ตอนที่ 7 จีบได้ไหมล่ะ
เช้าวันต่อมา
ชยันต์ได้โทรมาถามอาการของลูกสาว ต่อด้วยคำถามที่ว่าทำไมถึงกลับไปนอนคอนโด มันทำให้รู้ได้ทันทีว่าแม่เลี้ยงน่าจะบอกไปแบบนั้น น้ำค้างจึงจำใจต้องโกหกว่าเพื่อนเป็นห่วงจะมานอนด้วย เลยเลือกกลับไปนอนคอนโด เมื่อบอกไปดังนั้นผู้เป็นพ่อก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ
ในช่วงบ่ายหมอก็ได้มาตรวจอาการ ผื่นตามตัวของเธอเริ่มบางลงกว่าเมื่อคืน อาการแน่นหน้าอกก็หายแล้ว หมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้
ส่วนไอรินและเฟญ่าก็อยู่ดูแลเธอไม่ห่าง พอออกจากโรงพยาบาลก็พาไปส่งที่บ้านเพื่อกลับไปเอารถ เช้าวันจันทร์น้ำค้างก็ไปเรียนตามปกติ
หลังเลิกเรียนน้ำค้างแวะที่ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นตึกสามคูหาตั้งอยู่ถัดจากมหาวิทยาลัยไปเพียงไม่กี่หลัง เพื่อหาของกินไปแช่ไว้ในตู้เย็นที่คอนโด
น้ำค้างส่งมอบแซนวิชให้พนักงานก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อให้เขานำไปอุ่น ระหว่างนั้นเธอก็หยิบของกินอื่น ๆ ออกวางบนเคาน์เตอร์เพื่อรอคิดเงิน แต่แล้วก็มีมือของใครบางคนยื่นผ่านหน้าไป พร้อมกับวางกล่องถุงยางอนามัยลงบนเคาน์เตอร์
ก่อนหน้านี้ฉลามกำลังขับรถออกจากมหาวิทยาลัย ดวงตาคู่คมก็เหลือบไปเห็นสาวสวยกำลังเปิดประตูลงจากรถ เดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ จึงตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทางก่อนจะดับเครื่องยนต์แล้วเดินตามเข้าไป
เขาเห็นเธอกำลังมองหาของกิน จึงเลี่ยงไปเดินคนละช่องเพื่อไม่ให้เธอเห็น จนกระทั่งน้ำค้างถือตะกร้าตรงไปยังแคชเชียร์ หนุ่มหล่อกระตุกยิ้มขึ้นอย่างมีแผนการ ก่อนจะเดินไปหยิบกล่องถุงยางอนามัยที่วางอยู่บนชั้นหน้าเคาน์เตอร์ วางมันลงรวมกับของกินที่สาวรุ่นน้องเลือกหยิบมาด้วยความอยากแกล้ง
“คิดรวมได้เลยครับ”
เสียงทุ้มเอ่ยกับพนักงานร้านสะดวกซื้อ โดยไม่ถามความสมัครใจของลูกค้าที่ยืนรอคิดเงินอยู่ก่อน
น้ำค้างหันมองคนยืนซ้อนหลัง คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเป็นปม ก่อนจะเมินเฉยแล้วหันไปเอ่ยกับพนักงานด้วยน้ำเสียงเข้ม
“คิดแยกค่ะ”
“คิดรวมครับ”
“อย่ามากวนประสาทได้ปะ ถ้าอยากซื้อไอ้กล่องนั้นมาก ก็ไปจ่ายเงินเองสิ”
“อย่าทำให้พนักงานลำบากใจสิครับ คิดรวมจะได้เสร็จไว ๆ”
พนักงานเห็นทั้งสองคนโต้เถียงกันก็ทำหน้าไม่ถูก สรุปจะให้คิดแยกหรือคิดรวมกันแน่ สงสัยจะเป็นแฟนที่อยู่ในช่วงแง่งอนกัน แต่เมื่อเห็นว่านักศึกษาสาวนิ่งเงียบไปพร้อมกับใบหน้าบึ้งตึง เขาจึงได้คิดเงินรวมตามที่ลูกค้าชายบอก
ฉลามรีบนำโทรศัพท์ขึ้นมาแสกนจ่ายเงิน แล้วหยิบถุงที่พนักงานยื่นให้เดินล้วงกระเป๋าออกไปนอกร้านด้วยท่าทางอารมณ์ดี
น้ำค้างรีบก้าวเท้าเดินตามหนุ่มรุ่นพี่ นอกจากเขาจะเอาแต่ใจแล้วยังโรคจิตอีกต่างหาก ถ้ามีคนรู้จักผ่านมาเห็นเข้า คงจะคิดไปเลยเถิดว่าเขาต้องซื้อถุงยางมาใช้กับเธอแน่ ๆ
“เอาของกินฉันคืนมา แล้วเอาไอ้กล่องนั่นออกไปด้วย”
“ของฉัน?พูดผิดพูดใหม่ได้นะ พี่เป็นคนจ่ายเงิน แล้วจะเป็นของเธอได้ยังไง”
“บอกเลขบัญชีมา ฉันจะโอนคืนเดี๋ยวนี้เลย”
น้ำค้างเอ่ยพลางปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์มือถือ กดเข้าแอปธนาคารรออีกฝ่ายเอ่ยตอบ คิดว่าเธอไม่มีปัญญาจ่ายหรือไง
“แอดเฟรนด์พี่ก่อนสิ เดี๋ยวส่งเลขบัญชีให้”
“มุกจีบสาวเหรอ เชยชะมัด”
“จีบได้ไหมล่ะ”
“แบดบอยแบบพี่คงมีสาวในสต๊อกเยอะแล้ว ฉันไม่อยากไปแย่งพื้นที่คนพวกนั้นหรอก อีกอย่างฉันก็ไม่ชอบพวกมักมากในกาม”
“โอ๊ย”
น้ำค้างเอ่ยจบฉลามก็เปล่งเสียงอุทานราวกับเจ็บปวด พร้อมกับยืนงอตัวทำหน้าเหยเก ยกมือข้างที่ว่างขึ้นทาบอกข้างซ้าย
“พี่เป็นอะไร อย่ามาตายแถวนี้นะ”
ไม่รู้ว่าเขาแกล้งหรือป่วยจริง แต่คำพูดของน้ำค้างก็ทำให้ฉลามเงยใบหน้าทะเล้นให้อยู่ในระดับเดียวกับใบหน้าของเธอ ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว
“โดนน้องว่าแล้วมันโคตรเจ็บตรงนี้เลย”
เขาเอ่ยพลางชี้นิ้วไปยังหน้าอกข้างซ้ายของตน ก่อนจะเอ่ยต่ออีกประโยคพร้อมกับริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มยียวน
“สัญญาว่าถ้าได้น้องเป็นแฟน พี่จะเลิกยุ่งกับผู้หญิงทุกคน”
“ไปเลิกให้ได้ก่อนเถอะแล้วค่อยมายุ่งกับฉัน ฉันไม่ชอบผู้ชายหน้าหม้อ”
เธอรีบคว้าถุงในมือของฉลามตอนที่เขาเผลอ กางถุงออกแล้วหยิบกล่องใบเล็กสีน้ำเงินม่วงยัดใส่มือของหนุ่มรุ่นพี่
“เอาของบ้า ๆ นี่คืนไป”
“ของบ้า ๆ ที่ไหน พี่ซื้อเตรียมไว้ใช้กับคนแถวนี้เลยนะ”
คนตัวสูงกระตุกยิ้มโน้มใบหน้าหล่อเข้าไปเอ่ยกระซิบข้างหูของสาวรุ่นน้องเสียงเบาที่ได้ยินกันแค่สองคน ก่อนจะเลื่อนใบหน้ามาอยู่ในระดับเดียวกันกับน้ำค้าง ตอนนี้ใบหน้าของเธอเริ่มเห่อร้อนจนหูแดง พลันทำให้ใจดวงน้อยส่งเสียงเต้นดังคล้ายกับกลองที่กำลังถูกตีรัว
“อี๋ ไอ้โรคจิต เก็บไว้ใช้คนเดียวเถอะ”
น้ำค้างสูดหายใจเพื่อเรียกสติแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น พร้อมกับคำต่อว่าแบบไม่ดังมาก รีบจ้ำอ้าวหนีไปขึ้นรถด้วยอาการเขินอายอย่างบอกไม่ถูก
เธอจะมาแพ้ให้กับมุกอ่อยสาวของคนแบบนี้ไม่ได้นะ อย่าหลงกลผู้ชายคนนี้เป็นอันขาด
*****
หลายอาทิตย์ต่อมา
เทอมนี้ฉลามลงเรียนเต็มทุกคาบเพราะต้องเคลียร์หน่วยกิตให้สอบผ่านตามแพลนที่วางไว้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับออกสหกิจศึกษาตอนปีสี่ภาคเรียนที่หนึ่ง
ฉลามเดินไปยังลานจอดรถหลังจากเรียนเสร็จ โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ส่งเสียงดังขึ้น หลังจากหยิบขึ้นมาดูชื่อคนที่โทรเข้ามาริมฝีปากหยักก็กระตุกยิ้ม ปล่อยให้เสียงเรียกเข้าดังอยู่สักพักค่อยกดรับ
“ว่าไงยัยตัวแสบ”
(พี่เลิกเรียนรึยัง)
เสียงของปลาดาวเอ่ยถาม เธอคือน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา ตอนนี้เรียนอยู่มอหกและกำลังเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยแห่งนี้เหมือนกัน และที่โทรเข้ามาไม่รู้ว่าเพราะคิดถึงพี่ชายหรือมีเรื่องให้เขาปวดหัวกันแน่
“อืม มีอะไร”
(อยู่กับพี่ทะเลไหม)
“นี่จะโทรมาหาพี่หรือจะโทรหาพี่ชายของเธออีกคน”
น้องสาวของเขาค่อนข้างสนิทกับทะเล เพื่อนของเขาเคยไปเที่ยวที่บ้านบ่อยครั้ง และยังเคยไปเลี้ยงวันเกิดของปลาดาว ด้วยความใจดีและสุภาพของทะเลก็ส่งผลให้น้องสาวของเขามีพฤติกรรมดีขึ้น
(ก็ฉันมีการบ้านจะให้พี่ทะเลสอน หรือว่าพี่จะสอนฉันล่ะ)
“แค่นี้ก่อนนะ พี่ไม่ได้อยู่กับมัน เธอช่วยเหลือตัวเองไปก่อน ไม่งั้นก็ให้เพื่อนช่วยคิด”
คราแรกกะจะช่วยเหลือน้องสาวอยู่หรอก แต่สายตาของเขาดันเห็นรถของน้ำค้างขับผ่าน จึงเร่งฝีเท้าเดินไปที่รถ แล้วขับตามเธอออกไป ขณะที่มือถือก็กดเปิดลำโพง
(ฉันจะฟ้องแม่ว่าพี่หนีเที่ยวอีกแล้ว)
“ไม่ได้หนีเที่ยว เอางี้ ตอนนี้พี่ไม่ว่าง เดี๋ยวกลับถึงห้องแล้วจะไปหาไอ้ทะเลที่ห้องของมันให้ แล้วให้มันโทรกลับ โอเคไหม”
ฉลามเอ่ยต่อรองกับน้องสาว แม้ว่าเขาจะมอบความไว้วางใจให้เพื่อนรักอย่างทะเลคอยดูแลและสอนการบ้านตอนที่ปลาดาวโทรมาขอความช่วยเหลือ แต่ทุกครั้งก็ต้องผ่านพี่ชายอย่างเขาเสมอ
(โอเค ฉันจะรอ)
หลังจากวางสายของน้องสาว เขาก็จับจ้องไปยังรถตรงหน้าแล้วขับตามไปจนกระทั่งรถของน้ำค้างจอดที่ร้านคาเฟแห่งหนึ่ง ฉลามจึงขับไปจอดตรงที่ว่างแล้วดับเครื่องยนต์
