บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 - 1 เกิดใหม่ในร่างผู้อื่น

หนึ่งเดือนให้หลัง หลังจากหลี่ชิงเหมียวฟื้นขึ้นมา นางก็ดูเหมือนว่า จะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากเด็กสาวที่มีสติปัญญาอ่อนด้อย กลับกลายมาเป็นเด็กรู้ความ เชื่อฟัง และร่ำเรียนวิชาต่างๆ ได้อย่างเข้าใจ จนบรรดาอาจารย์เอ่ยปากชมจากใจ นางไม่ได้โง่เขลา ไม่รู้ความ เหมือนกับเมื่อก่อนอีกแล้ว เรื่องนี้ได้สร้างความประหลาดใจ ให้แก่ผู้ใหญ่ในตระกูล และบรรดาพี่น้องร่วมบิดาเป็นอย่างมาก

เพราะการเปลี่ยนแปลงตนเองของหลี่ชิงเหมียวในครานี้ ทำให้นางได้รับอนุญาตจากบิดา เรื่องการออกไปเที่ยวเล่นนอกจวน หรือแม้แต่การให้นางติดตามมารดา ออกไปร่วมงานเลี้ยงต่างๆ การที่บุตรีไม่ได้เป็นคนที่โง่เขลา เช่นแต่ก่อนอีกแล้ว ย่อมไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย และต้องคอยปกปิดเอาไว้เหมือนก่อน

ถึงอย่างไรหลี่ชิงเหมียว ก็จะถึงวัยปักปิ่นอยู่แล้ว อีกไม่นานก็ต้องพูดคุยถึงเรื่องการแต่งงาน หากไม่พาออกไปพบปะผู้คนเลย แล้วผู้ใดจะรู้จักหน้าตาอันงดงาม ของคุณหนูสามสกุลหลี่กัน

“เหตุใดนางถึงได้โชคดีถึงเพียงนี้ ข้าหวังให้นางตาย กลับกลายเป็นว่า ข้าทำให้นางเกิดใหม่เป็นคนที่ฉลาดกว่าเดิม” หลี่ชิงหรงกล่าวออกมาด้วยความขุ่นเคือง

“คุณหนู…อย่าเสียงดังไปเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวผู้อื่นได้ยินเข้า ท่านจะเดือดร้อนได้” อี้เฉียว สาวรับใช้คนสนิทของหลี่ชิงหรงเอ่ยปากห้ามปรามคุณหนูรองออกมา

“นางไม่สมควรเกิดมาตั้งแต่แรก เหตุใดวันนั้นนางถึงไม่ตาย”

“หรงเอ๋อร์…เมื่อครู่เจ้ากล่าวอันใดออกมา”

เสียงของมารดาดังขึ้นมาจากทางหน้าประตูห้อง หลี่ชิงหรงตกใจจนถ้วยชาหลุดมือ น้ำชาสาดกระเซ็นเต็มพื้น อี้เฉียวรีบนั่งคุกเข่า แล้วก้มหน้าลงทันที

“แม่เล็ก”

“แม่ถามว่าเมื่อครู่ เจ้ากล่าวอันใดออกมา” น้ำเสียงตำหนิของมารดา ทำให้หลี่ชิงหรงถึงกับสะดุ้ง นางเดินไปจูงมือมารดา พามานั่งลงยังตั่งตัวยาว พลางรินน้ำชาให้อย่างเอาใจ

“ข้าเพียงแค่พูดเล่นกับอี้เฉียวเท่านั้นเองเจ้าค่ะ แม่เล็กอย่าได้ถือสาไปเลย”

“คิดสิ่งใด ก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวออกมา แล้วเจ้าจะไปถือสาอันใดกับคุณหนูสาม ถึงนางจะกลับมาเป็นบุปผางามที่เพียบพร้อมของจวนสกุลหลี่ แต่สุดท้ายก็ต้องออกเรือนไปอยู่ดี เจ้าเองก็เช่นกัน อย่าได้คิดทำเรื่องเล็กน้อย ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เป็นอันขาด เพราะถึงยามนั้น แม้แต่แม่ก็ช่วยเหลือเจ้าไม่ได้”

อนุเหลียวตำหนิบุตรสาว สถานะของนางไม่ควรทำให้ฮูหยินรองขุ่นเคืองใจ เพราะแม้แต่ฮูหยินใหญ่ ก็ยังไว้หน้าฮูหยินรองเลย แล้วนางที่เป็นเพียงอนุภรรยา ตำแหน่งต่ำต้อยถึงเพียงนี้ จะให้กล้าทำตัวอวดดีเกินหน้าเกินตาบรรดาฮูหยินไปได้อย่างไร

เพราะนางนั้นหาได้เป็นที่รักของนายท่านอีกแล้วไม่ ก่อนหน้าที่จะมีหลี่ชิงหรงนั้น เขาก็เพียงแค่ลุ่มหลงในเรือนร่างของนางแค่ชั่วคราว บุรุษที่มีความรู้ความสามารถเช่นเขา ย่อมชื่นชอบและยกย่องสตรี ที่สามารถยืนเคียงข้างเขาได้อย่างไม่น่าอาย

ซึ่งสตรีนางนั้น ก็คือฮูหยินรองนั่นเอง ฮูหยินใหญ่ที่แต่งมาก่อน ความสำคัญก็ยังมิอาจเทียบเคียงด้วยซ้ำ ยังดีที่ว่าฮูหยินรองนั้นเป็นสตรีที่จิตใจดี ไม่ชอบชิงดีชิงเด่น และใช้อำนาจกับผู้ใด นางถึงอยู่ในจวนสกุลหลี่อย่างสงบสุขเสมอมา

คุณหนูสามเป็นบุตรีของฮูหยินรอง จึงยิ่งมิอาจแตะต้อง คราก่อนที่คุณหนูสามจมน้ำ เพราะอยู่กับหลี่ชิงหรง นางที่เป็นมารดา ก็ต้องไปนั่งคุกเข่ารับโทษแทนบุตรี อยู่ที่ศาลบรรพชนของตระกูลหลี่ทั้งคืน กว่าจะทำให้ความขุ่นเคืองของฮูหยินรองจางหายไป นั้นมิใช่เรื่องง่ายเลย

หากหลี่ชิงหรงยังมีความคิดไม่ดีเช่นนี้ต่อไป จะมิใช่วันหน้าต้องเกิดเรื่องขึ้นมาอีกหรือไร นางต้องรีบถอนฟืนใต้หม้อ เป็นความผิดของนาง ที่ไม่ได้อบรมสั่งสอนบุตรี ปล่อยให้แม่นมคอยอบรม จนยามนี้เห็นแล้วว่า หลี่ชิงหรงกลายเป็นเด็กนิสัยเสีย ไม่รู้ความไปเสียแล้ว หากจะแก้ไขก็มีวิธีเดียว คือนางต้องไปขอให้ฮูหยินทั้งสอง ช่วยหาคู่แต่งงานให้แก่หลี่ชิงหรง

“เจ้าเองก็อายุสิบเจ็ดแล้ว แม่จะไปปรึกษากับฮูหยินทั้งสอง ขอร้องให้พวกนางช่วยหาคู่แต่งงานที่เหมาะสมให้แก่เจ้า”

หลี่ชิงหรงถึงกับตาเบิกโต เมื่อได้ยินมารดากล่าวออกมาเช่นนี้ นางมีบุรุษในใจอยู่แล้ว เขาคือคุณชายใหญ่จากตระกูลซ่ง เป็นลูกศิษย์คนโปรดของบิดา ทว่าตระกูลซ่ง กลับกลายเป็นตระกูลสูงศักดิ์ ที่นางเป็นเพียงบุตรีที่เกิดจากอนุภรรยามิอาจเอื้อมถึง

ครั้นเรื่องนี้ไปถึงฮูหยินทั้งสอง พวกนางย่อมสนับสนุนความคิดของอนุเหลียว เพราะสตรีที่ผ่านพิธีปักปิ่นไปแล้ว แต่ยังไม่ออกเรือนเสียที ก็ดูจะไม่เหมาะสม และถึงแม้หลี่ชิงหรง จะเป็นบุตรีที่เกิดจากอนุภรรยา แต่จะหาคู่ที่ดีให้แก่นางก็คงไม่อยากนัก ถึงอย่างไรนางก็เป็นถึงบุตรี ของท่านเจ้าสำนักศึกษาที่มีชื่อเสียง ตระกูลใดบ้างที่ไม่อยากจะเกี่ยวดอง

หลี่ชิงหรงแม้จะรู้สึกไม่ยินยอม แต่นางก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะก่อนออกเรือน บุตรีย่อมต้องเชื่อฟังบิดามารดา พวกเขาถึงขั้นหาคู่ให้นางแล้ว นางจะหลีกหนีเรื่องนี้ไปได้อย่างไร ทว่าในเมื่อนางไม่มีความสุข นางก็ไม่อยากมองเห็นผู้อื่นมีความสุขเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับน้องสาวต่างมารดาที่นางรังเกียจผู้นั้น

หลี่ชิงเหมียวไม่รู้เลยว่า หลี่ชิงหรงคิดวางแผนกับตนเอง เพราะในยามนี้นางเอาแต่สนใจ ที่จะสืบเรื่องราวของสกุลหลัวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เมื่อไม่นานมานี้ นางก็เพิ่งจะรู้ถึงเมืองที่สกุลหลี่อาศัยอยู่ ว่าคือเมืองถง ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเซิ่งไกลถึงสองร้อยลี้

“คุณหนูสาม ท่านรู้จักผู้ใดในสกุลหลัวหรือเจ้าคะ”

อี้เหลียนเอ่ยถามคุณหนูออกมาด้วยความประหลาดใจ เพราะก่อนหน้านี้คุณหนูสาม ก็อยู่เล่นแต่ภายในจวนมาโดยตลอด ยังไม่เคยพบเจอกับผู้ใด แล้วจะไปรู้จักกับสกุลหลัวแห่งเมืองเซิ่งได้เช่นไร

“ข้าฝันถึงน่ะ จึงอยากรู้ว่าสกุลหลัวแห่งเมืองเซิ่งเป็นอย่างไร” นางยื่นมือไปรับจดหมาย ที่ถูกส่งมาจากผู้ที่นางจ้างให้ไปสืบข่าว เรื่องของสกุลหลัวขึ้นมาเปิดอ่าน

‘ตระกูลหลัวแห่งเมืองเซิ่ง เป็นตระกูลขุนนางใหม่ เดิมบรรพบุรุษมีอาชีพค้าขาย ทว่ารุ่นนี้กลับมีบุตรชายโดดเด่น นามว่าหลัวอี้เฉิน เขาสอบผ่านขุนนางจิ้นซื่อตั้งแต่วัยสิบแปด มาถึงยามนี้ ได้รับตำแหน่งเป็นหัวหน้ามือปราบประจำสำนักพิทักษ์เมฆา ทว่าเขาเพิ่งเป็นพ่อหม้าย จากการสูญเสียภรรยาไปเมื่อไม่นาน มีบุตรชายหนึ่งคน นามว่า หลัวอี้เจ๋อ ใต้เท้าหลัวผู้นั้นลั่นวาจาเอาไว้ในพิธีฝังศพของภรรยาว่า เขาจะไว้อาลัยให้ภรรยานานถึงสองปี อีกทั้งเพื่อนร่วมงานต่างก็กล่าวกันว่า เขาเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ผู้ที่เคยอ่อนโยน กลับกลายมาเป็นคนเย็นชา ไร้หัวใจ ตั้งแต่วันที่เขาสูญเสียภรรยาไป’

หลี่ชิงเหมียวถึงกับมือสั่นในยามที่อ่านจดหมายจบ สายตาของนางพร่ามัว ยามที่อ่านตัวอักษรที่เขียนบอกว่าหลัวอี้เฉินมีบุตรชายหนึ่งคน นี่…นางมีบุตรชายอย่างนั้นหรือ หลัวอี้เจ๋อ…นามนี้ช่างไพเราะยิ่งนัก

เป็นนามที่นางเคยพูดคุยกับสามีเอาไว้ เขาไม่เคยลืม นางรับรู้ได้ถึงความรักของสามี ทว่านางก็อดเศร้าใจไม่ได้ ที่เขาต้องกลายเป็นคนเย็นชาในสายตาผู้อื่น ก็เพราะนางเป็นต้นเหตุ

เขาจะไว้อาลัยให้นางนานถึงสองปี สองปีหลังจากนี้ หลี่ชิงเหมียวก็อายุสิบหกปีแล้ว แต่จะทำอย่างไร ให้นางได้ออกเรือนไปกับเขากันหนอ นางเพียงอยากจะกลับไปดูแลบุตรชายสักครั้ง ถึงแม้เขาจะไม่รักนางเหมือนแต่ก่อนก็ไม่เป็นไร

หญิงสาวเดินไปนั่งลงบนตั่งตัวยาว แหงนหน้าขึ้นมองพระจันทร์ดวงโต ที่อยู่บนท้องนภาในยามค่ำคืน ผ่านหน้าต่างภายในห้องนอน ความจริงแล้วนางก็อยากจะสืบเรื่องของบิดามารดาเช่นกัน

แต่ทว่าถ้าทำเช่นนั้น ก็จะดูน่าสงสัยจนเกินไป เอาไว้นางค่อยสืบในภายหลังคงยังไม่สาย บิดามารดาของนาง ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เข้มแข็ง ย่อมไม่ทุกข์ใจกับเรื่องของนางนาน เพราะพวกเขาจะต้องหันไปเอาใจใส่ หลานชายเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่

อี้เหลียนมองคุณหนูด้วยแววตาสับสน แต่ทว่านางก็ไม่ได้ถามสิ่งใดออกมา ในเมื่อสิ่งที่คุณหนูทำลงไปแล้วสบายใจ และไม่ใช่เรื่องผิดอันใด นางก็ควรจะให้การสนับสนุนถึงจะถูก…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel