หลงเด็ก Season 1 (EnD)​

152.0K · จบแล้ว
Blue​ Lightning​
52
บท
28.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หนึ่งคน วิ่งหนีจากความโชคร้ายและความเจ็บปวด ขอเพียงแสงสว่างจุดเล็กๆที่จะทำให้พ้นความมืดมิดนี้หนึ่งคน ไร้ซึ่งจุดหมายและความรู้สึก หวังเพียงแต่ชีวิตนี้จะได้ค้นพบบ้างสิ่งที่ทำให้รอยยิ้มและความรู้สึกที่หายไปกลับมา เท่านั้นก็เพียงพอ

นิยายรักโรแมนติกนิยายYaoiนิยายรักประธานคนต่ำต้อยรักแรกพบมาเฟียพระเอกเก่งพลิกชีวิต

หลงครั้งที่ 1

Ep.1

ภายในคฤหาสน์หรูในห้องทำงานของชายเจ้าของบ้าน เขานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน นั่งมองหน้าลูกชายคนเล็กของเขาที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยสายตากดดัน

“ทำไม…ต้องผม”

“เจ้าใหญ่เขาต้องทำงานเยอะ..แกนะไม่ได้ทำอะไรไม่ใช่หรือไง..ก็ถือซะว่าไปช่วยลุงเขาหน่อยแค่ไม่กี่เดือนเอง”เขามองหน้าพ่อของตัวเองนิ่งอย่างคิดหนัก

“เฮ้อออ…วันไหน”

“อีกสองอาทิตย์”เขาพยักหน้ารับคำสั่งของพ่อตนเองอย่างเข้าใจ

“..ขอตัว”เขาบุกขึ้นเมื่อเห็นว่าพ่อของเขาคงหมดธุระพูดแล้ว

“เจ้าปริ้นซ์​..”เสียงของพ่อเขาดังขึ้น ทำให้ร่างสูงที่เดินไปเกือบถึงประตูต้องหันกลับมา

“…….”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้..หนูกิ่งเขาจะไปรอแกที่คอนโดนะ”ภายใต้ใบหน้าที่ไม่ได้แสดงว่ารู้สึกอะไรแต่จริงๆแล้วเขารู้สึกงุดหงิดสุดๆ

“ไม่..”เขาตอบปฏิเสธเพียงสั้นๆ

“พูดเป็นคำเดียวหรือไง..ก็ลองคุยๆกับน้องเขาไปก่อนชอบไม่ชอบค่อยบอกอีกที”พ่อเขาพยายามหวาดล้อมให้ลูกชายของเขายอมคุยกับหญิงสาวที่เขาหามาให้

“ไปนะ..”เขาไม่สนใจที่พ่อของเขาพูดสักนิดกับเดินออกมาจากบ้านของพ่อเขาและกลับไปที่รถคู่ใจของแทน ร่างสูงขับรถไปสักพักก่อนจะจอดที่ข้างสวนสาธารณะที่ค่อนข้างจะเงียบสงบเพราะเป็นเวลากลางคืน

เขาลดกระจกลงเล็กน้อยก่อนที่จะหยิบบุหรี่พร้อมไฟแช็คที่เขาวางในที่เก็บของข้างคนขับขึ้นมาแล้วจุดบุหรี่สูบ

“ชะ..”เขาได้ยินเสียงอะไรบ้างอย่างดังแว่วเข้ามา แต่ก็ยังไม่แน่ใจเขาเลยเลือกที่จะนั่งสูบบุหรี่อยู่อย่างนั้น

“ช่วยด้วย!!...”เสียงดังชัดเจนขึ้น จนเขาตัดสินใจดับบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ในรถ แล้วก้าวลงมาจากรถช้าๆตาคมกวาดสายตาไปรอบๆเพื่อหาที่มาของเสียง

สิ่งที่เขาเห็นคือเงาของใครบ้างคนที่กำลังวิ่งมาทางเขาและถ้ามองเลยไปก็เห็นคนอีกสองคนวิ่งตามมา คนแรกที่วิ่งมาถึงตัวเขาคือชายร่างเล็กคนนึงที่ตัวเล็กกว่าเขาอยู่มากแต่ร่างกายกลับมีแผลฟกช่ำที่บริเวณใบหน้าและเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ก็ขาดเล็กน้อย

ปึ๊ก

พรึบ!

“ชะช่วยด้วย..ช่วยผมด้วย”ร่างบางจับที่แขนเขาเอาไว้และเขย่าไปมาและพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอนและหวาดกลัวดวงตาใสของร่างเล็กก็มีน้ำตาคลออยู่

“เฮ้ยย!!!...มึงไอ้หน้าหล่อ..ถ้ายังไม่อยากเจ็บตัวก็ส่งมันมา”ชายที่มีท่าทางเหมือนนักเลงที่วิ่งตามมาพูดกับร่างสูงด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด​ ตาคมมองสองคนนั้นนิ่งสลับกับร่างบางที่เกาะแขนเขาเอาไว้แน่น

“ทำไมต้องส่ง..”ปริ้นซ์​ถามไปนิ่งๆอย่างไม่สนใจนัก

“อ้าวไอ้นี่..นี้มึงกวนตีนกูหรอวะ!!”ชายอีกคนพูดบ้างทำท่าจะเข้ามาเอาเรื่องปริ้นซ์​ แต่ชายคนข้างๆก็ห้ามไว้

“ไม่ต้องไปสนใจแม่งหรอก….ส่งมันมา”คนที่ห้ามบอกเพื่อนเขาก่อนจะหันมาพูดกับปริ้นซ์​ สายตาเข้มเหลือบหันมามองร่างเล็กข้างๆตัว ที่ก็มองเขาอยู่เหมือนกันพร้อมกับส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยแล้วมองปริ้นซ์​อย่างอ้อนวอน

“ไม่จำเป็น..”ปริ้นซ์​บอก สองคนนั้นกัดฟันแน่นและจะพุ่งเข้ามาหาปริ้นซ์​ แต่เขาก็หยิบวัตถุสีดำที่อยู่ที่เอวด้านหลังของเขาขึ้นมาแล้วจ่อไปที่ทั้งสองคน พวกเขาทั้งคู่หยุดนิ่งราวกลับหนังที่ถูดกดสต๊อบเอาไว้

“ถอยไป…ไม่งั้นกูยิง”ปริ้นซ์​พูดเสียงเรียบและเย็นจนคนฟังขนลุก สองคนยังคงมองปริ้นซ์​นิ่งอย่างชั่งใจ

ปัง!!

“กูบอกให้ถอยไป..”เมื่อเห็นทั้งสองคนไม่ยอมทำตามที่เขาบอก ปริ้นซ์​เลยยิงปืนลงไปที่พื้นและพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย ทั้งสองคนเมื่อเห็นว่าเป็นปืนจริงก็รีบวิ่งหนีไปแทบไปทัน

“ขอบคุณ.ขอบคุณจริงๆ”เสียงของคนที่ยืนข้างกายเขาดังขึ้นมา ปริ้นซ์​หันไปมองคนข้างตัวเขา สายตาของเขามองคนข้างตัว อย่างพิจารณาอีกครั้ง ใบหน้าที่หวานเกินผู้ชายแต่ตอนนี้กลับซีดเซียวแถมมีแต่รอยฟกช้ำเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นทำไมคนรูปร่างเล็กแบบนี้ถึงมีสภาพแบบนี้ได้

“พวกนั้น…”ปริ้นซ์​พูดสั้นๆคำที่อยากถามคือทำไมโดนพวกนั้นจับแต่เขาก็ขี้เกียจเกิดกว่าจะพูด

“ไม่มีอะไรหรอกครับ…ขอบคุณมากจริงๆที่ช่วยผม..”ปริ้นซ์​แปลกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเข้าใจในคำถามของเขาปกติถ้าพูดกับคนอื่นคงพูดถามเขาต่อแน่ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าเขาจะไม่ยอมตอบที่เขาถามก็ตาม

“ชื่อ..”เมื่อร่างบางไม่ยอมตอบคำถามของเขา เขาก็เรื่องจะเปลี่ยนเรื่องถามแทน

“ยีนครับ”คนตอบพูดพลางยกมือกอดตัวเองแน่นขึ้นเพราะรู้สึกหนาวขึ้นมานิดๆ

“ขึ้นรถ..”ปริ้นซ์​บอกพร้อมกับเปิดประตูรถด้านคนขับ

“อะไรนะครับ..”

“ขึ้นรถ..เดี๋ยวนี้”ปริ้นซ์​พูดอีกครั้งพร้อมกับส่งสายตากดดันมาให้ยีนจนเขาต้องยอมเข้าไปนั่งบนรถ

“บ้านมึง..”ปริ้นซ์​ถามอีก

“คือผม..”ยีนรู้สึกพูดไม่ออกเมื่อปริ้นซ์​ถามที่อยู่ของเขา

“ชั่งเถอะ…”ปริ้นซ์​เดาว่ายีนคงไม่อยากบอกเขาเลยไม่ถามต่อ แต่เขากับถอดเสื้อคลุมของเขาออกและโยนไปให้ยีน

“ใส่ซะ..กูร้อน”ปริ้นซ์​บอกแค่นั้นก่อนที่เขาจะจัดการสตาร์ทรถแล้วขับออกมา ยีนเองก็นำเสื้อมาคลุมตัวของเขาไว้เท่านั้น

ดวงตาอ่อนแสงนั่งมองวิวผ่านกระจกสักพักไปนานเขาก็หลับไป ปริ้นซ์​เหลือบมามองคนด้านข้างเขาก็เห็นว่ายีนหลับไปแล้วแต่เขาก็ไม่ได้คิดจะปลุกขึ้นมา รถแล่นไปตามถนนจนกระทั้งถึงคอนโดที่เป็นจุดหมายของคนขับพนักงานกะดึกของคอนโดสองคนก็รีบเดินมาหาปริ้นซ์​ทันที

“เดี๋ยวผมเอารถไปเก็บให้นะครับ”พนักงานคนนึงบอกรีบก่อนจะไปสะดุดตากับร่างเล็กของยีนที่นอนหลับอยู่บนรถของปริ้นซ์​อย่างแปลกใจ เพราะปกติปริ้สไม่เคยพาใครมาที่นี้นอกจากเพื่อนของเขา

“ให้ผมปลุกเขาไหมครับ..”พนักงานคนเดิมถาม

“ไม่ต้อง…”ปริ้นซ์​ปฎิเสธ เขายื่นกุญแจรถไปให้พนักงาน กายใหญ่จะย่อตัวลงไปอุ้มคนที่หลับมาไว้บนแขนอย่างเบามือ ยิ่งทำให้พนักงานที่เห็นงงหนักเข้าไปอีก ปริ้นซ์​อุ้มยีนและเขาก็พาเขาเข้าคอนโดไป เมื่อถึงห้องเขาก็วางยีนลงที่เตียงของเขา

“อืออ..”คนหลับขยับตัวเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตื่นขึ้นมา ชายเจ้าของห้องยืนมองร่างบางที่อยู่บนเตียงเขานิ่งๆ วันนี้ชั่งเป็นวันที่แปลกเกินปกติจริงๆ

“ภาระ..”คำพูดที่ออกมาชั่งตรงข้ามกับความรู้สึกของคนพูด แต่แม้เจ้าตัวก็ไม่รู้แถมตอนนี้ก็เดินเข้าไปในห้องน้ำซะแล้ว โดยไม่ลืมที่จะหยิบผ้าเช็ดตัวพร้อมกับอกางเกงและก็เสื้อยืดของเขาอีกตัว

ตลอดเวลาที่เขาเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ยีนเขาได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมเขาต้องทำขนาดนี้ ทำไมต้องทำทั้งๆที่คนตรงหน้าเขาเป็นคนแปลกหน้า คิดยังไงก็หาเหตุผลไม่ได้เขาเลยเลือกที่จะสะบัดความคิดออกไปจากหัวและเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแทน

ปริ้นซ์​ที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเขาก็เดินกลับมาที่เตียงและล้มตัวนอนลงข้างๆยีนแต่เว้นระยะห่างไปพอสมควรไม่นานนักเขาก็หลับไป

…..

“ยะอย่า..ถอยไปนะ”ท่ามกลางความมืด เสียงของร่างบางที่ดังขึ้นมาทั้งๆที่เจ้าของเสียงไม่ได้ลืมตาแม้แต่น้อย และจากเสียงของคนข้างตัว ร่างสูงที่นอนก็รู้ตัวตื่น เขาหันไปมองร่างบางที่ส่งเสียงออกมาพร้อมกับปัดป่ายมือไปบนอากาศราวกับกำลังไขว่คว้า​อะไรสักอย่าง

“นี่..ตื่นสิ”ปริ้นซ์​ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับพูดปลุกและเขย่าตัวร่างบางไปด้วย

“ยะอย่า..อึก.ช่วยด้วย…เฮือกก”ยีนสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายที่น่ากลัว

พรึบ!

“อึกก.ช่วยด้วย.ชะช่วยผมด้วย”เพราะความหวาดกลัวทำให้ยีนโพลตัวกอดปริ้นซ์​เอาไว้แน่นโดยไม่รู้ตัวกายแกร่งนิ่งชะงักไปเพียงครู่เดียว ก่อนที่จะเอื้อมมือไปกอดร่างเล็กพลางลูบหลังเบาๆไปด้วย

“แค่ฝัน…เท่านั้น”ยีนผละตัวออกจากปริ้นซ์​ช้าๆ

“ยะอย่า..อึกก.อย่าทิ้งผมนะ..อึกก.ผมกลัว”ยีนบอกเสียงสั่น สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขามันทำเขากลัวจนไม่อยากที่จะอยู่คนเดียว

“ไม่ทิ้ง..นอนซะ”ปริ้นซ์​บอกพร้อมกับที่เขาดันตัวของยีนให้นอนลงอีกครั้ง

“ช่วยกอด.อึก.ผมหน่อยได้ไหมครับ”ปริ้สไม่ตอบแต่เขาสอดแขนไปรองใต้คอของยีนส่วนแขนอีกข้างก็กอดเอวของยีนเอาไว้และลูบที่หลังบางของยีนเบาๆ

“หลับซะ..”ใบหน้าใสซุกอยู่ที่อกของปริ้นซ์​ก็ค่อยๆหลับตาลงช้าๆไม่นานเขาก็หลับไปอีกครั้งปริ้สกอดยีนไว้แบบนั้นจนเขาเองก็หลับตามไป

……

ตื๊ดดๆๆๆ ตื๊ดดดด

เสียงของเครื่องจักรสี่เหลี่ยมขนาดเล็กดังขึ้น จนร่างสูงต้องผละมืออกจากตัวของร่างเล็กที่เขากอดอยู่เพื่อที่จะหยุดเสียงที่ดังออก

“……”ปริ้นซ์​กดรับสายโทรศัพท์แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป

“(นี่แกไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรือไง)​”เสียงพ่อของเขาพูดขึ้นมา

“…….”ปริ้นซ์​เองก็ยังเงียบเขาเพียงแต่เหลือบมองคนที่นอนเบียดตัวนอกซุกเขาอยู่เท่านั้น

“(เฮ้ออ…ฉันแค่จะบอกว่าอีกยี่สิบนาทีฉันกับ

หนูกิ่งจะไปถึงคอนโดแก)​”เขาได้แต่ถอดหายใจกับนิสัยของลูกชายตนเอง

“ไม่…”ปริ้นซ์​บอกไปสั้นๆเขาไม่อยากที่จะพบใครทั้งนั้นตอนนี้โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่พ่อเขาหามาให้

“(ฉันไม่ได้ถามความเห็นแก..เพราะฉะนั้นอีกยี่สิบนาทีเจอกันที่ด้านล่างคอนโดแกไม่งั้นฉันจะขึ้นไปตามแกที่ห้อง)​”สายมือถือถูกตัดไปทิ้งไวเพียงความหงุด หงิดให้อีกคน

“อือออ..”เสียงที่ออกมาจากคนที่นอนซุกเขา ทำให้ปริ้นซ์​ต้องหันมามองยีนที่นอนซุกเขาอีกครั้ง แขนแกร่งค่อยๆขยับตัวออกจากยีนอย่างช้าๆ ปริ้นซ์​ลุกยืนที่ข้างเตียงเขายืนมองยีนนิ่งเล็กน้อย แล้วขยับโน้มตัวไปหยิบ

ผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ยีนจนถึงคอ ส่วนเขาก็เดินเขาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

ร่างสูงใช้เวลาไม่นานนักในการจัดการตัวเองให้เรียบร้อยพอเสร็จเขาก็ลงไปรอพ่อของเขาที่ล๊อบบี้ของคอนโดเพราะเขาไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับพื้นที่ส่วนตัวของเขามากนัก

“พี่ปริ้นซ์​คะ.”เสียงหวานดังขึ้นเรียกปริ้นซ์​ที่กำลังนั่งกดโทรศัพท์ให้หันไปมอง ตรงหน้าเขาคือหญิงสาวที่อายุน้อยกว่าเขาน่าจะไม่กี่ปีเดินมาพร้อมกับพ่อของเขา ปริ้นซ์​ไม่ได้พูดทักอะไรไปแค่นั่งมองสองคนที่กำลังเดินมานั่งที่โซฟาตรงข้ามเท่านั้น

“ทำตัวดีๆหน่อยสิ..”พ่อของเขาว่าออกมาเมื่อเห็นท่าทางที่ไม่ค่อยสนใจของปริ้สที่มีต่อหญิงสาวที่เขาพามาด้วย

“ครับ…”ปริ้นซ์​ขานรับแต่ยังคงท่าทีเหมือนเดิม

“ไม่เป็นไรหรอกคะคุณลุง..เอ่อพี่ปริ้นซ์​คะจำกิ่งได้ไหมคะเมื่อตอนเด็กเราเคยเจอกันในงานเลี้ยงบ่อยๆ”หญิงสาวพูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มมาคุ ปริ้นซ์​มองหญิงสาวที่พูดกับเขาพร้อมรอยยิ้มที่เจ้าตัวส่งมา

“ไม่…”คำตอบของปริ้นซ์​ทำให้อีกฝ่ายได้แต่ยิ้มแห้ง

“จำไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นไร..ถ้าไงวันนี้แกก็พาหนูกิ่งเขาไปทานข้าวจะได้รู้จักกันมากขึ้น”ปริ้นซ์​หันไปมองพ่อของเขาที่พูดออกมา

“ไม่ไป..ไม่ว่าง”พูดตอบไปแต่ไม่รู้ทำว่าใบหน้าของร่างบางทีนอนอยู่ที่เตียงเขาก็ลอยขึ้นมาซะอย่างนั้น

“จะไม่ว่างได้ยังไง..ในเมื่อแกก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ใช่หรือหรอ”พ่อของเขาว่าออกมาอีก แต่ปริ้นซ์​ยังไม่ทันได้พูดตอบอะไรเขาก็เหลือบไปเห็นคนที่ควรจะนอนอยู่ที่เตียงของเขา

แต่ตอนนี้กับลงมาเดินข้างล่างด้วยสภาพที่สวมเพียงเสื้อเชิ๊ตสีขาวที่เขาใส่ให้ร่างเล็กที่มันยาวจนคลุ้มต้นขาของร่างบางไว้จนแทบดูไม่ออกว่าเจ้าตัวใส่กางเกงข้างในหรือเปล่า รู้ตัวอีกทีเขาก็ลุกออกจากเก้าอี้แล้วตรงไปหายีน

“นี้..แกจะไปไหน”ผุ้เป็นพ่อรีบตะโกนถามลูกชายของเขาทันที ที่ลูกของเขาลุกจากเก้าอี้ไปโดยไม่บอกอะไรเขาสักคำแต่มีหรอที่ปริ้นซ์​จะสนใจเพราะเขาสนแค่ร่างเล็กที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขามานัก ปริ้นซ์​เดินเข้าไปหายีนและขว้าแขนของยีนให้หันมาทางเขา

“ลงมา..ทำไม”ปริ้นซ์​ถามยีนที่ยืนหน้าซีดๆแต่กลับยิ้มออกมาบางๆเมื่อเห็นหน้าเขา แต่พอเจอสายตาที่ไม่ค่อยพอใจของปริ้สทำเอายีนต้องหุบยิ้มลง

“คุณไม่อยู่.ผมไม่อยากอยู่คนเดียว”ยีนตอบเสียงแผ่ว เพราะหลังจากที่เขาตื่นมาก็ไม่เห็นปริ้นซ์​อยู่ในห้องเลยลงมาข้างล่างเพราะเขาไม่อยากอยู่คนเดียว

“งั้นก็.กลับ”ปริ้นซ์​บอกพร้อมกับเขาที่เอื้อมมือไปจับมือของยีนไว้และจะพากลับไปที่ห้องของเขา

“เดี๋ยวก่อน..”เสียงของพ่อปริ้นซ์​ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเขาเดินมาหาทั้งสองคน

“เด็กคนนั้นเป็นใคร”พ่อของปริ้นซ์​พูดถามพร้อมกับมองไปที่มือของปริ้สที่จับมือของร่างบางเอาไว้ เขารู้ดีว่าลูกชายของเขาไม่ค่อยชอบให้ใครโดนตัวแต่ตอนนี้ลูกชายของเขากลับเป็นคนจับมือร่างบางที่อยู่ข้างกายแทน

“ต้องรู้??..”ปริ้นซ์​ถามกลับ

“ฉันถามก็แปลว่าฉันต้องการคำตอบ”ยีนยืนมองคนที่ยืนคุยกับปริ้นซ์​สลับไปมาอย่างกลัวๆจนเขาต้องขยับตัวไปใกล้ปริ้นซ์​อีก ปริ้นซ์​เองก็กระชับมือแน่นอย่างไม่รู้ตัวซึ่งการกระทำนี้ก็ทำให้ยีนรู้สึกดีแปลกๆ

“ไม่ใช่ตอนนี้”ปริ้นซ์​ตอบพ่อของเขาไป ความหมายคือ เขายังไม่อยากที่จะบอกตอนนี้ พ่อของปริ้นซ์​มองลูกชายของเขาสลับกับร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้านิ่งๆ

“ได้..แต่ฉันจะไม่รอนานเกินสามวัน..หนูกิ่งยังไงวันนี้หนูกลับไปก่อนนะ..อาต้องขอโทษด้วยที่ทำให้หนูเสียเวลา”เขาพูดบอกปริ้นซ์​ก่อนที่จะหันไปพูดกับหญิงสาวที่เขาพามาด้วย

“คะ..ไม่เป็นไรคะ”กิ่งตอบอย่างสบายๆแต่ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าดวงตาของหญิงสาวนั้นไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย

“งั้นฉันจะกลับก่อน..อย่าลืมละอีกสามวันฉันจะมาเอาคำตอบ”พ่อของเขาบอกอีก ก่อนที่ทั้งพ่อของปริ้นซ์​และหญิงสาวจะเดินกลับไป ปริ้นซ์​เองก็พายีนกลับขึ้นไปบนห้อง เขาพายีนมานั่งที่โซฟา

“หิวไหม”ปริ้นซ์​ถาม

“ครับ.?”ยีนทำหน้า งง เพราะเมือกี่เขากำลังคิดเรื่องอื่นอยู่เลยไม่ทันได้ฟังที่ปริ้นซ์​พูด

“จะกินอะไร”

“เอ่อ..อะไรก็ได้ครับ”ยีนตอบเสียงเบาเพราะเขาไม่มีเงินติดตัวสักบาทเลยไม่กล้าที่จะเลือก ขอแค่ได้กินเขาก็พอใจแล้ว

“อืม..”ปริ้นซ์​ขี้เกียจถามต่อเขาเลยคิดว่าจะสั่งเองซึ่งเขาก็โทรสั่งข้าวผัดมาสองจาน ไม่นานนักข้าวก็มาส่งทั้งสองคนนั่งทานอาหารกันเงียบๆไม่มีคำพูดใดเอ่ยออกมาจากพวกเขาเลย

“ยา.”พอกินเสร็จปริ้นซ์​ลุกขึ้นเดินไปหยิบยามาให้ยีนกินซึ่งก็มีเพียงพาราเท่านั้น ยีนก็รับไปกินแต่โดยดี

“คุณครับ..”ยีนพูดเรียกปริ้นซ์​ จริงๆเขาเองยังไม่รู้ว่าปริ้นซ์​ชื่ออะไรเขาเลยเรียก คุณ

“ปริ้นซ์​..”เขาบอกชื่อของตนเอง

“ครับคุณปริ้นซ์​”

“พี่…”ปริ้นซ์​บอกอีก

“ครับ?​"

“เรียก..พี่ปริ้นซ์​”เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากให้ร่างบางเรียกเขาว่าพี่

“เอ่อครับ..พี่ปริ้นซ์​…คือผมขอบคุณมากที่ช่วยผมเอาไว้นะครับ..ผมสัญญาว่าจะ

ตอบแทนในสักวัน..แต่ผมคิดว่าตอนนี้ผมควรกลับได้แล้ว”แม้ปริ้นซ์​จะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ยีนก็เกรงใจเกินกว่าจะอยู่ต่อเพราะเขากับปริ้นซ์​ไม่ใช่คนรู้จักกันด้วยซ้ำแค่ปริ้นซ์​ช่วยเขามามากขนาดนี้ก็เกินพอแล้ว

“ทำไม”ปริ้นซ์​ถามกลับอีก ความหมายของเขาคือทำไมต้องกลับในเมื่อเขาก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ

“ทำไมนะหรอครับ..ก็เพราะว่าผมกับพี่..เอ่อกับคุณเราไม่รู้จักกันสักหน่อยแค่คุณช่วยผมไว้มันก็มาเกินพอแล้ว..แล้วผมจะอยู่ต่อได้ยังไงละครับ”ยีนอธิบายไป

“เหตุผลแค่นี้”ปริ้นซ์​ถามอีก ทำไมเขารู้สึกไม่ค่อยพอใจคำพูดที่ว่าเขาสองคนไม่ได้เกี่ยงข้องกันแม้มันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม

“มันก็มีเท่านี้ละครับ”ยีนบอก

“ถ้างั้น.ก็อยู่ที่นี้”ยีนมองหน้าปริ้นซ์​อย่างไม่เข้าใจ

“จะได้รู้จักกัน”ปริ้นซ์​พูดต่อ

“คุณพูดอะไร.ผมไม่เข้าใจ”ยีนถามอีก ปริ้นซ์​ไม่ได้ตอบอะไร เขาเดินมาใกล้ยีน มือของปริ้นซ์​ดันปลายคางของยีนให้เงยมามองเขาก่อนที่เขาจะประทับจุมพิตให้กับร่างบางซึ่งเป็นเพียงแค่การแตะเท่านั้นไม่นานก็ผละออก

“ทะทำไม” พอปริ้นซ์​ผละออกไปยีนก็พูดถามอย่างคนไม่มีสติเขามองปริ้นซ์​ด้วยแววตาที่สั่นไหว

“ไม่รู้..กำลังหาคำตอบ”ปริ้นซ์​บอกเสียงเรียบ

ตืดดดด  

เสียงมือถือของปริ้นซ์​ดังขึ้นอีกครั้งทำให้เขาทั้งสองคนต้องผละสายตาออกจากกัน ปริ้นซ์​หยิบมือถือของเขาขึ้นมากดรับสาย

“ว่า…”เขาพูดทักคนในสายสั้นๆ

“(แดกเหล้ากันนนน)​”คนในสายตะโกนออกมาจนปริ้นซ์​ต้องยกโทรศัพท์ให้ออกห่างจากหูของเขาก่อนจะแนบเข้าไปใหม่

“เสียงดัง”ปริ้นซ์​ว่าไป

“(เออน่าเรื่องของกู..สรุปจะมาป่าวว)​”ปลายสายถามอีก

“ที่ไหน”ปริ้นซ์​ถามกลับ

“(ผับกูที่DX..มาป่าว)​"

“กี่โมง”ปริ้นซ์​ถามพลางเหลือบมองยีนที่นั่งก้มหน้าอยู่

“(สองทุ่ม..สรุปมานะแค่นี้แหละ)​”ปริ้นซ์​กดวางสายไป เขาเดินมานั่งข้างยีน

“ไปไหม”ปริ้นซ์​ถาม

“ไปไหนครับ”ยีนถามกลับ

“เที่ยว..ไปไหม”

“คือผม….”ยีนขมวดคิ้วแน่น ใจเขาก็อยากไปกับปริ้นซ์​เพราะเขาไม่อยากอยู่คนเดียว แต่ว่าเขาก็ไม่มีเสื้อผ้าจะเปลี่ยนอีกนั้นแหละ

“ไปนอนก่อน”ปริ้นซ์​สังเกตว่ายีนคงคิดมากเลยเปลี่ยนเรื่องพูดโดยการให้ยีนไปนอนพักแทน

และเพราะฤทธิ์ยาทำให้ยีนทำตามที่ปริ้นซ์​บอกเพราะเขาเองก็ยังรู้สึกเพลียๆอยู่เหมือนกัน หลังจากที่ยีนหลับ ปริ้นซ์​ก็กดโทรศัพท์หาคนสนิทของเขาเพื่อจัดการเรื่องของใช้ของยีนพร้อมกับสั่งให้สืบประวัติมาด้วยคล้อยบ่ายไปอีเมลประวัติของยีนก็ถูกส่งมาที่คอมของเขา ปริ้นซ์​จัดการกดอีเมลขึ้นอ่าน

“……..”ปริ้นซ์​อ่านไปจนหมดบรรทัด เขารู้สึกสงสารร่างบางขึ้นมาหลังจากที่ได้อ่านประวัติทั้งหมดและมันก็ทำให้ได้รู้ว่าร่างบางเป็นใครและที่ผ่านมาร่างบางเจอเรื่องร้ายอะไรมาบ้าง เขาปิดคอมลงและเดินไปหายีนที่นอนหลับอยู่บนเตียงของเขา ร่างสูงใหญ่ขยับนั่งลงข้างคนที่หลับอยู่

“เธอเป็นของฉัน”ปริ้นซ์​ลูบหัวคนที่หลับเบาๆ สายตาของเขายากที่จะอ่านออกว่าคิดอะไรแต่มีเพียงอย่างเดียวที่สายตาสามารถบอกได้ คือ ร่างบางที่อยู่กับเขาตอนนี้จะไม่มีใครได้แตะต้องอีกเป็นอันขาด

.............................................................................

8/11/63