2
“พระเจ้า! คุณเองก็อายุน้อยกว่าผมแค่สองปีนะหมอ” เขาตอกกลับอย่างไม่พอใจ
“อ้อ! อีกอย่างเธอกลัวคุณครับ เธอถามผมว่าพอจะแนะนำทนายให้เธอได้หรือเปล่า เพราะเธออยากจะหย่า” ธาดาปล่อยหมัดเด็ดทันใด ใช่! ประโยคหลังนี่ม่านรดาไม่ได้พูดหรอก เขาเสริมเอง!
“ไม่มีทาง! ผมไม่มีวันหย่ากับภรรยาอย่างเด็ดขาด” มักซิมิเลียนบอกก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้าตึงๆ เพราะไม่พอใจคำพูดของนายแพทย์หนุ่มที่เป็นดั่งหนามยอกอก ซึ่งหากขืนอยู่นานกว่านี้ตนคงจะอดใจไม่ไหว เผลอไปต่อยปากของอีกฝ่ายเข้าแน่ๆ
มักซิมิเลียนปรับสีหน้าก่อนจะเปิดประตูห้องพักวีไอพีออก แล้วเดินเข้าไปหาภรรยา ทันทีที่เห็นใบหน้าซีดเซียวของสาวเจ้า ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนมาใส่ชุดลำรองเตรียมพร้อมจะกลับบ้าน เขาจึงรีบเข้าไปถามอย่างเป็นห่วง “เป็นยังไงบ้างครับ”
“ม่านขอดูรูปงานแต่งของเราได้ไหมคะ แล้วคุณก็ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าเราเจอกันได้ยังไง” ม่านรดายิงคำถามใส่ชายผู้มีสถานะเป็น สามีอย่างรู้สึกหวาดระแวง แม้ว่าทั้งพยาบาลและหมอจะบอกว่าเธอกับเขาแต่งงานกันแล้ว แต่ในหัวของเธอไม่มีความทรงจำใดๆ ของเขาหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
“ได้ครับ” มักซิมิเลียนเอ่ยก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นมาถือ แล้วจูงมือของสาวเจ้าให้ออกเดินจากห้องพักไปด้วยกัน
“คุณต้องให้หนูดูรูปแต่งงานก่อนค่ะ” ม่านรดารีบสะบัดข้อมือออกจากอีกฝ่ายอย่างตกใจ
มักซิมิเลียนกลอกตาก่อนจะล้วงมือถือออกมา แล้วเปิดรูปตอนงานแต่งที่เซฟเอาไว้ให้สาวตรงหน้าดู “นี่ครับ”
“รูปตัดต่อหรือเปล่าคะ?” ม่านรดารู้สึกเหมือนเข้านอน แล้วตื่นขึ้นมาอีกที มีผัว เอ๊ย! มีสามี แถมอีกฝ่ายยังดู...โซฮอตสุดๆ
“พี่มีรูปพวกนี้อีกเป็นร้อยๆ ใบครับ อยู่ในอัลบั้มรูปที่บ้าน อ้อ! มีคลิปวิดีโอตอนที่พี่ขอน้องม่านแต่งงานด้วยนะ”
“...” ม่านรดาเห็นรูปถ่ายของตัวเอง ที่สวมชุดเจ้าสาวแสนสวยยืนเคียงคู่อยู่กับผู้ชายตรงหน้าก็อึ้งจนพูดไม่ออก รู้สึกเหมือนเธอได้เดินทางข้ามเวลามายังอนาคตยังไงอย่างงั้น
“ไปหาอะไรกินกันเถอะครับ เดี๋ยวเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในนี้จะหิวเอานะ” มักซิมิเลียนเอ่ยเย้าพร้อมกับส่งยิ้มไปให้แม่ของลูก
“เจ้าตัวเล็ก?”คนที่ยังไม่หายช็อกเรื่องมีสามี ถึงกับสตั๊นไปทันใด
“ใช่ครับ! ลูกของเรา อ้าว! นี่คุณหมอยังไม่ได้บอกเหรอครับ” มักซิมิเลียนถามกลับอย่างแปลกใจ
“...” ม่านรดาส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบที่บริเวณหน้าท้องของตัวเองเบาๆ ขณะเดียวกันก็รู้สึกเหมือนพื้นห้องที่ยืนอยู่เริ่มจะเอียงมากขึ้นเรื่อยๆ
“โอเค! งั้นพี่บอกหนูเลยแล้วกันว่าเรากำลังจะมีลูกครับ” เขาเอ่ยยังไม่ทันขาดคำ ก็รีบเข้าไปประครองภรรยาคนสวยที่ทำท่าจะเป็นลม
“คนไข้เป็นอะไรครับ” ธาดาที่เดินตามมาเพื่อจะห้ามไม่ให้ หนุ่มหล่อคนดัง พูด เรื่องตั้งครรภ์ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันซะแล้ว
“ภรรยาผมเป็นลมครับ” มักซิมิเลียนอุ้มภรรยาคนสวยเดินกลับไปยังเตียงนอนคนไข้ และค่อยๆ วางเธอลงอย่างเบามือ
“ผมว่าให้คนไข้นอนพักดูอาการที่นี่อีกสักคืนดีไหมครับ” ธาดาเอ่ยแนะนำด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ก็ได้ครับหมอ” มักซิมิเลียนพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เพราะบ้านพักในไร่ชาอยู่ไกลจากโรงพยาบาลในตัวเมืองพอสมควร หากเกิดอะไรขึ้นตนก็เกรงว่าจะมาไม่ทันการ
“คุณต้องค่อยๆ บอกและทำความเข้าใจกับคนไข้ใหม่นะครับ ตอนนี้เธอคิดว่าตัวเองยังเรียนอยู่ปีสาม อาจจะรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ยังไม่ได้ รวมไปถึงเรื่องความสัมพันธ์บนเตียง”
“หมายความว่ายังไงครับ?” มักซิมิเลียนหน้าตึงขึ้นมาอีกครั้ง
“เมื่อวานคุณอาจจะเป็นสามีของคนไข้ แต่วันนี้ตอนนี้คุณคือชายแปลกหน้า ถ้าคุณก้าวกระโดดและพยายามจะมีความสัมพันธ์แบบสามีภรรยา เธอจะคิดว่าตัวเองกำลังถูกชายแปลกหน้าข่มขืนครับ” ธาดาขยายภาพให้อีกฝ่ายเห็นชัดขึ้น
“โอ้พระเจ้า!” มักซิมิเลียนอุทานอย่างตกใจกับคำพูดที่ค่อนข้างทำร้ายความรู้สึกของตนเป็นอย่างมาก
“หมอถึงบอกไงครับ..คุณต้องทำความรู้จักกับภรรยาใหม่” ธาดายกยิ้มมุมปากขึ้นนิดๆ ก่อนจะขอตัวเดินออกไปข้างนอก เพื่อแจ้งว่าคนไข้จะแอดมิดที่โรงพยาบาลต่ออีกคืน
มักซิมิเลียนดึงผ้าห่มผืนบางๆ ขึ้นมาคลุมตัวให้ภรรยา และนั่งมองใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นอย่างรู้สึกผิด กับหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นจากความแค้นของตน ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งตกมาอยู่ในขุมนรก ที่เขาเป็นคนโยนเชื้อเพลิงใส่ เพื่อแผดเผาหัวใจของเธอให้มอดไหม้อย่างไร้ความปราณี
4 เดือนก่อน...หลังจากที่ม่านรดาเรียนจบปริญญาตรีหมาดๆ ก็เตรียมตัวเดินทางไปเที่ยวยังไร่กาแฟที่อยู่บนดอยในจังหวัดเชียงราย ตามคำแนะนำของเจ้าของร้านกาแฟที่เธอมักจะไปนั่งดื่มเป็นประจำ ตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่งจนถึงกระทั่งเรียนจบปีสี่
ก่อนออกเดินทาง เธอก็ไม่ลืมแวะเข้าไปในร้านกาแฟ เพื่อสั่งเครื่องดื่มเมนูโปรดที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและซู่ซ่า เหมาะแก่วันดีๆ แบบนี้เป็นอย่างมาก
“สวัสดีค่ะพี่เดือน เอากาแฟเสาวรสโซดาเหมือนเดิมค่ะ”
“สวัสดีค่ะ น้องม่าน วันนี้จะไปไหนคะเนี่ย?” ดวงเดือนเอ่ยถามพร้อมกับจ้องมองเด็กสาวที่สวยดุจดอกไม้แรกแย้ม ผมสีดำเงาดุจแพรไหม ยาวถึงครึ่งแผ่นหลัง ใบหน้าจิ้มลิ้มที่เรียวงาม ดวงตากลมโตถูกรายล้อมไปด้วยขนตาที่งอนและยาว รับกับจมูกที่โด่งนิดๆ และริมฝีปากรูปกระจับอันอวบอิ่ม ทุกองค์ประกอบของเครื่องหน้า ล้วนไม่ได้ผ่านมีดหมอหรือคลินิกเสริมความงามแต่อย่างใด กำลังลากกระเป๋าเดินทางขนาด 16 นิ้ว สีเขียวมิ้นท์พาสเทล เดินเข้ามาในร้านกาแฟด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนเช่นทุกๆ ครั้ง
“ม่านจะไปเที่ยวไร่กาแฟตามที่พี่เดือนบอกค่ะ”
“อ้าว! จะไปจริงๆ เหรอคะ?” ดวงเดือนถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะเธอแค่กระตุ้นเล่นๆ ไปตามประสาเจ้าของร้านกาแฟ ที่ชอบ สปอยล์แหล่งที่ไปที่มาของเมล็ดกาแฟคั่ว เพื่อเพิ่มความรู้และมนต์เสน่ห์ให้ลูกค้าที่มาอุดหนุนเพียงเท่านั้น ไม่คิดว่าเด็กสาวจะอยากไปตามคำบอกเล่าจริงๆ
“ค่ะ” ม่านรดาพยักหน้ารับอย่างขำๆกับสีหน้าแปลกใจของเขา
“แล้วได้ที่พักหรือยังคะ”
“ได้แล้วค่ะ เป็นรีสอร์ตที่อยู่ใกล้ๆ กับไร่กาแฟเลย”
“แหม...อย่าลืมถ่ายรูปส่งมาให้พี่ดูด้วยนะ วันนี้พี่เลี้ยงฟรีจ้ะ ส่วนอันนี้เอาไว้ทานตอนหิว” ดวงเดือนส่งกาแฟที่ทำเสร็จไปให้พร้อมกับแซนด์วิช
“ขอบคุณมากๆ ค่ะ ม่านไปก่อนนะคะ” ม่านรดายกมือไหว้ ก่อนจะหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาถือ
“จ้ะ” ดวงเดือนขานรับพร้อมกับโบกมือให้เด็กสาว
ม่านรดาฉีกยิ้ม แล้วหมุนตัวเดินกลับไปยังด้านหลัง แต่ทว่า...กลับชนเข้ากับใครบางคนอย่างจัง “อ๊ะ!”
ซ่า...
“โอ้พระเจ้า!” มักซิมิเลียนอุทานออกมาอย่างตกใจ
“ขะ...ขอโทษค่ะ” ม่านรดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นๆ อย่างรู้สึกผิดที่แก้วกาแฟเย็นในมือหกเลอะเสื้อสูทของชายหนุ่มลูกครึ่งที่น่าจะสูงเกิน 190 เซนติเมตรเห็นจะได้
“ให้ตายสิ! นี่ผมกำลังจะเข้าประชุมนะ” มักซิมิเลียนสบถออกมาอย่างหัวเสีย หลังได้กลิ่นกาแฟและไซรัปกลิ่นเสาวรสลอยคุ้งในอากาศ
“เอ่อ...คือว่า...หนูขอโทษอีกครั้งนะคะ หนูไม่ได้ตั้งใจจะ...”
“ไม่ต้องขอโทษ เธอมีเวลาหนึ่งชั่วโมง ทำให้คาบกาแฟนี่หายไป” เขาตอบกลับด้วยสายตาขวางๆ
“คะ...คือว่า...”
