บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ใครแพ้เป็นหมา

ตัวของผู้ทรงความรู้ของเมืองหลวงในเวลาไม่นาน

งานชุมนุมกลอนของเมืองหลวงในวันนี้จัดขึ้นทุกปีเป็นการต่อกลอน กวีคัดอักษรเพื่อคัดคนเก่งๆ ขึ้นจัดอันดับของเมือง

เหมยเหม่ยรออยู่ข้างนอก หลิวเมิ่งหลีเดินเข้างานตามลำพัง ข้างในมีผู้ทรงความรู้และปัญญาชนมากมาย เสียงขับกลอนต่างๆ เข้าหูไม่ขาดสาย

หลิวเมิ่งหลีมือไพล่หลังกวาดสายตามองผู้คนที่เดินไปมาสายตาของนางก็เหลือบไปเห็นองค์ชายผู้สูงศักดิ์ที่คุ้นตาท่านหนึ่งเข้า

หลิวเมิ่งหลีครุ่นคิด ชายผู้นี้นั้นใบหน้าหล่อเหลาราวสตรีดูอ่อนโยนไม่แข็งแกร่ง ทั่วทั้งตัวมีออร่าของการเป็นองค์ชายเจ้าสำอางค์เสียมากกว่าหรือว่าจะเป็น...

อ่า..นั่นองค์ชายรองเหยียนจื่อหย่งที่หลิวเมิ่งหลีคนก่อนชื่นชอบนี่เอง มิน่าถึงได้ดูคุ้นตานัก เมิ่งหลีเอ๋ยเมิ่งหลีรสนิยมเจ้านี่ต่างจากข้ามากจริงๆ หาสามีแน่นอนต้องหล่อเหลาระเบิดระเบ้ออันดับหนึ่ง จากนั้นต้องบึกบึนกล้ามมัดๆ หน้าท้องซิกแพคต้องแน่นๆ ดุดันไม่เกรงใจใคร แบบนั้นสิถึงจะน่าตื่นเต้น

หลิวเมิ่งหลีกรอกตานางละสายตาออกไปจากองค์ชายรองเหยียนจื่อหย่งจากนั้นร่างบางก็ก้าวเดินขึ้นไปยังชั้นสอง

แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาถัดออกไปไม่ไกลมีสตรีกลุ่มหนึ่งที่กำลังพูดคุยกันอยู่ได้หันมาพบหลิวเมิ่งหลีเข้า หนึ่งในกลุ่มนั้นเอ่ยเรียกนางค่อนข้างเสียงดังจนคนบริเวณรอบๆ ต่างก็หันมามองอย่างสนอกสนใจ รวมถึงองค์ชายรองเหยียนจื่อหย่งนั่นด้วย

"นั่นไม่ใช่หลิวเมิ่งหลีหรอกหรือ เหตุใดวันนี้ถึงได้แต่งกายต่างจากเมื่อก่อนเล่า"

"ต่อให้นางแต่งกายอย่างไร งดงามอย่างไรแต่ไร้ความรู้ความสามารถก็ไม่ต่างอะไรกับคนไร้ค่าหรอก!"

"นั่นสิ บิดาเป็นถึงท่านแม่ทัพใหญ่แต่บุตรสาวกลับไร้ความสามารถช่างน่าเห็นใจจริงๆ"

"หากข้าเป็นนางคงไม่กล้าโผล่หน้าออกมาจากจวน"

คิก คิก คิก บรรดาหญิงงามต่างก็พูดคุยกันเสียงดังหวังให้หลิวเมิ่งหลีโกรธและอาละวาดเช่นเมื่อก่อน แต่เวลาผ่านไปหญิงสาวกลุ่มนั้นก็ไม่เห็นหลิวเมิ่งหลีเกรี้ยวกราดเช่นผ่านมา พวกนางก็เริ่มแปลกใจ

หลิวเมิ่งหลีกำลังทบทวนความทรงจำและไล่เรียงชื่อเสียงเรียงนามของหญิงสาวเหล่านั้นอยู่จึงไม่ได้โต้แย้งอะไรออกไป

"ทำไมวันนี้นางดูสงบปากสงบคำทำให้ข้าไม่คุ้นชินเอาเสียเลย" หญิงสาวในชุดสีเหลืองพูดขึ้น

"นั่นสิ จะมาไม้ไหนก็ไม่รู้หรือคิดจะมาขอยอมแพ้"

"นั่นสิหากสู้ไม่ได้ก็ยอมแพ้เสียเถอะ ต่อให้เจ้างดงามมากเพียงใดหากแต่ไร้สติปัญญาองค์ชายรองก็ไม่สนใจเจ้าหรอก พลอยทำให้องค์ชายรองเสียสายตาที่มองเจ้าเปล่าๆ"

หลิวเมิ่งหลีกรอกตา ในวันนี้ไม่เพียงแต่มีเหล่าองค์ชายที่เสด็จมา แต่ก็ยังมีอาวุโสผู้สูงศักดิ์ที่มาทำหน้าที่ในการคัดเลือกคนเก่งเพื่อจัดอันดับรวมอยู่ด้วย ดังนั้นนางจึงรู้สึกว่าไม่สมควรที่จะพูดจาไร้สาระกับบรรดาแม่นางเหล่านั้น

หลิวเมิ่งหลีเดินตรงเข้ามาตรงหน้าของคนผู้หนึ่งคนคนนี้ก็คือบัณฑิตเสิ่นคั่วแห่งสำนักราช บัณฑิต เนื่องจากมีความรู้หลากหลายเป็นเลิศ ดังนั้นจึงดำรงตำแหน่งในสำนักราชบัณฑิต พร้อมกับเป็นอาจารย์ประจำสำนักศึกษาที่บรรดาคุณหนูคุณชายผู้สูงศักดิ์เข้าศึกษาอีกด้วย

เรียกได้ว่าเป็นมหาบัณฑิตอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง

เป็นยอดนักวรรณกรรมอันดับหนึ่ง

“คารวะท่านอาจารย์ฉวีเจ้าค่ะ”

อาจารย์ฉวีผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็มองหลิวเมิ่งหลีทีหนึ่ง เขาพยักหน้าขึ้นลงเล็กน้อยแล้วพูด

"เอาล่ะ เช่นนั้นวันนี้ก็นั่งประจำที่กันเถอะ"

หลิวเมิ่งหลีเดินไปนั่งลง วันนี้เป็นงานประจำปีในแต่ละปีจึงมีคนมีความรู้ความสามารถมาร่วมงานเป็นจำนวนมากแน่นอนว่าแต่ละคนนั้นย่อมมีความรู้ไม่ธรรมดา

เช่นคุณใหญ่กู้อวิ๋นเหยาสาวงามมากความสามารถอันดับหนึ่งหลานสาวราชครูกู้

คุณหนูรองเสิ่นหยุนชูก็เป็นหญิงงามมากความสามารถอันดับสองคุณหนูไป๋จิ้งหรูสาวงามมากความสามารถอันดับสามคนรักขององค์ชายรอง คุณหนูเมิ่ง คุณหนูตี้ และเหล่าคุณชายทั้งหลายต่างก็มาเข้าร่วมประชันบทกลอนในวันนี้เช่นเดียวกัน

นี่เจ้าของร่างน้ำท่วมสมองไปแล้วแน่ๆ ถึงได้เอาตัวเองเข้ามาร่วมแข่งขันกับคนเหล่านี้ เพื่อชายผู้เดียวถึงกับยอมประจานตระกูลแม่ทัพของบิดาตนเองเชียวหรือ โง่เง่าสิ้นดี

ตรงกลางงานเป็นดั่งเวทีซึ่งมีม้วนผ้าแขวนอยู่สามม้วน ว่ากันว่าม้วนแรกเป็นของท่านราชครูม้วนสองเป็นขององค์รัชทายาท และม้วนสามเป็นของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันที่ประทานหัวข้อมาให้

อาจารย์ฉวีให้คนปลดม้วนผ้าสีขาวลงหนึ่งม้วน ซึ่งเป็นหัวข้อที่ท่านราชครูกำหนดมาหลังจากม้วนผ้าตกลงมา คำว่าดอกท้อ ก็ปรากฎสู่สายตาของทุกคน

"ดอกท้อหรือ?"

"ท่านราชครูกำหนดคำให้ คือดอกท้อ แต่มีข้อแม้ว่าภายในเจ็ดย่างก้าวจะต้องได้กวีมาหนึ่งบทและในบทกวีนี้จะต้องมีคำว่าดอกท้อสองคำนี้อยู่ในบทกวีด้วย"

"อะไรนะ?"

"โดยปกติคำเดียวก็แต่งยากอยู่แล้วในเจ็ดก้าว นี่ท่านราชครูให้มาสองคำเลยหรือ?"

"นั่นสิใครนึกออกก็ก้าวออกไปเลย.."

เหล่าคนหนุ่มสาวพูดคุยกันถึงความยากง่ายของบทกวีเจ็ดย่างก้าวนี้อย่าตรงไปตรงมาบทกวีเจ็ดย่างก้าวนี้ไม่เพียงแต่จะต้องมีคำว่า ดอกท้อสองคํานี้อยู่ในบทกวีเท่านั้น แต่ยังต้องประพันธ์ภายในเจ็ดย่างก้าวอีกด้วยซึ่งทำให้ เป็นเรื่องที่ยากเสียยิ่งกว่ายาก

โดยไม่มีใครคาดคิดหลิวเมิ่งหลีลุกขึ้น ก้าวเดินออกไปยังด้านหน้าเวทีทำให้เหล่าคุณหนูคุณชายต่างก็ตกตะลึง

"หลิวเมิ่งหลีกวีคำสองคำกับเจ็ดย่างก้าวเจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใดกันออกไปทำอะไรตรงนั้น?"

"นั่นสิ เจ้าคิดว่าเจ้ามีความสามารถมากขนาดนั้นเชียวหรือ ขนาดคุณหนูใหญ่กู้อวิ๋นเหยาสาวงามมากความสามารถอันดับหนึ่งยังคิดไม่ออกเลยแล้วเจ้าโง่ถึงเพียงนั้นจะคิดออกได้อย่างไร"

"นั่นสิ คิดว่าตนเองเป็นใครกัน..."

"เหอะ! พวกเจ้าเชื่อหรือไม่ว่าหัวข้อนี้ข้าไม่จําเป็นต้องใช้ถึงเจ็ดย่างก้าว ข้าเพียงแค่อ้าปากก็ประพันธ์ออกมาได้แล้ว!"

คำพูดที่มั่นใจของหลิวเมิ่งหลีที่พูดออกมานั้นช่างน่าขบขันเป็นอย่างมาก แม้แต่องค์ชายรองเหยียนจื่อหย่งที่กำลังยกน้ำชาขึ้นมาจิบก็ถึงกับสำลักออกมา

หลิวเมิ่งหลีผู้ที่วิ่งตามเขาทั้งวันไม่สนใจการเรียนไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน ต่อให้วันนี้นางแต่งกายดูดีกว่าแต่ก่อนมากและดูแปลกตาแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

"ฮ่าๆๆ หลิวเมิ่งหลีช่างน่าขันหนัก การ ประพันธ์บทกวีเจ็ดย่างก้าว ด้วยคำ สองคำนั้นแม้แต่ คนทั่วไปยังทำไม่ได้ เจ้ากลับกล้าบอกว่าเพียงอ้าปากก็ประพันธ์ออกมาได้ เกรงว่าเจ้าคงจะทําให้พวกเราหัวเราะเสียมากกว่ากระมัง!"

คําพูดนี้ทําให้เหล่าผู้คนที่อยู่โดยรอบบริเวณในที่จัดการแข่งขันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

"ฮ่าๆ ฮ่าๆ นี่ดีนะที่ท่านแม่ทัพใหญ่ยังอยู่ที่ชายแดนหากว่ามาเห็นการกระทำที่โง่เขลาของบุตรสาวเพียงคนเดียวมีหวังคงไม่อยากแม้จะมีชีวิตอยู่" ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในกลุ่มบัณฑิตหนุ่มคนหนึ่งโพล่งออกมาเสียงดัง

หลิวเมิ่งหลีขมวดคิ้ว "ต่อให้ข้าจะเป็นเถ้าถ่านบิดาของข้าก็ยังภูมิใจ วันนี้เจ้าออกมาแข่งกับข้าสิ หนึ่งก้าวหนึ่งบทเป็นอย่างไรใครแพ้เป็นหมาหนึ่งวัน!" หลิวเมิ่งหลี่พูดขึ้นด้วยความโมโห

เล่นก็เล่นแข่งก็แข่งจะมาลบหลู่พ่อแม่กันไปทำไมคนพวกนี้น่ารังเกียจจริงๆ

ทั่วทั้งงานต่างก็ตกตะลึงนั่นคุณชายจงอัจฉริยะด้านกวีอันดับห้าในเมืองหลวงเชียวนะ หลิวเมิ่งหลีคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆ

"ฮ่าๆ ฮ่าๆ ได้หลิวเมิ่งหลีหากเจ้าแพ้เจ้าเป็นหมาคลานสี่ขาไปทั่วเมือง!" ชายหนุ่มคนนั้นก้าวขาออกมาพร้อมกับตอบรับอย่างแข็งขัน

"ดี..งั้นข้าก่อนเจ้าฟังให้ดี!..."

'ข้างลำธารมีต้นท้อ บนต้นท้อเต็มไปด้วยดอกท้อ ดอกท้อเบ่งบาน ดอกท้อโรยรา ชายชราเศร้าใจเก็บดอกท้อทั้งหมดไปขายเพื่อหมักเป็นสุราดอกท้อ'

เมื่อหลิวเมิ่งหลีกล่าวจบทั่วทั้งงานต่างก็อยู่ในความตกตะลึง

..

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel