บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 10

ฮวาเจินเดินตีคู่ไปกับชุนเฟินโดยไม่รู้เลยว่ามีใครตามมาแอบมองอยู่แต่ชุนเฟินกลับรู้ตัวแสยะยิ้มชอบใจเหลียวหลังปรายตาเหยียดยิ้มส่งหาลี่ซื่อหมิงที่กำหมัดจะก้าวเดินเข้าไปหาอย่างร้อนรุ่มแต่เปยลี่ติงคว้าคอล็อกห้ามไว้ ชิงหรงมองตาปริบๆ เคี้ยวพุทราเชื่อม

“อยู่ที่นี่คงไม่ได้สบายใจสินะ”

“ต่างจากยามะตรงที่ไม่มีคนของท่านโชกุนติดตาม” ฮวาเจินอมยิ้มบางๆ มองชุนเฟินล้วงหยิบหยกคู่แกะสลักมายื่นให้ฮวาเจินหนึ่งอัน ส่วนอีกอันถือไว้ในมือด้วยรอยยิ้ม

“ข้าแกะหยกด้วยมือของข้าเพื่อมอบให้ท่าน หากถูกปฏิเสธข้าคงใจสลาย” คำพูดของชุนเฟินต่างจากคราวอยู่ยามะดั่งคนละคน ฮวาเจินมองหน้าชายหนุ่มช้าๆ ด้วยความอึ้งก้มมองหยกที่ยื่นมาตรงหน้าก่อนจะขมวดคิ้วนิ่งเงียบ

“เรารับของใครไม่ได้อีกแล้ว”

“ข้าไม่ได้สนว่าท่านผ่านอะไรมา สักวันหากท่านต้องการ ข้าจะพาท่านออกมาเป็นอิสระเหมือนกระเรียนที่จะต้องได้อยู่กับคู่ที่แท้จริง” รอยยิ้มอ่อนโยนมอบให้นางอีกครั้ง

“ชุนเฟิน…” ฮวาเจินยิ้มบางๆ มองหน้าชายหนุ่มก่อนยื่นมือรับหยก “เราดีใจที่เห็นท่านอยู่ที่นี่”

“ข้าเองก็สุขใจที่เจอท่านอีกครั้งอย่างเปิดเผย ดื่มชากับข้าสักครู่ได้หรือไม่”

“เมื่อครู่ข้าเห็นเจ้าดื่มชามาแล้ว ยังจะมาเกี้ยวหญิงที่มีราคี เจ้านี่เป็นคนแบบไหนกัน” เสียงเข้มดุดันดังเข้าแทรกก่อนตัวจะหลุดจากมือเปยลี่ติงเดินเข้ามาแทรกกลางก้มมองหยกในมือฮวาเจินที่กำแน่น ลี่ซื่อหมิงยื่นมือซ้ายจะหยิบหยกในมือนางออกแต่นางกำหยกแอบไว้ด้านหลังเดินไปยืนหลบอยู่ด้านหลังชุนเฟินทำให้ลี่ซื่อหมิงขมวดคิ้วเจ็บใจ

“เจ้าต่างหากเป็นบุรุษแบบไหนถึงทำท่าทีเช่นนี้ต่อหญิงงาม” ชุนเฟินยกแขนขวางทางลี่ซื่อหมิงที่ยื่นมือจับแขนฮวาเจินอย่างแรง ชิงหรงเหลือบมองเปยลี่ติงที่ยืนกอดอกมองดูอยู่ห่างๆ

“ท่านแม่ทัพไม่คิดจะห้ามจริงๆ หรือเจ้าคะ”

“ไม่ละ แบบนี้ก็สนุกดี” เปยลี่ติงหมุนตัวกลับเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม ชิงหรงเลิกคิ้วมองคนที่เดินไปก่อนหันกลับมองเหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง

“ข้าไม่สนว่าเจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับนาง แต่ตอนนี้นางคือฮูหยินของข้า ชีวิตของนางอยู่ในกำมือข้า” ลี่ซื่อหมิงกระชากแขนฮวาเจินดึงออกมาจากด้านหลังชุนเฟินจังหวะเดียวกับที่ชุนเฟินคว้าแขนอีกข้างของฮวาเจินรั้งไว้เช่นกัน

“เจ้าไม่สนว่าข้าเป็นอะไรกับนาง ข้าเองก็ไม่สนเช่นกันว่านางจะเป็นฮูหยินใคร”

“เจ็บ...” ฮวาเจินร้องเสียงหลงเมื่อแรงบีบของลี่ซื่อหมิงเพิ่มมากขึ้น ชุนเฟินปล่อยมือฮวาเจินทันทีอย่างห่วงใยก่อนมองหน้าลี่ซื่อหมิงที่เหยียดยิ้มดึงแขนฮวาเจินเดินออกไป ชิงหรงเดินเข้ามาหาชุนเฟินที่ยืนนิ่งมองตาม

“ปล่อยไปแบบนี้ ดีแล้วรึ” เสียงของชิงหรงทำให้ชุนเฟินหันมาสนใจสาวน้อยตรงหน้า

“ตราบใดที่ข้ายังไม่ได้ใจคุณหนูของเจ้า ข้าก็ไม่มีสิทธิ์ยื้อนางไว้ข้างกายเช่นกัน”

“ท่านคาชิระก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องคุณหนูข้าเช่นกัน” ชิงหรงชักมีดคู่ออกมาควงหมุนเล่น

“ไม่ใช่ตอนนี้ชิงหรง คนของลั่วหยางแข็งแกร่งเกินกำลังเจ้า อย่าเพิ่งทำอะไร” ชุนเฟินจับไหล่ชิงหรงห้ามปราม

“ก็ได้” ชิงหรงหมุนมีดเก็บเดินมุ่งหน้าไปที่จวน ชุนเฟินมองตามแล้วเดินเข้าไปที่ตรอกแคบๆ ลัดเลาะกลมกลืนชาวเมืองจากไป

จวนอ๋องสี่ ลี่ซื่อหมิงผลักตัวฮวาเจินขึ้นบนเตียงจนนางต้องประคองตัวหลับตาหยิบผ้าขึ้นมาผูกปิดตา ลี่ซื่อหมิงหันหลังยืนรินสุราใส่จอกก่อนเหวี่ยงจอกกระแทกผนังตกแตกทำให้ฮวาเจินสะดุ้งเฮือกคลำมือเดินไปทางประตู

“ข้าไม่สั่งเจ้าก็ไปไหนไม่ได้” ลี่ซื่อหมิงคว้าแขนฮวาเจินกระชากกลับมาหาตัว “อย่าลืมตัวว่าเจ้าเป็นคนของจวนนี้ คิดจะทำอะไร ควรให้เกียรติข้า”

“แล้วที่ท่านทำกับข้าน้อยเช่นนี้ สิ่งนี้คือการให้เกียรติหรือเจ้าคะ อยากได้เกียรติจากผู้อื่นแต่กลับไม่ให้เกียรติผู้อื่น แบบนี้มันยุติธรรมแล้วหรือเจ้าคะ” ฮวาเจินยกมือผลักอกลี่ซื่อหมิงที่นิ่งเงียบมองกลับก่อนคว้าข้อมือฮวาเจินดึงขึ้นเตียง มือสองข้างจับข้อมือหญิงสาวขึงตึงกดลงบนเตียงแล้วกดริมฝีปากลงบนปากเล็กๆ ที่เม้มขัดขืน

ปึก ปึก ปึก!

“พี่ซื่อหมิง! ” เสียงยี่หลัวตะโกนทุบประตูขัดจังหวะ ลี่ซื่อหมิงเด้งตัวออกปล่อยฮวาเจินเป็นอิสระ

“คงชอบมากสินะแบบนี้” วาจาเชือดเฉือนเอ่ยก่อนเดินไปเปิดประตูมองหน้ายี่หลัวที่พุ่งเข้ามาหาฮวาเจินนั่งก้มหน้าอยู่บนเตียง

“พี่ซื่อหมิง…” ยี่หลัวจูงมือฮวาเจินออกจากห้อง “ท่านพ่อเรียกพี่ไปพบ”

ลี่ซื่อหมิงมองฮวาเจินช้าๆ ก่อนเดินออกไป ยี่หลัวขมวดคิ้วมองชายหนุ่มเดินจากไปก่อนหันกลับมาหาฮวาเจินแล้วปลดผ้าปิดตานางออก

“เมื่อก่อนพี่ซื่อหมิงไม่ใช่คนโหดร้าย อ่อนโยนเสียด้วยซ้ำ จนกระทั่งเสียพี่ไป่ซินไป หัวใจพี่ซื่อหมิงเหมือนถูกกรีด ข้าเองก็เห็นใจแต่สิ่งที่ทำกับท่าน ข้าไม่เห็นด้วย ท่านไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่สมควรโดนแบบนี้ หากท่านต้องการไปจากที่นี่ ข้าจะพาท่านหนี”

“ชีวิตเราเจ็บปวดมามาก เรื่องแค่นี้เราทนได้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ไร้ความสุข” น้ำตาไหลลงช้าๆ รอยยิ้มเจือนๆ ส่งหายี่หลัวที่ยืนอยู่ทำตาละห้อยตรงหน้า

“ข้าจะร้องไห้ตามแล้วนะ พี่ซื่อหมิงนะพี่ซื่อหมิง ใจร้าย”

“หากอยู่กับชายที่ใจร้ายแล้วยังจะดื้อด้านทนอยู่ด้วยเหตุใด” ลี่เหมยหลิงสะบัดพัดเดินทอดน่องเข้ามาอ้อมหลังฮวาเจินด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ ยี่หลัวมองนางอย่างไม่ชอบใจ

“ชีวิตเราเป็นแบบนี้ไม่ว่าทางใดก็หลีกเลี่ยงไม่ได้”

“ช่างน่า...สมเพช จริงๆ เหมือนนกน้อยไร้เดียงสา ให้เทียบหญิงในหอนางโลม เจ้ายังเทียบไม่ติดเลยด้วยซ้ำ” สายตาจิกกัดเจ้าเล่ห์จ้องมองฮวาเจินที่เม้มปากมองหน้านางช้าๆ

“เจ้านี่ยังไงนะ ไม่อยู่ในที่ของตนมาวุ่นวายอะไรตรงนี้” ยี่หลัวเท้าเอวแทรกกลางจ้องหน้าลี่เหมยหลิง

“ข้าแค่หวังดี อยากให้นางมีความสุขไปอยู่กับคนที่รักนางจริงๆ เพราะถึงยังไงคุณชายซื่อหมิงก็ไม่มีทางเปิดใจยอมรับ หากเป็นข้าละก็ ข้ายอมหนีไปเสียดีกว่าอยู่อับอายผู้คน” คำพูดของลี่เหมยหลิงซึมซับเข้าหัวของฮวาเจินให้คิดตาม

“แล้วท่านละเหตุใดถึงยุแยงเราเช่นนี้ เราอยู่เพราะเราต้องอยู่แม้ว่าหัวใจใครจะตายไปแล้วก็ตาม ผิดจากท่านที่อยู่เพื่อรออะไรบางอย่าง เราพูดถูกหรือไม่” ฮวาเจินลุกขึ้นมองหน้าลี่เหมยหลิงที่อึ้งค้างกับคำพูดเรียบๆ แต่เยือกเย็นราวถูกน้ำแข็งเสียบแทงเข้าขั้วหัวใจ

“งั้นรึ หากไม่ได้เป็นเพราะเจ้า ข้าคงไม่ต้องอยู่สถานะแบบนี้หรอก” ลี่เหมยหลิงกระแทกเสียงอย่างโมโหเดินชนฮวาเจินออกไป ยี่หลัวมองตามอย่างไม่เข้าใจเท้าเอวทำปากมุบมิบแลบลิ้นปริ้นตาส่งท้ายก่อนหันมาหาฮวาเจินที่นิ่งคิดมองแผ่นหลังลี่เหมยหลิงห่างไปเรื่อยๆ ชิงหรงถือดอกหญ้าหยุดยืนมองตามสายตาฮวาเจินก่อนเดินตามลี่เหมยหลิงที่เดินเข้าห้อง มีดคู่ปักลงสกัดประตูไม่ให้ปิดก่อนที่ตัวจะมองซ้ายมองขวาเข้ามาดึงมีดเก็บ

“ฮูหยินรองพอจะมีเวลาคุยกับข้าหรือเปล่าเจ้าคะ” น้ำเสียงเชือดเฉือนของชิงหรงเอ่ยขึ้นพร้อมกระตุกยิ้มมุมปาก

“เข้ามาสิ” ลี่เหมยหลิงเปิดประตูต้อนรับก่อนปิดลงเมื่อชิงหรงเดินเข้าไปด้านในเรียบร้อย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel