บท
ตั้งค่า

บทที่2 คุกเข่าเรียกพ่อ

บทที่2 คุกเข่าเรียกพ่อ

ฟังคำของไป๋สู้สู้ ลู่เสี้ยงหยางกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว พร้อมถาม “จริงหรือ?”

แม้ว่าไป๋สู้สู้จะเยาะเย้ยถากถางเขาหลายครั้ง แต่เธอก็เป็นสาวงามที่พบเจอได้ยาก

“จริงสิ คำพูดของหญิงสาวมีค่าเสมอ แน่นอนว่าถ้านายหาเงินแสนนึงมาไม่ได้ ก็ต้องเอารองเท้าของฉันไปเลียให้สะอาด” ไป๋สู้สู้พูดพร้อมยกรองเท้าส้นสูงของเธอขึ้นมา

“ได้” ลู่เสี้ยงหยางตอบตกลงอย่างสบายใจ

แต่ทันทีที่เขาพูดจบ หลิวจิ้งแม่ยายของเขาก็ล้วงมือไปหยิบเงินหนึ่งร้อยหยวนจากกระเป๋าปาใส่หน้าของลู่เสี้ยงหยาง

“ไอ้คางคกอยากกินเนื้อหงส์ เล่นอะไรอยู่? นี่หนึ่งร้อยหยวนฉันจ่ายให้นายแล้ว ออกไปจัดการตัวเองซะ” หลิวจิ้งพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ กลัวว่าถ้าลู่เสี้ยงหยางอดกลั้นต่อไป จะมีความคิดนอกลู่นอกทางกับลูกสาวของเธอในตอนกลางคืน เมื่อกี้เจ้าคนไร้ประโยชน์นี่ยังมองไปที่เธอด้วย คงจะกลั้นไว้ไม่ไหวแล้วเป็นแน่

แต่ไม่รู้เกิดขึ้นได้ยังไง แท้จริงแล้วเธอกลับคิดถึงความรู้สึกที่ถูกลู่เสี้ยงหยางแอบมองแบบนั้น

ลู่เสี้ยงหยางก้มลงหยิบเงินหนึ่งร้อยหยวนขึ้นมาเงียบๆ

“ฮ่าฮ่าฮ่า! คนไร้ประโยชน์อย่างเขาเหมาะแค่กับผู้หญิงชั้นต่ำพวกนั้นนั่นแหละ” ไป๋สู้สู้หัวเราะขึ้นมา

เช้าของวันที่สอง ลู่เสี้ยงหยางที่ยังหลับฝันอยู่ก็ถูกคนถีบให้ตื่นขึ้นมา

พอลืมตาขึ้น ก็เห็นเย่สวนยืนมองเขาอยู่ด้วยสีหน้าเย็นชา “ลู่เสี้ยงหยาง รีบลุกจากเตียงเดี๋ยวนี้ พาฉันไปส่งที่หย่งหยวนกรุ๊ป

“รู้แล้ว” ลู่เสี้ยงหยางลุกขึ้นจัดการตัวเองนิดหน่อย จากนั้นจึงลงไปขี่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ลู่เสี้ยงหยางก็พาเย่สวนมาถึงล่างตึกของหย่งหยวนกรุ๊ป

รถมอเตอร์ไซค์ยังไม่ทันจอดดี เย่สวนก็เริ่มออกคำสั่ง “ลู่เสี้ยงหยางรีบกลับไปซะเดี๋ยวนี้ อย่าให้ใครมาเห็นนาย จะทำให้ฉันขายหน้า”

ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกขุ่นเคือง บีบคันเบรกสุดมือ ทำเอาเย่สวนล้มไปข้างหน้า ตัวแน่บชิดอยู่กับแผ่นหลังของลู่เสี้ยงหยาง

การสัมผัสใกล้ชิดแบบนี้ ทำให้จิตใจของลู่เสี้ยงหยางสั่นไหว

“นี่ ไอ้นักเลงที่สมควรตาย ทำอะไรของนาย? ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม?” ทันใดนั้นเย่สวนก็มีความรู้สึกเหมือนถูกเช็ดน้ำมัน ใบหน้าร้อนผ่าว ทั้งโกรธทั้งโมโห ถ้าไม่เห็นแก่ว่าทีนี่เป็นที่สาธารณะ ต้องยับยั้งชั่งใจ อยากจะเฆี่ยนตีลู่เสี้ยงหยางเอาเข้าจริงๆ

ลู่เสี้ยงหยางหัวเราะเบาๆ “ผมไม่ได้ตั้งใจ เมื่อกี้โดนตรงไหน มาผมลูบให้”

คำพูดนี้พอพูดออกมา เขาก็เสียใจทันที เย่สวนจะให้เขาลูบตรงนั้นไหม?

เย่สวนคิดแค่ว่าลู่เสี้ยงหยางจงใจแกล้งเธอ ใบหน้าเธอโกรธเกรี้ยว พอคิดจะสอนบทเรียนให้ลู่เสี้ยงหยาง เสียงหัวเราะของชายคนหนึ่งก็แทรกเข้ามา “แหม คุณเย่ คุณนี่ตรงต่อเวลาจริงๆ”

ลู่เสี้ยงหยางหันกลับไปเห็นผู้ชายสวมชุดสูทกับรองเท้าหนังขัดเงาก้าวลงมาจากรถปอร์เช่

เขาก็คือจางติ่งเทียนเจ้าของหย่งหยวนกรุ๊ป

จางติ่งเทียนมองข้ามลู่เสี้ยงหยางไปทันที เหมือนเป็นอากาศ แววตาเต็มไปด้วยตัณหา มองเย่สวนขึ้นลง แล้วพูดอย่างมีความหมายแอบแฝง “พวกเราเข้าไปคุยในบริษัทเถอะ”

“อืม!” เย่สวนเอ่ยปากตกลง เตรียมเดินตามจางติ่งเทียนเข้าไปในหย่งหยวนกรุ๊ป

ลู่เสี้ยงหยางร้อนรนเล็กน้อย ไอ้แก่จางติ่งเทียนแค่มองก็รู้ว่าบ้ากาม เย่สวนเดินตามเขาเข้าไป ไม่ใช่แกะเข้าถ้ำเสือเลยหรือ? รีบเอื้อมมือไปดึงแขนของเย่สวนแล้วพูดว่า “ที่รัก คุณไม่ใช่จะเอา10ล้านหรอ ผมจะต้องหาวิธีช่วยคุณได้แน่ คุณกลับบ้านกับผมตอนนี้เลย”

“ไปซะ อย่าอยู่ให้ฉันเสียเวลา!” เย่สวนปัดมือของลู่เสี้ยงหยางออกทันที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจ

จางติ่งเทียนในที่สุดก็หันไปมองลู่เสี้ยงหยาง ใบหน้าแสดงความยียวน “อ้าว แกคือไอ้สวะคนดังของเมืองปินเหอไม่ใช่หรอ? ใครบ้างไม่รู้ว่าแกอยู่บ้านล้างเท้าขัดรองเท้าให้เมียกับพ่อตาแม่ยาย ผู้ชายอ่อนแออย่างแกจะคิดวิธีหาเงิน10ล้านมา ฝันไปเถอะ ฮ่าฮ่าฮ่า”

“ประธานจาง คุณอย่าไปสนใจเขาเลย เขาไม่เข้าใจอะไร คุยกับเขาไปก็เสียเวลาของเราเปล่าๆ” ไม่รอดูท่าทีของลู่เสี้ยงหยาง เย่สวนพูดถากถางนำไปก่อน

“หึหึ” จางติ่งเทียนยิ้มอย่างประชดประชัน แล้วเอนหน้าไปกระซิบข้างหูลู่เสี้ยงหยาง “ไอ้กระจอก ฉันชื่นชมคนไร้ประโยชน์อย่างแกมากเลยนะ ชีวิตรันทดขนาดนี้ยังกล้าที่จะมีชีวิตอยู่ พูดก็พูดเมียแกนี่ตรงเวลาจริงๆ เธอแต่งกับแกมาสามปี แกไม่เคยได้แตะเธอแม้แต่ปลายผมล่ะสิ? ฮ่าฮ่า แกวางใจเถอะ คืนนี้ฉันจะใช้การลงทุนแลกเปลี่ยนกันทำให้เธอเชื่อฟังคำพูด ถ้าแกสนใจ ฉันจะถ่ายวิดีโอเก็บไว้ให้แกดูก็ได้”

“แก!”

เมื่อพูดคำนั้นออกไป หัวของลู่เสี้ยงหยางก็เหมือนระเบิดออกมา จางติ่งเทียนคิดจะใช้เงินทุนเพื่อนอนกับภรรยาของเขาจริงหรือ?

ทันใดนั้นเขากำหมัดแน่น มองไปที่เย่สวนแล้วพูดว่า “ที่รัก เมื่อกี้ไอ้แก่หน้าไม่อายนี่บอกว่าคืนนี้จะนอนกับคุณ คุณยังหวังว่าเขาจะให้เงินลงทุนกับคุณอีกหรอ?”

“เอ๋?” เย่สวนขมวดคิ้วทันที

ในใจจางติ่งเทียนแตกตื่น แต่ครู่เดียวก็สงบลง แล้วพูดว่า “ฉันจะมีความคิดเลอะเทอะแบบนั้นแล้วพูดกับแกหรอ? ที่นี่ไม่มีสามร้อยเหรียญโปรยอยู่บนพื้น ขอร้องล่ะ ถ้าจะใส่ร้ายคนก็คิดหน่อย!”

ได้ฟังคำพูดนั้น เย่สวนก็พยักหน้า รู้สึกมีเหตุผล ผู้ชายที่ไหนจะพูดเรื่องแบบนั้นออกมา? คิดว่าลู่เสี้ยงหยางต้องพูดมั่วซั่วแน่นอน

“นี่ ก่อนจะพูดหัดคิดก่อน อย่ามารบกวนฉัน” เย่สวนจ้องไปที่ลู่เสี้ยงหยาง แล้วหมุนตัวเดินเข้าตึกบริษัทไป

หน้าจางติ่งเทียนเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย ชูนิ้วกลางใส่ลู่เสี้ยงหยางแล้วหมุนตัวเดินเข้าตึกบริษัทตามเย่สวนไป

ลู่เสี้ยงหยางยิ้มอย่างเยือกเย็น ดูนาฬิกาแล้วคำนวณเวลา เมื่อเกือบถึงเวลาก็ขึ้นขี่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าบิดคันเร่งแล้วพุ่งไปข้างหน้า เกิดเสียงชนเข้าที่รถปอร์เช่ หน้ารถปอร์เช่ถูกกะเทาะสีออกเป็นรอยใหญ่

ผู้คนรอบด้านเยอะขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายต้องรบกวนรปภ. รปภ.ตัวสั่นโทรศัพท์ไปหาจางติ่งเทียน

“แม่งเอ้ย เป็นเด็กผีมาจากไหน รู้ไหมว่าแกชนรถอะไร? ปอร์เช่นะ!!! ราคา1.5ล้าน แกรอขายไตชดใช้ได้เลย” รปภ.ตะคอกเสียงใส่ลู่เสี้ยงหยางหลังวางสาย

หน้าตาลู่เสี้ยงหยางไม่แยแส ก็แค่รถปอร์เช่ไม่ใช่หรอ? ในสายตาของเขามันต่างอะไรกับรถของเล่นกัน?

จางติ่งเทียนกับเย่สวนรีบร้อนออกมาอย่างรวดเร็ว พอเห็นว่าคนที่ชนรถปอร์เช่คือลู่เสี้ยงหยาง เย่สวนตกใจจนขาแทบอ่อน จางติ่งเทียนใบหน้าเจ็บปวด แทบรอไม่ไหวที่จะกลืนกินชีวิตลู่เสี้ยงหยาง

“โง่! เชี้ย! จงใจใช่ไหม? แกรอดูว่าฉันจะลงโทษแกยังไง” จางติ่งเทียนจ้องเขม็งไปที่ลู่เสี้ยงหยางอย่างดุร้าย

ลู่เสี้ยงหยางทำทีหูหนวก เอนตัวไปหยิบอิฐจากแท่นวางดอกไม้ ออกแรงอย่างหนักหน่วง ทุบไปที่กระโปรงรถปอร์เช่เต็มแรง

ผั่วะ!

อิฐหักเป็นสองท่อน กระโปรงรถปอร์เช่จมเป็นหลุมขนาดใหญ่

กริบ!

ผู้คนรอบด้านต่างเงียบกริบ!

ไอ้บ้าคนนี้ไม่รักชีวิตแล้วหรอ? ค่าซ่อมแซมสูงลิ่วเกรงว่าเขาจะต้องชดใช้ไปชั่วชีวิต

“อ๋า!” เย่สวนตกตะลึง ทั้งโกรธทั้งโมโห แทบรอไม่ไหวที่จะตัดขาหมาทั้งสองข้างของลู่เสี้ยงหยาง ไอ้ขยะนี่จงใจหาเรื่องหรอ? เขาทุบอิฐก้อนนั้นลงไป น่ากลัวว่าค่าซ่อมแซมคงไปถึงหกหลักแล้ว เขาหาเงินมาชดเชยค่าซ่อมแซมไม่ได้ ท้ายสุดก็ไม่พ้นเธอต้องมาจ่ายเงินตรงนี้

“ดี ดี เด็กดี มีบุคลิกพอตัว มาดูกันว่าวันนี้ฉันจะฆ่าแกยังไง” จางติ่งเทียนโมโหจนหน้าเขียว รถปอร์เช่คันนี้เป็นเครื่องมือล่อสาวอันใหม่ของเขา คิดไม่ถึงว่าจะถูกลู่เสี้ยงหยางทุบจนย่อยยับขนาดนี้

“รอชดใช้เงินให้กูเถอะ ชดใช้ไม่ไหว ฉันต้องเอาแกเข้าไปนั่งในคุกแน่” จางติ่งเทียนชี้อย่างคุกคามไปที่จมูกของลู่เสี้ยงหยาง

ลู่เสี้ยงหยางยักไหล่แล้วพูดว่า “ก็แค่รถปอร์เช่คันนึงพังเองไม่ใช่หรือไง? ฉันชดใช้ให้แกสิบคันเลย”

ฮือฮา!

คำพูดนี้ออกไป ผู้คนทั้งสนามเสียงดังอื้ออึง ไอ้เด็กคนนี้น้ำเสียงไม่เบา รถปอร์เช่สิบคัน? ต่างคิดว่าเขาคือลูกเศรษฐี?

แต่ถัดจากนั้นก็เป็นเสียงหัวเราะกึกก้อง ทุกคนต่างมองลู่เสี้ยงหยางราวกับมองคนบ้า

เย่สวนไม่มีหน้าจะอยู่ตรงนี้อีกแล้ว เรื่องของไอ้ขยะนี้ไม่มีอะไรเลย ขี้โม้โอ้อวด จ้องเขม็งไปที่ลู่เสี้ยงหยางอย่างโกรธเกลียด “ขยะ ยังไม่ไสหัวไปให้พ้นหน้าฉันอีก”

แล้วตามด้วยการหันไปยิ้มกับจางติ่งเทียนพร้อมพูดว่า “ประธานจาง ต้องชดใช้เท่าไหร่ ถึงเวลาฉันจะชดใช้ให้คุณ”

จางติ่งเทียนสาปแช่ง “ฉันไม่ต้องการการชดใช้ ฉันจะเอามันเข้าคุก ให้มันเสียใจที่เกิดเป็นคน!”

หลังจากนั้น ลู่เสี้ยงหยางกลับบ้านไปกับเย่สวน

เย่สวนดุด่าใส่หน้าลู่เสี้ยงหยางไปชุดใหญ่ แล้วยังไล่เขาออกจากบ้าน ให้เขาสำนึกตัวอยู่ข้างนอกหนึ่งวัน

ลู่เสี้ยงหยางแอบเดินออกไป ถึงธนาคารจื่อจิน

ที่ธนาคารจื่อจินนี้เป็นหนึ่งในธนาคารชั้นนำไม่กี่แห่งของประเทศ และยังเปิดให้บริการเฉพาะผู้มีฐานะเท่านั้น

เย่สวนต้องการเงิน10ล้านไม่ใช่หรอ เขาจะถอนเงินออกมาเดี๋ยวนี้ เอาไปให้เย่สวน

เข้าแถวไปครึ่งวันถึงถึงคิวของลู่เสี้ยงหยาง

พนักงานในหน้าต่างเป็นสาวสวยที่สวมแว่นตา มองดูหน้าตาไร้ราศีของลู่เสี้ยงหยาง ท่าทางของเธอก็ดูเย็นชา ถามขึ้นอย่างเฉยเมย “นายมาผิดธนาคารหรือเปล่า? ต้องการทำธุระอะไร?”

ลู่เสี้ยงหยางเอ่ยตอบ “ผมจะถอนเงิน10ล้าน”

สาวแว่นมองลู่เสี้ยงหยางหัวจรดเท้า แล้วหัวเราะเยาะตอบ “คนจนคนนึง จะพูดโม้ก็ไม่ดูสถานที่ ถ้าคนอย่างนายมีเงิน10ล้าน งั้นฉันไม่มีเป็นร้อยล้านหรอ?”

“งั้นหรอ?” ลู่เสี้ยงหยางไม่สนใจ หยิบบัตรธนาคารของเขาออกมาแล้วโยนเข้าไป “ถอนเงิน”

บัตรธนาคารใบนี้เป็นรูปการ์ตูนสีดำ ด้านหลังมีดอกไม้บานสีม่วง ดูคล้ายกับดอกไม้สีทองที่กำลังลุกไหม้

สาวแว่นดูเหมือนจะรู้จักบัตรธนาคารนี้ แต่กลับไม่สนใจ อดไม่ได้ที่จะโกรธมากขึ้นแล้วดุว่า “โง่นักใช่มั้ย ไว้หน้าให้แล้วยังเตะจมูกขึ้นหน้า ฉันไม่มีเวลาให้เรื่องไร้สาระของแก รีบไปซะ ไม่งั้นฉันจะเรียกรปภ.”

ลู่เสี้ยงหยางอึ้งไป นี่เป็นบัตรดำชั้นหนึ่งของธนาคารนี้ เธอไม่รู้จักด้วยซ้ำ

เห็นลู่เสี้ยงหยางอึ้งอยู่ไม่ขยับ สาวแว่นก็เริ่มเรียกรปภ.

ด้วยความรวดเร็ว รปภ.วิ่งเข้ามาล้อมรอบลู่เสี้ยงหยาง รอบด้านเต็มไปด้วยเสียงเหน็บแนมต่างๆ

“นายนี่เป็นเด็กปัญญาอ่อน วิ่งหนีมาจากโรงพยาบาลบ้า”

“ใช่แน่ๆ เขาถอนเงิน10ล้านได้ ฉันก็เป็นคนรวยที่สุดในโลกแล้ว”

“ฮ่าฮ่าฮ่า หรือว่าที่เขาอยากได้คือเงินกงเต๊ก?”

ท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะต่างๆนาๆ ผู้จัดการสาวสวยขายาวเดินลงมาจากชั้นบน กำลังเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก เดินมาเจอรปภ.ที่ลายล้อมลู่เสี้ยงหยางอยู่พอดี ความขยะแขยงแผ่ไปทั่วใบหน้าของเธอ พวกคนจนสร้างปัญหาอีกแล้วสินะ

“เอ๋ ไม่ใช่นี่ รอเดี๋ยว!” ทันใดนั้นเธอก็เหลือบไปเห็นบัตรสีดำชั้นหนึ่งที่วางอยู่บนเคาร์เตอร์ สาวสวยขายาวย่อลง นั่งลงกับพื้น

“หยุด...หยุดมือ หยุดมือเร็วเข้า! ผู้จัดการสาวสวยขายาวร้องออกมาอย่างตื่นตกใจ ราวกับว่าวันสิ้นโลกกำลังจะมาถึง!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel