นไร โดรนสอดแนมล่องหนของพวกเราอาจจะยังไม่ดีพอ คงได้แต่เอาไปเสนอทางประเทศแผ่นดินใหญ่ เจ้านั้นน่าจะสู้ราคาถึงไหนถึงกัน พวกคุณรู้นิสัยพวกเขาดีนี่”

“ผมยังไม่ได้บอกเลยว่าไม่สนใจ คุณมีข้อมูลลับไม่เหมือนเจ้าอื่น ทางสภาสูงต้องอนุมัติงบจัดซื้อได้อยู่แล้ว ทำสัญญามาเถอะ หลังจากนี้ผมจะให้เลขาไปดำเนินการ”

เอ็ดเวิร์ดเจ็บใจอยู่หน่อยๆ ที่ต้องเปลี่ยนคำพูดปุบปับ ก่อนหน้านั้นยังบอกว่าบริษัทอื่นก็ไม่ด้อยไปกว่าธาดากรุ๊ป ตอนนี้กลับต้องง้ออีกฝ่ายแทน ในคำพูดจึงแฝงไว้ด้วยความอึดอัด เขาได้ยินชื่อเสียงของอิทธิพลมาแล้ว ก็นึกว่าเป็นพวกคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด เป็นมือสมัครเล่นเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อที่ได้บิดาหนุนหลัง พอเจอความกดดันหน่อยย่อมลนจนยินยอมลดราคาการซื้อขาย ไหนเลยจะรู้ว่าบทสรุปจะออกมาพลิกตลบ เกินที่ตั้งเป้าไว้มาก

ดีลผ่านไปด้วยดี ยังไม่ได้พูดพล่ามมากมายก็ส่งสัญญาไปให้อีกฝ่ายพิจารณาสำเร็จ ตกเย็นเอ็ดเวิร์ดจองร้านอาหารขึ้นชื่อที่สุดในฮาวายไว้ เชิญอิทธิพลกับเลขาไปร่วมตามระเบียบ บรรยากาศผ่อนคลายกว่าเมื่อช่วงบ่าย พอไม่มีเรื่องงาน ประกอบกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ทั้งหมดจึงวางอีโก้แล้วพูดคุยสังสรรค์อย่างเป็นกันเอง

“เจอคุณนานแล้วแต่ยังไม่รู้ชื่อเลย” เอ็ดเวิร์ดเดินออกจากโต๊ะมาหาโยษิตา

นอกจากสาวๆ ที่คัดเลือกเฉพาะให้ดูแลแขกจึงจะนั่งสรวลเสเฮฮากับพวกเขา โยษิตาที่เป็นเลขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง สบโอกาสทั้งทีเธอย่อมอยากแยกออกมานั่งพักผ่อนกินลมชมวิวบ้าง ที่นี่คือฮาวาย หมู่เกาะเลื่องชื่อของโลก ไม่ควรพลาดเก็บบรรยากาศ ในเมื่ออิทธิพลคุยธุรกิจลุล่วง ตัวเธอก็ไม่ต้องคอยติดตามรับใช้อีก

“ชื่อโยษิตาค่ะ เรียกว่าโยก็ได้”

“อะไรนะครับ ฟังไม่ค่อยได้ยินเลย” เอ็ดเวิร์ดเอียงศีรษะลงมา ขอให้หญิงสาวบอกเขาอีกรอบ

โยษิตาจึงอังมือป้องปาก จากนั้นขยับเข้าไปใกล้ เอ่ยด้วยเสียงอันดัง “โยษิตา เรียกว่าโยก็ได้ค่ะ”

“อืม คุณโย ผมจำได้แล้ว ให้ผมเลี้ยงเครื่องดื่มคุณนะ”

ตามมารยาทย่อมไม่อาจปฏิเสธ เอ็ดเวิร์ดยกมือทีเดียวพนักงานก็เสิร์ฟมาตินีสีแดงเข้มให้ เขาสมกับเป็นลูกชายคนใหญ่คนโต บุคลิกท่วงท่าไม่ว่ายังไงก็ต้องเก๊กวางมาดไว้ก่อน โยษิตาเจอผู้ชายประเภทนี้อยู่ทุกวันจึงไม่ค่อยหวั่นไหวแปลกใหม่อะไร แทบจะเห็นอิทธิพลในร่างเขาด้วยซ้ำ

“ไปเต้นกันหน่อยไหม ข้างล่างน่าสนุกดี ผมทำงานตลอดไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน จะเป็นเกียรติมากหากว่าก่อนกลับไปได้สนุกกับคนสวยอย่างคุณ”

โยษิตาหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะตอบตกลง “ได้ค่ะ”

ปากหวานสมคำร่ำลือ ดีว่าเอ็ดเวิร์ดยังไม่มีแฟน ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สะดวกใจร่วมสนุกสักเท่าไร หญิงสาวสวมแว่นหนาในชุดกระโปรงรับเรียวขาลุกขึ้น ร่างเพรียวระหงเดิมตามชายหนุ่มต่างชาติตัวสูงลงไปเต้นรำ รอบด้านมีพนักงานสวมชุดชนเผ่าอินเดียนแดงคอยตีกลองร้องเล่น และมีลูกค้าคนอื่นร่วมวงอยู่ไม่น้อย พอทั้งสองเริ่มเต้นตามแถมอมยิ้มเขิน ก็เกิดเป็นภาพน่ารักสุดจะบรรยาย

อิทธิพลซึ่งกำลังนั่งดื่ม รอบด้านรายล้อมไปด้วยสาวสวยออดอ้อนคลอเคลีย พอมองไปเห็นฉากนี้เข้าก็นึกฉงนประหลาดใจ เขาไม่เคยเห็นโยษิตาเขินอาย แต่พอเธอทำขึ้นมารู้สึกว่าแปลกตาจนต้องมองแล้วมองอีก

แล้วไอ้หมอนั่นท่าจะไม่ได้ต้องการแค่ทำความรู้จักเลขาของเขา มันจ้องจะงาบแน่นอน อิทธิพลล้วงโทรศัพท์มากดส่งข้อความ นี่ก็ดึกแล้ว สมควรพักผ่อน

(เลขาโย ผมปวดหัว อยากนอนแล้ว)

โยษิตารับรู้ได้ถึงแรงสั่นที่ช่องเอวก็ขอตัวจากเอ็ดเวิร์ดไปเปิดโทรศัพท์ดู “ปวดหัวเหรอ นี่พึ่งสองทุ่มเอง”

ปกติเขาไม่เมาง่ายขนาดนี้นี่…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel