บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

ณ แคว้นเหมิงอันกว้างใหญ่ หิมะกำลังโปรยปรายลงมาอย่างหนักกระทั่งสายลมยังแรงยิ่งทั้งพัดเอากิ่งไม้ปลิวมาเคาะหน้าต่างโรงเตี๊ยมที่อันซูเซี่ยนอนอยู่กระทั่งเกิดเสียงดัง

แม่นมเผิงซึ่งเป็นสตรีร่างท้วมลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะเสียงอันดังสนั่นหวั่นไหวของกิ่งไม้ที่กระแทกบานหน้าต่างไม่หยุด

ยามนี้คงถึงเวลายามเหม่า แล้วพวกนางต้องเร่งออกเดินทางตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางจึงถือว่าเสียงดังนั้นช่วยปลุกนางให้ตื่นขึ้นพอดี

นางยันกายลุกขึ้นกระชับเสื้อนวมอุ่นพร้อมกับเก็บที่นอนของตนเองจนเรียบร้อยจากนั้นจึงค่อยย่องออกจากห้องเพื่อไปสั่งให้สาวใช้เตรียมน้ำอุ่นเพื่อรอปรนนิบัติให้องค์หญิงล้างหน้าถูฟัน

เพราะอากาศทั้งหนาวทั้งชื้นจึงทำให้รู้สึกไม่สบายตัวบัดนี้กระถางไฟในห้องก็ดับมอดใกล้จะหมดแล้วนางจึงไม่อยากรบกวนองค์หญิงของตนเองให้ตื่น อย่างน้อยให้องค์หญิงได้หลับตาเพิ่มอีกสักหน่อยก็ยังดี

ทว่าเท้าของนางยังไม่ทันก้าวพ้นประตูน้ำเสียงหวานปนแหบของอันซูเซี่ยพลันดังขึ้น

“แม่นมจุดเทียนเถิด ข้าตื่นแล้ว”

แม่นมเผิงเอ่ยด้วยสุ้มเสียงอ่อนโยนยิ่ง

“ไยรีบตื่นเล่าเพคะ เมื่อคืนกว่าพวกเราจะเดินทางมาถึงที่นี่ก็กินเวลาไปถึงดึกแล้ว”

“เสียงไม้กระแทกหน้าต่างดังเช่นนี้ข้าข่มตานอนไม่หลับ”

แม่นมเผิงหมุนกายกลับมา เพ่งดวงตามองเรือนร่างลาง ๆ ที่นอนอยู่บนที่นอนอุ่นก่อนจะเดินกลับไปหาหญิงสาวนางนั้นแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมจนถึงปลายคาง ห่อตัวนางให้แน่นหนาขึ้น

“เช่นนั้นรอบ่าวสักครู่นะเพคะ ประเดี๋ยวบ่าวไปจัดเตรียมน้ำอุ่นเสียก่อน”

“อืม”

แม่นมเผิงลุกขึ้นจากนั้นจึงเดินไปจุดตะเกียงน้ำมันจนสว่างไปทั้งห้อง

บัดนี้จึงเผยโฉมหน้าดรุณีน้อยนางหนึ่งที่ใบหน้าเลอโฉมดุจดวงจันทร์ ผิวพรรณขาวประดุจหิมะ แม้ว่าสีหน้าจะขาวไร้เลือดฝาดด้วยเพราะเพิ่งตื่นนอนแต่กลับยิ่งขับเน้นความงดงามโดดเด่นของนางให้มากยิ่งขึ้น

ยามแม่นมเผิงกลับมาพร้อมสาวใช้อีกสามคนอันซูเซี่ยก็ลุกขึ้นนั่งและขดกายอยู่ในผ้าห่มท่าทางประดุจหนอนผีเสื้อตัวหนึ่งแล้ว

แม่นมเผิงยกมือทาบอกอุทานเสียงแผ่วเบา

“ตายแล้ว องค์หญิงมิอาจนั่งท่าไม่สำรวมนี้ได้นะเพคะ บ่าวสอนไปตั้งกี่ครั้งแล้ว”

อันซูเซี่ยถอนหายใจยาว ปล่อยให้บ่าวพวกนั้นปรนนิบัติตนล้างหน้าหวีผมทั้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

“ข้ายังจำได้ที่แม่นมสอนข้า แต่ยามนี้ยังไม่เข้าเมืองหลวงท่านก็ปล่อยให้ข้าเป็นอิสระเถิด หลังจากนั้นข้าคงไม่ได้ทำอะไรเช่นนี้อีกแล้ว”

แม่นมเผิงรู้สึกสงสารองค์หญิงน้อยของตนยิ่งนัก เพราะสองแคว้นต้องการเชื่อมสัมพันธ์ องค์หญิงอันซูเซี่ยซึ่งเติบโตมาในแดนสู่ซึ่งเป็นดินแดนแห่งสรวงสวรรค์อันเร้นลับจำต้องเข้าอภิเษกเพื่อเป็นฮองเฮาให้กับฮ่องเต้แคว้นเหมิงต้าหลง

หลังจากที่อ๋องผู้ครองแดนสู่บิดาขององค์หญิงอันซูเซี่ยพยายามถ่วงเวลามาเนิ่นนานจนกระทั่งองค์หญิงได้เข้าสู่วันสิบเจ็ดปีแล้วก็ไม่อาจรั้งเวลาเอาไว้ได้อีก ด้วยฝ่าบาทแคว้นเหมิงมีพระชนม์มายุถึงยี่สิบห้าพรรษาแล้วแต่กลับยังไม่มีบุตรกับนางสนมคนใด

แดนสู่นี้คนภายนอกแทบจะไม่รู้ว่า เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยภูเขาสูง มีอากาศหนาวตลอดทั้งปีและยังรายล้อมไปด้วยน้ำพุสวรรค์ที่เมื่อได้ดื่มกินยิ่งทำให้ร่างกายแข็งแรงทั้งยังมีใบหน้างดงามผิวพรรณอ่อนเยาว์อย่างที่ยากจะหาแดนใดเปรียบ

เดิมทีคนแดนสู่มักไม่นิยมแต่งงานกับคนต่างแคว้นเพื่อครองสายเลือดบริสุทธิ์เอาไว้ เป็นการยากมากที่พวกเขาจะยอมตอบรับการสู่ขอของคนจากแคว้นอื่น

และยังมีข่าวลือหนาหู ว่าสตรีแดนสู่นั้นใช้ชีวิตประดุจแม่ชีพวกนางเคยออกเรือนไปกับคนต่างแคว้นแต่เรื่องบนเตียงกลับจืดชืดยิ่งล้วนทำให้สามีเบื่อหน่ายสุดท้ายต้องหย่าร้าง

และความจืดชืดนี้มิได้มีเพียงลีลารักบนเตียง แต่ยังรวมไปถึงใบหน้าที่จืดชืดจนทำให้คนที่พบเห็นล้วนรู้สึกหมดอารมณ์สนุก

ดังนั้นไม่ว่าบุรุษใดล้วนไม่ต้องการได้คนแดนสู่เป็นภรรยา นอกจากบุรุษแดนสู่ด้วยกันเอง

ทว่ายามนี้ด้วยสัญญาหมั้นหมายที่อดีตฮ่องเต้ทำเอาไว้กับอดีตอ๋องของแดนสู่ในยามที่พวกเขาเคียงบ่าเคียงไหล่ออกรบเพื่อกำจัดศัตรูที่เข้ามารุกรานสองดินแดนในสนามรบจนกลายเป็นสหายร่วมสาบาน และทำสัญญาหมั้นหมายเอาไว้

ทว่าอดีตฮ่องเต้แดนสู่ที่มีพระชายาเพียงคนเดียวกลับไม่มีพระธิดา แต่สัญญานั้นยังคงผูกพันมาถึงฮ่องเต้คนปัจจุบันที่เป็นบิดาของอันซูเซี่ยที่ต้องส่งบุตรสาวของตนให้หลานชายที่ขึ้นเป็นฮ่องเต้แคว้นเหมิงโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง

อันซูเซี่ยเป็นบุตรสาวคนเล็กจากทั้งหมดสามคนของอ๋องแดนสู่ พี่สาวของนางทั้งสองคนได้แต่งกับขุนนางคนสำคัญในแดนสู่ไปแล้ว เขาจึงจำต้องส่งบุตรสาวคนเล็กไปเป็นฮองเฮายังต่างแคว้นด้วยคราบน้ำตาด้วยคิดว่าบุตรสาวคนเล็กนั้นไร้เดียงสายิ่งนัก

นั้นตั้งแต่นางรู้ความก็ถูกส่งไปฝึกฝนการบำเพ็ญเพียรที่สำนักชีหุบเขาหนี่หวาอันเป็นหุบเขาที่สูงที่สุดในแดนสู่

การพบบุรุษของนางนั้นจึงแทบจะนับครั้งได้ ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์นี้จึงยิ่งทำให้อ๋องเมืองสู่เป็นกังวลกับความไร้เดียงสาของบุตรสาวนัก เขากลัดกลุ้มจนกินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายวัน

นี่เป็นครั้งแรกที่องค์หญิงน้อยอันซูเซี่ยได้ออกจากหุบเขาอันงดงามของตนเอง นางต้องกลายมาเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้หนุ่มผู้หนึ่งซึ่งนางไม่เคยเห็นเขามาก่อน แน่นอนว่านางนั้นย่อมตื่นเต้นปนหวาดกลัวด้วยไม่อาจระงับจิตใจได้

คำสั่งของมารดาของนางก่อนที่จะส่งนางขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวก็คือ ต่อไปสามีคือครอบครัวของนางแล้วดังนั้นขอให้นางจงเชื่อฟังสามีให้ดีที่สุด ตามหลักสี่คุณธรรมสามคล้อยตาม

“เพคะท่านแม่ลูกจะเชื่อฟังสามีตามคำที่ท่านแม่สั่งสอนเพคะ”

สตรีสองนางร่ำไห้ในวันจากลา และบิดาของนางก็ทอดสายตามองพระธิดาคนเล็กด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์

“ไม่ต้องห่วงไปนะ พ่อได้ส่งจดหมายถึงฝ่าบาทโดยตรงให้ปกป้องคุ้มครองลูก หากมีผู้ใดทำให้เจ้าเดือดเนื้อร้อนใจให้เจ้ารีบส่งข่าวให้พ่อรู้ พ่อจะรับเจ้ากลับทันที”

“ลูกเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ขอท่านพ่อ ท่านแม่รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าคะ ลูกอกตัญญูต้องจากแดนไกลไม่มีโอกาสทดแทนคนท่านพ่อท่านแม่แล้ว”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel