บท
ตั้งค่า

2. จูบแรก

หลังจากนั้นทุกคนก็ร่วมทำกิจกรรมรับน้องจนโดนรุ่นพี่เอาสีมาป้ายหน้าจนไม่รู้หน้าใครเป็นใคร โดยเฉพาะนรินดาที่สวยจนรุ่นพี่มารุมทาที่หน้าของเธอจนเละไปหมด แถมไม่ยอมให้ล้าง จนกว่าเธอจะหาพี่รหัสของเธอให้เจอ แล้วตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกไม่ถึงสามสิบนาทีแล้ว เธอต้องรีบหาให้เจอ

จนเธอเห็นรุ่นพี่คนหนึ่งมองมายังเธอ เธอก็คิดได้ว่าพี่เขาชื่อธามนิ ธามแปลเป็นไทยก็คือเวลา หรือว่าจะเป็นพี่เขานะ นรินดาคิดได้ดังนั้นก็เดินปรี่ไปหารุ่นพี่คนนั้นทันที

“ขอโทษนะคะพี่ธาม พอดีโน๊ตที่เขียนไว้มันตรงกับพี่เลยอ่ะค่ะ ไวน์ก็เลยอยากถามว่าพี่ใช่พี่รหัสของไวน์ไหมคะ คนบ้าพลัง ชอบการท่องเที่ยว รักการถ่ายรูป ชื่อคือกาลเวลา หน้าตาเอาไว้ปล้นใจ ใช่พี่ธามไหมคะ” นรินดาถามไปก็มองหน้าของชายตรงหน้าไปแบบลุ้นๆ เขาก็หล่อดีอ่ะนะ แต่ก็ยังไม่ใช่สเปคของเธอ

“ฮ่าๆ กูถามจริงไอ้ธามว่ามึงเขียนแบบนั้นจริงๆ ฮ่าๆ”วีรภาพเอ่ยแซวเพื่อนหนุ่มไปแบบขำๆ ที่ได้ฟังคำพูดของรุ่นน้องที่อ่านโน๊ตออกมา

“เออกูนี่แหละ อ่อ พี่นี่แหละพี่รหัสของน้องเอง แต่จะมาเป็นน้องรหัสพี่มันไม่ง่ายนะ ไหนเต้นเพลงมัดหมี่ กับเพลงนกกระยางโชว์หน่อยสิ เต้นเสร็จแล้วก็แล้วตะโกนดังๆว่า ไวน์รักที่ธามที่สุดสามครั้ง เอาให้เพื่อนๆทุกคนหันมามองน้องอ่ะ แล้วพี่จะรับเป็นน้องรหัส” ธีรภัทรพูดบอกไปก็ยิ้มขำๆ เพราะอยากจะแกล้งน้องรหัสของตัวเองก่อน เพราะที่เขาให้ทำยังน้อยกว่าที่เขาเคยโดนเยอะ เขาเห็นเป็นผู้หญิงเฉยๆถึงยอมให้แบบนี้

“ก็ได้ค่ะ” นรินดาพูดออกไปแบบจำยอม เพราะมันคือการรับน้อง ถ้าเธอไม่ทำรุ่นพี่ก็จะไม่รับเธอเป็นสายรหัส เพราะฉะนั้น เธอก็ควรจะทำตามที่เขาสั่ง ถือว่าเป็นความสนุกสนานของการรับน้อง

“เอาให้แซ่บๆนะ เพราะสายรหัสพี่ ถ้าไม่แซ่บ พี่ไม่รับนะน้อง” ธีรภัทรพูดบอกไปก็ยิ้มแบบชอบใจ เพราะเขาก็อยากจะรู้ว่าน้องรหัสของเขาจะแซ่บได้ถึงขนาดไหน

“ มัดหมี่พร้อม สามสี่ มะหมี่ มะหมี่ขูดมะพร้าว ทำกับข้าวอยู่ในครัว มะหมี่ไม่รู้ตัว ถูกคนชั่วลากเอาไป เอาไม้แหย่รู ถูๆไถๆ เเสบๆ มันส์ๆ คันๆ ปนกันไป เอาออกก็ไม่ได้ใครก็ได้ช่วยเอาออกที ออกที ออกที ออกที นกกระยางพร้อม สามสี่ นกกระยาง เดินขาถ่างอยู่กลางทุ่งนา นกกระยาง เดินขาถ่างอยู่กลางทุ่งนา มองดูกุ้งหอยปูปลา มองดูกุ้งหอยปูปลา แล้วก็ป้าบๆๆๆ แล้วก็ป้าบๆๆๆ” นรินดาก็เต้นตามท่าที่ถูกรุ่นพี่สอนมาไปอย่างสนุกสนาน แล้วเธอก็พยายามเต้นให้มันส์ที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ ก่อนจะเอามือมาตะโกนพูดว่าเธอรักพี่รหัสตัวเอง

“ไวน์รักที่ธามที่สุด ไวน์รักพี่ธามที่สุด ไวน์รักที่ธามที่สุด รับไวน์เป็นน้องรหัสได้รึยังคะ” นรินดากลัวคนอื่นจะเข้าใจผิด เลยตะโกนถามเขาว่าจะรับเธอเป็นน้องรหัสหรือไม่ไปด้วยเลย เพราะเพื่อนๆหลายๆคนก็โดนไม่ต่างจากเธอ

“ฮ่าๆ โอเคๆ พี่ยินดีรับเราเป็นน้องรหัสพี่แล้ว ถ้ารับน้องเสร็จไปร้านนี้นะ พาเพื่อนไปด้วยก็ได้ พี่จะเลี้ยงต้อนรับเรา” ธีรภัทรเอ่ยพูดไปก็ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะส่งชื่อร้านเหล้าให้กับรุ่นน้องไป

“เห้ยพี่ อายุหนูไม่ถึงเข้าร้านเหล้าไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าพี่จะเลี้ยงก็เลี้ยงอย่างอื่นได้ไหมคะ” นรินดาเอ่ยบอกไปแบบปฎิเสธ เพราะเธอยังอายุไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเข้าไปร้านเหล้าได้

“อ่อ งั้นก็ได้ งั้นไว้พี่จะบอกเราอีกทีละกัน เด็กดีของพี่ ฮ่าๆ” ธีรภัทรเอ่ยพูดไปก็ขำอย่างชอบใจที่เด็กน้อยคนนี้ไม่ได้กร้านโลกเท่าไหร่นัก

“งั้นไวน์ขอตัวไปหาเพื่อนเลยนะคะ สวัสดีค่ะ” นรินดาพูดบอกไปก็ยกมือไหว้พี่รหัสของตัวเองไป แล้วเดินกลับไปหาเพื่อนๆที่ได้พี่รหัสกันหมดแล้ว

ด้านปากรณ์ที่กำลังเตรียมตัวจะเข้าไปพบกับน้องๆก็ยืนอยู่หลังผ้าม่าน เพื่อที่จะรอให้รุ่นน้องเชิญเขาออกไปพูดด้านหน้า เขาก็ใส่ชุดนักศึกวิชาแพทย์แบบเต็มยศ แล้วมันก็ทำให้เขาดูดีขึ้นอีกเป็นเท่าตัว จนรุ่นน้องที่อยู่ด้านหลังด้วยถึงกับเขินอายแล้วมองเขากันด้วยสายตาชื่นชอบ

“ไอ้ปาร์ค แม่ง ทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ มองแกกันเป็นแถว” บาส บดินทร์เพื่อนสนิทของปากรณ์เอ่ยพูดไปขณะที่พวกเขากำลังตกเป็นเป้าสายตาของพวกรุ่นน้องและรุ่นพี่ที่อยู่ในนี้

“ไร้สาระน่ะไอ้บาส เขาไม่ได้มองฉันกันสักหน่อย” ปากรณ์พูดไปก็เงยหน้ามอง แล้วก็แลสายตาไปทางซ้ายทางขวา ก็เห็นว่าเขาเป็นเป้าสายตาจริงๆ เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องมาสนใจอะไรเขาด้วย เขาก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

“ปาร์ค ถ้าเสร็จรับน้องแล้วเราไปดูหนังกันไหม เรื่องที่ปาร์คบอกอยากดูครั้งก่อนไง วันนี้มันเข้าโรงวันแรกนะ” เจนจิราเอ่ยถามเพื่อนหนุ่มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วลุ้นว่าเขาจะไปกับเธอไหม

“อืมไปสิ ไอ้บาสแกก็ไปกับฉันแล้วก็เจนด้วยสิ แกก็อยากดูเหมือนกันนิ” ปากรณ์เอ่ยพูดไปแบบไม่คิดอะไร ต่างจากเจนจิราที่ทำหน้าหมดอารมณ์ทันทีที่เขาจะเอาบดินทร์ไปด้วย

“มันจะดีเหรอวะ ฉันว่าแกกับเจนไปดูกันสองคนดีกว่า พอดีฉันติดธุระน่ะ” บดินทร์เห็นสีหน้าของเจนจิราไม่พอใจ จึงเอ่ยปฎิเสธไป จนมันทำให้เจนจิราหัวใจพองโตขึ้นมาอีกครั้ง

“งั้นไว้แกว่างเราค่อยไปดูพร้อมๆกันก็ได้ จริงไหมเจน” ปากรณ์หันไปถามเจนจิราก็ยิ้ม ใช่ว่าเขาจะดูไม่ออกว่าเธอนั้นชอบเขา แต่เพราะเขาเห็นเธอเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น และมันก็ไม่มีทางที่จะพัฒนาด้วย ปากรณ์คิดในใจออกมาแล้วรุ่นน้องก็พูดขึ้นทันที

“เอาล่ะครับ ตอนนี้ผมขอเชิญตัวแทนของรุ่นพี่ปีสามมาให้คำแนะนำน้องๆด้วยนะครับ” รุ่นน้องที่อยู่ด้านหน้าเรียกให้ออกไปแล้ว ปากรณ์จึงเดินออกไปทันทีโดยมีคณะเพื่อนอย่างบดินทร์และเจนจิราตามมาด้วย

รุ่นน้องที่เป็นสาวๆและเกย์กระเทยนั้น ก็มองรุ่นพี่ที่เดินนำออกมาด้วยสายตาหลงใหลกับใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา แถมสายตาและใบหน้านิ่งๆนั้นก็ดูมีเสน่ห์จนรุ่นน้องต่างพากันกรี๊ดออกมา “กริ๊ด อ้าย อ้าย อ้าย” เสียงรุ่นน้องร้องออกมากันอย่างชอบใจ

“หูยแก พ่อของลูกชัดๆเลยอ่ะ มดลูกฉันสั่นเลย โอ้ย หล่อชิบ” รุ่นน้องพูดซุบซิบกันก็มองไปยังรุ่นพี่ที่เดินเข้ามาพร้อมกับออร่าความหล่อที่พุ่งมาเต็มๆ

“แบบนี้ค่อยหน้าเรียนหน่อย ถ้ามีรุ่นพี่หล่อแบบนี้ ฉันจะเข้ากิจกรรมทุกครั้งเลย” รุ่นน้องยังคงเม้าท์กันอย่างเพลินๆ จนรุ่นพี่ถึงกับต้องเอ่ยเตือน เพราะมันเริ่มจะดังกันมาแล้ว

“เอาล่ะครับน้องๆ เงียบก่อนเนอะ พี่รู้ว่ารุ่นพี่ของพวกเราน่ะหล่อ เดี๋ยวให้พี่ๆเขาแนะนำตัวกับพวกเราก่อนดีกว่าเนอะ เชิญครับพี่ปาร์ค พี่บาส พี่เจน” รุ่นน้องเอ่ยบอกไปก็ยื่นไมค์ให้กับปากรณ์ไปอย่างนอบน้อม เพราะรุ่นเขานี่โดนรับน้องกับมาแบบนักหน่วง มันจึงทำให้เขานั้นยังสยองกับใบหน้าหล่อนี้ไม่อาย เพราะหน้าหล่อแต่ว๊ากโหดก็ไอ้พี่ปาร์คเนี่ยแหละ

“ไอ้บาส มึงพูดละกัน มึงบอกมึงจะไถ่โทษเรื่องหนังสือโป๊ที่ลืมไว้ห้องกูนิ อ่ะ มึงพูด” ปากรณ์แอบกระซิบเพื่อนหนุ่มไปก็ส่งไมค์ต่อไปให้กับบดินทร์ทันที เพราะเขาไม่อยากจะพูดอะไรมาก ไม่อยากให้คนรู้จักเขาไปมากกว่านี้ด้วย

“อ่าวไอ้นี่ มึงไม่บอกกุก่อนวะ” บดินทร์รับไมค์มาแล้วกัดฟันพูดแล้วยิ้มไปอย่างเนียนๆ เพราะเขาไม่ได้เตรียมอะไรมาพูดเลยสักนิดเดียว ได้ แกล้งกูดีนักใช่ไหมไอ้ปาร์ค เดี๋ยวมึงเจอ

“อ่อ สวัสดีครับน้องๆทุกคน พี่ชื่อบาสนะครับ ส่วนคนนี้ชื่อพี่เจน แล้วสุดหล่อคนนี้ก็ชื่อพี่ปาร์คนะครับ ดีกรีเดือนคณะและเดือนมหาวิทยาลัยของเรานะครับ ยังโสด จีบได้ทุกคนนะครับ ฮ่าๆ ใครมีคำถามอะไรก็ถามพวกพี่ๆได้เลยนะครับ” บดินทร์พูดบอกไปก็จนปากรณ์หันมาหาเพื่อนหนุ่มแล้วทำหน้าใส่กันแบบกวนๆ

“เป็นรุ่นพี่จำเป็นต้องหล่อแบบนี้ไหมอ่ะคะพี่” รุ่นน้องคนหนึ่งยกมือถามด้วยใบหน้าเขิน แล้วก็ชี้ไปที่รุ่นพี่ที่ชื่อปาร์ค

“เอิ่ม น้องคะ พ่อแม่ให้มาเรียนค่ะ เบาๆหน่อยนะลูก” เจนจิราที่หวงปากรณ์ก็รีบพูดสกัดรุ่นน้องที่อ่อยแบบรุนแรงทันที

“ถ้าเรียนไม่เข้าใจ ให้พี่ปาร์คกับพี่บาสสอนได้ไหมอ่ะคะ” รุ่นน้องอีกคนยกมือพูดอย่างไม่ยอม ถึงแม้ว่ารุ่นพี่ผู้หญิงจะกันซีนก็ตาม

“พี่ก็สอนให้ได้ค่ะ ไม่ต้องถึงมือพี่ปาร์คกับพี่บาสเขาหรอก” เจนจิรายังคงพูดไปอย่างไม่ยอม จนรุ่นน้องเริ่มทำหน้าไม่พอใจ ที่คำพูดเล่นๆแซวๆกลายเป็นคำพูดแดกดันกลับมาจากรุ่นพี่คนนี้ จนปากรณ์ต้องคว้าไมค์กลับมาพูดซะเอง เพราะขืนให้เจนจิราพูดต่อ รุ่นน้องคงได้เกลียดเธอแน่ๆ

“เอาล่ะครับน้อง ไม่ว่าจะยังไงนะครับ พี่ปีสามก็ขอต้อนรับน้องๆทุกคนที่เข้ามาเรียนในคณะแพทย์ศาสตร์นะครับ พวกเราเข้ามาเรียนที่นี่ก็เพื่ออุดมกาณณ์เดียวกันนั่นก็คือ การรักษาชีวิตของคน ดังนั้นพี่ก็อยากจะขอให้น้องๆทุกคนจริงจังกับการเรียน และเรียนรู้จากที่นี่ให้ได้มากที่สุด หวังว่าทุกๆคนจะจบไป จะเป็นหมอที่ดีของสังคมในวันหน้านะครับ วันนี้เรามาสนุกกับการรับน้องด้วยกันนะครับ ถ้าพวกพี่ทำผิดพลาดอะไรไปก็ขอโทษน้องๆทุกคนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ” ปากรณ์เอ่ยพูดไปด้วยเสียงและแววตาจริงจัง จนรุ่นน้องตบมือกันเสียงดัง จนน้องๆยิ้มกันอย่างพอใจกับคำพูดอันไพเราะแบบนี้

“รุ่นน้องพวกนี้มันยังไม่รู้ฤทธิ์ของปาร์คนะคะ คอยดูเถอะ รับน้องเสร็จเดี๋ยวจะเปลี่ยนความคิด” เจนจิราเอ่ยพูดกันไปก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ เพราะยังไม่มีใครรู้ว่าปากรณ์นั้นรับน้องได้โหดแต่ไหน แล้วเดี๋ยวน้องๆทุกคนก็จะได้รู้ และได้สนุกอย่างแน่นอน

“ที่เขาตบมือกันดังนี่ไม่ใช่เพราะแกพูดดีนะ แต่เพราะแกมันหน้าตาดีไอ้ปาร์ค ฮ่าๆ” บดินทร์พูดแทรกประชดเพื่อนหนุ่มไปแบบกวนๆ ก่อนจะพากันเดินมาด้านหลัง แล้วปากรณ์ก็จัดการเพื่อนหนุ่มทันที ที่ริอาจไปแกล้งเขาต่อหน้ารุ่นน้องแบบนั้น ก่อนจะกลับไปร่วมกิจกรรมกับรุ่นน้องด้านหน้า จนเขาได้รับตำแหน่งขวัญใจรุ่นน้องไปครองอีกหนึ่งปีเป็นสมัยที่สองแล้ว จากนั้นเขาก็เริ่มรับน้องแบบรุ่นต่อรุ่นที่สืบต่อกันมา จนรุ่นน้องที่ชมเขาในตอนแรกๆ ถึงกับพูดเลยว่าเขาคือ ซานตานหน้าหล่อ

พอตกเย็นปากรณ์ที่รับน้องเสร็จแล้วแยกย้ายกับเพื่อนๆกลับบ้าน แต่ด้วยความหิวเขาจึงแวะซื้อน้ำผลไม้ที่ร้านค้าข้างทาง ที่อยู่เยื้องๆกับตึกของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นร้านประจำที่เขามักจะมาทานกับเพื่อนๆ

“ไปนะแก แล้วพรุ่งนี้เจอกันนะ บ้ายบาย” นรินดาพูดบอกเพื่อนๆแล้วก็แยกย้ายกันออกมา ส่วนเธอก็เดินไปยังลานจอดรถที่จอดอยู่ข้างๆตึก แต่พอเดินมาถึงก็ไม่มีรถเยอะเท่าไหร่ เธอก็รอให้รถผ่านไปก่อนที่จะข้าม พอรถที่มาอยู่ไกลเธอก็รีบเดินข้ามไปก่อนจะโดนฟุตบอลที่ไหนไม่รู้เตะเข้าที่หน้าแบบจังๆจนเธอล้มลงไป พร้อมกับรถที่พุ่งมาจากไหนไม่รู้ ชนกับตัวเธอเข้าเต็มๆ “ตุ้ม”

“เห้ย ไวน์” ธีรภัทรที่กำลังจะมาเอารถเหมือนกัน ก็เห็นน้องรหัสตัวเองโดนทั้งลูกบอลเตะเข้ามาที่หน้าจนล้มไป แล้วก็มีรถพุ่งเข้ามาชนจังๆ จนน้องรหัสของเขาล้มลงกับพื้นไปแบบหมดสติ เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปหาทันที

“ไวน์ๆ ตื่นๆ ไวน์ อย่าหลับนะ ไวน์” ธีรภัทรเอามือตีหน้าของนรินดาเบาๆให้เธอได้สติ เพราะตอนนี้เขาเห็นตาของเธอมันปรือตาจะหลับลงอยู่แล้ว เขาจึงรีบเรียกสติเธอไว้

“พี่ธาม” นรินดาปรือตามองคนที่เข้ามาช่วยเธอด้วยเสียงอ่อน ก่อนสติจะเลือนหายไปแล้วเธอก็หมดสติไปทันที

“ว้าย มีคนถูกชนข้างนอก” คนในร้านผลไม้ปั่นร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อด้านนอกมีเด็กถูกรถชน

ปากรณ์พอได้ยินว่ามีคนถูกรถชนด้านนอก ด้วยสัญชาติญาณของการเป็นหมอ เขาก็รีบวิ่งออกไปยังที่เกิดเหตุทันที ก่อนจะเห็นว่ามีผู้ชายกำลังร้องเรียกสติเด็กผู้หญิงที่มีสีเลอะเต็มหน้า คงจะเป็นรุ่นน้องที่พึ่งไปรับน้องมาแน่ๆ คิดได้ดังนั้นปากรณ์ก็รีบปรี่เข้าไปช่วยเหลือทันที

“ผมเป็นนักศึกแพทย์ ขอผมดูเธอหน่อย ทุกคนออกไปห่างๆครับ ให้คนไข้มีอากาศได้หายใจหน่อยครับ แล้วช่วยโทรแจ้งรถพยาบาลให้ผมที” ปากรณ์พูดบอกไปก็มองหน้าหนุ่มตรงหน้า แล้วเขาก็เอามือวัดชีพจรของเด็กสาว ก่อนจะก้มลงไปเอาหัวไปเอียงฟังเสียงการหายใจของเธอ

“ช่วยน้องรหัสผมด้วย ช่วยเธอด้วย เธอโดนบอลเตะใส่หัวก่อนที่จะโดนรถชน ” ธีรภัทรพูดไปอย่างกังวล ก่อนจะมองหนุ่มหล่อตรงหน้าอย่างขอความช่วยเหลือ เพราะตอนนี้คงไม่มีใครจะช่วยได้แล้ว

“ผู้ป่วยหยุดหายใจกะทันหัน ผมต้องทำCPR น้องเขา ไม่งั้นจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสมองอย่างถาวรภายใน 4 นาที และอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตภายในเวลา 8-10 นาทีได้ ” ปากรณ์พูดบอกไปเมื่อแน่ใจแล้วว่าชีพจรและลมหายใจของเด็กคนนี้หยุดหายใจกะทันหัน เขาจึงเอามือมาประสานกันตามที่เขาเรียนมา แล้วรีบปั้มหัวใจช่วยชีวิตของเด็กคนนี้ ก่อนที่มันจะสายเกินไป

“รีบสิคุณ อย่าให้น้องรหัสผมตายนะ” ธีรภัทรพูดบอกไปอย่างกังวล เพราะเขาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน

ปากรณ์ก็รีบปั้มหัวใจเด็กสาวคนนี้อย่างสุดความสามารถ ตามสิ่งที่เขาเรียนมาอย่างถูกวิธี แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเด็กคนนี้จะตอบสนอง เขาก็หยุดปั้มหัวใจแล้วมาสลับผายปอดให้เธอแทน ก่อนจะจับใบหน้าที่เลอะสีมานอนตรงๆ แล้วเขาก็เชิดคางเธอขึ้นแล้วก้มลงไปผายทันที

“จุ๊บ หนึ่ง สอง สาม จุ๊บ” ปากรณ์เป่าลมเข้าไปในปากเล็กสามครั้ง เพื่อช่วยให้ร่างบางหายใจออกมาได้ ก่อนจะมาปั้มหัวใจเธอต่ออีกครั้ง จนร่างบางกระตุกเฮือก

“เฮือก” นรินดากลับมาหายใจอีกครั้ง แล้วลืมตาปรือออกมาแบบเบลอๆ ก็เห็นหน้าคนตรงหน้าไม่ชัดเจน ก่อนจะหมดสติไปอีกครั้ง ปากรณ์ก็จับดูชีพจรของเด็กคนนี้อีกครั้งแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเธอกลับมาหายใจอีกครั้งแล้ว

“เธอกลับมาหายใจแล้ว” ปากรณ์พูดบอกไปแล้วก็ยิ้มออกมา เพราะเด็กคนนี้ถือว่าเป็นคนแรกที่เขาได้ช่วยชีวิตแบบจริงจัง เขาไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเหตุการณ์ที่ท้าทายแบบนี้ ต่อไปเข้าต้องจริงจังกับการเรียนให้มากขึ้น เพื่อที่จะเอาไปช่วยคนอื่นๆให้ได้มากกว่านี้

“ขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆ อ่อ สีของน้องเขาติดที่หน้าแล้วก็ปากของคุณด้วย” ธีรภัทรพูดบอกไปอย่างขอบคุณกับหนุ่มแปลกหน้าที่มีน้ำใจมาช่วยแบบนี้ ก่อนจะมองรุ่นน้องสาวที่นอนหมดสติอยู่อย่างห่วงๆ

“อ่อ ผมไม่เป็นไร รถพยาบาลมาแล้ว คุณตามน้องเขาไปกับผมก็แล้วกัน เพราะผมต้องไปแจ้งอาการของน้องเขา” ปากรณ์เอ่ยบอกไปก็เอามือมาเช็ดปากของตัวเองที่ผายปอดเด็กคนนี้จนเลอะสีจากเธอมาด้วย นี่เขามาเสียจูบแรกเพื่อช่วยชีวิตเด็กคนนี้เหรอนี่ น่าขำจริงๆเลย

จากนั้นปากรณ์ก็ขึ้นรถพยาบาลไปพร้อมกับทั้งสองคน เพราะเขาต้องไปบอกอาการของเด็กคนนี้กับหมอ เพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาด

พอถึงโรงพยาบาลปากรณ์ก็แจ้งอาการของเด็กสาวให้กับหมอเจ้าของไข้ เพราะพวกเขาพาเธอมาส่งโรงพยาบาลในมหาลัยที่พวกเขาเรียนอยู่ จากนั้นปากรณ์ก็ขอตัวกลับบ้าน เพราะหมดหน้าที่ของเขาแล้ว

“ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่ช่วยน้องเขาไว้ ถ้าไม่ได้คุณน้องเขาคงจะแย่ ” ธีรภัทรพูดบอกไปก้ยิ้มให้กับหนุ่มตรงหน้า แล้วส่งมือไปจับอย่างขอบคุณ

“ด้วยความยินดีครับ ผมทำตามหน้าที่ของหมอ ยังไงก็ดูแลเธอด้วยนะครับ ผมขอตัวก่อน” ปากรณ์จับมือกับชายตรงหน้า แล้วเขาก็เดินออกมาทันที ก่อนจะกลับไปเอารถที่จอดทิ้งไว้หน้าร้านผลไม้ปั่น แล้วก็เดินทางกลับไปพักที่คอนโดของตัวเอง พร้อมกับคิดในใจถึงเด็กผู้หญิงที่เขาได้ช่วยชีวิตไปอย่างภูมิใจ

พอตกดึกนรินดาก็ฟื้นสติขึ้นมาด้วยความเจ็บ เพราะหัวเธอโนบวมออกมาแบบใหญ่มา แถมที่ขาก็ยังแสบมากๆอีกด้วย เธอจึงขยับตัวแล้วร้องออกมาเสียงดัง

“โอ๊ย ซี๊ด” นรินดาร้องไปก็ทำหน้าทำตาเจ็บปวดกับหัวของตัวเอง จนต้องเอามือมาคลำดู ก็พบว่ามันมีผ้าปิดแผลปิดอยู่

“ร้องซะดังเลย พี่ก็นึกว่าเราจะเป็นอะไรซะอีก เป็นไงบ้าง เจ็บหัวมากไหม เดี๋ยวพี่เรียกหมอให้มาตรวจนะ” ธีรภัทรที่นั่งเฝ้าอยู่ก็ลุกขึ้นมาเอ่ยถามเธอออกไปทันที ก่อนจะกดปุ่มเรียกหมอให้มาดูอาการของหญิงสาว

“พี่ธาม อือ ก็ยังเจ็บอยู่ค่ะ พี่ช่วยไวน์ไว้ ขอบคุณนะคะ” นรินดาพูดไปอย่างขอบคุณ ก่อนจะยกมือไหว้แต่ไปด้วยความยากลำบาก

“ไม่ต้องมาขอบคุณพี่หรอก ไม่ได้มีแค่พี่คนเดียวที่ช่วยไวน์น่ะ หลายๆคนเขาก็ช่วย ที่จริงพี่จะโทรไปหาญาติไวน์แล้วแต่โทรศัพท์ไวน์มันล็อกรหัสไว้ พี่ก็เลยเฝ้าอยู่ที่นี่ แต่ตอนที่แม่ไวน์โทรมาพี่ก็ถือวิสาสะรับสายให้แล้ว แล้วบอกท่านไปแล้วนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น เดี๋ยวท่านก็คงจะมาถึงกรุงเทพกันแล้วมั้ง” ธีรภัทรพูดบอกไปแล้วก็ยิ้ม เพราะเกิดเรื่องแบบนี้ จะไม่ให้ที่บ้านรู้ก็ไม่ใช่ เขาจึงเสียมารยาทรับสายแล้วบอกแม่ของนรินดาไป

“ไม่เป็นไรค่ะ ไวน์ต้องขอบคุณพี่มากกว่า” นรินดาพูดไปก็ยิ้มแล้วมองพี่รหัสขอตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้ผู้ชายกระล่อนๆแบบนี้จะห่วงใยแล้วเฝ้าเธอยันดึกขนาดนี้ เธอก็ซึ้งใจจริงๆที่เขาทำแบบนี้ ก่อนที่แม่และพ่อของนรินดาจะเข้ามาในห้อง

“ลูกแม่ เป็นอะไรรึเปล่าลูก โธ่ลูกแม่ เจ็บมากไหมลูก” ปารดารีบเข้ามาหาลูกสาวแล้วเห็นหน้าลูกสาวแล้วเธอก็แทบจะร้องไห้ออกมา เพราะไม่เคยเห้นลูกสาวในสภาพแบบนี้มาก่อน

“นิดหน่อยค่ะแม่ มันปวดหัวแล้วก็แสบที่ขานิดหน่อยค่ะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ไวน์แข็งแรงจะตาย” นรินดาบอกผู้เป็นแม่ไปแล้วก็ยิ้ม

“แล้วนี่เรื่องมันเกิดขึ้นได้ยังไง ทำไมถึงไปโดนรถชนได้” สิทธิกรถามไปก็ใช้สายตามองหนุ่มที่ยืนอยู่อีกฝั่งด้วยสายตาเข้มๆ เพราะลูกสาวเขามาไม่กี่วันก็ดันมีหนุ่มๆมานั่งเฝ้าไข้ซะแล้ว แบบนี้ไม่ให้คนเป็นพ่ออย่างเขาห่วงได้ยังไงกัน

“อ่อ คือผมเป็นพี่รหัสของน้องไวน์น่ะครับ ผมเห็นน้องเขาข้ามถนนแล้วมันก็มีบอลเตะมาโดนหน้าน้องเขา แล้วรถมันก็เข้ามาชนน้องไวน์เต็มๆ ผมแล้วก็คนแถวนั้นเลยช่วยกันพาส่งโรงพยาบาลครับ” ธีรภัทรพูดอธิบายบอกไปแบบเกร็งๆ เพราะแค่เห็นสีหน้าของพ่อนรินดา เขาก็กลัวแล้ว

“ขอบใจนะพ่อหนุ่ม ถ้าไม่ได้เราลูกป้าคงจะแย่” ปาริดาหันมาพูดขอบคุณกับหนุ่มคนนี้ไป ก่อนที่หมอจะเข้ามาตรวจพอดี

“ไม่เป็นไรครับ ถ้าเป็นคนอื่นก็ต้องช่วยอยู่แล้วล่ะครับ หมอมาตรวจแล้ว คุณลุงคุณป้าก็มาแล้ว งั้นผมขอตัวกลับเลยก็แล้วกันครับเพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว ไวน์พี่กลับก่อนนะแล้วพี่จะมาเยี่ยมใหม่ ส่วนเรื่องรับน้องเดี๋ยวพี่ลาให้ ไม่ต้องห่วงนะ พี่ไปล่ะ หายไวๆนะ” ธีรภัทรเอ่ยบอกไปก็ยิ้ม ก่อนจะรีบเดินออกมาเพราะกลัว่าพ่อของนรินดาจะมาเล่นงานเขาซะก่อน เพราะสายตาที่ส่งมาไม่เป็นมิตรเอาซะเลย นรินดาก็พยักหน้าแล้วยิ้มตอบไปอย่างขอบคุณ

“งั้นหมอขอตรวจคนไข้หน่อยนะครับ เชิญญาติด้านนอกก่อนนะครับ” หมอเอ่ยบอกไปเมื่อยังผู้ปกครองของคนไข้อยู่ในห้องด้วย

“ฝากด้วยนะครับหมอ” สิทธิกรพูดบอกไปก็พาภรรยาของเขาออกไปรอด้านนอก เพื่อให้หมอตรวจอาการของลูกสาวอย่างสะดวกๆ พอญาติคนไข้ออกไปหมอวัยกลางคนก็เอ่ยพูดทันที

“หมอขอตรวจม่านตาหน่อยนะ อืม ข้างซ้ายปกติ ข้างขวาก็ปกติดี ส่วนแผลที่บวมตรงหัวสามสี่สันก็คงจะหาย หนูนี่โชคดีมากเลยนะที่เขาปั้มหัวใจแล้วก็ผายปอดช่วยชีวิตได้ทัน ไม่อย่างนั้นสมองก็อาจขาดออกซิเจน ทำให้มีปัญหาระบบประสาทหรืออาจจะตายได้ แต่ตอนนี้เท่าที่หมอตรวจดู หนูก็ไม่เป็นอะไรมากแล้วนะ หมอจะให้นอนดูอาการสักสองสามวันก็แล้วกันนะ คุณพยาบาลเดี๋ยวเปลี่ยนสายน้ำเกลือให้คนไข้ด้วยนะ หมอขอตัวไปคุยกับผู้ปกครองของหนูก่อนนะ” คุณหมอเอ่ยพูดบอกอาการของเด็กสาวไปอย่างไม่เป็นกังวล เมื่อเธอไม่มีอาการใดๆออกมา เขาจึงให้พยาบาลให้น้ำเกลือเด็กสาวแทน

“เปลี่ยนเสร็จแล้ว ขอตัวนะคะ” พยาบาลสาวเปลี่ยนน้ำเกลือเสร็จก้เดินออกไป แล้วปล่อยให้เด็กสาวนั่งคิดอะไรไปเพลินๆต่อไป

นรินดาก็ไม่ได้สนใจที่พยาบาลพูด เพราะเธอกำลังทวนคำพูดของหมอที่พูดบอกเธอเมื่อกี้ ว่ามีคนช่วยเธอปั้มหัวใจแล้วก็ผายปอด มันก็หมายความว่าคนที่ช่วยเธอก็ต้องจูบเธอน่ะสิ แล้วคนที่ช่วยเธอก็คืออีพี่ธาม อย่าบอกนะว่าจูบแรกของเธอคือที่ธามน่ะ โอ๊ย นี่เธอมาเสียจูบแรกให้กับผู้ชายโดยที่เธอไม่มีสติเนี่ยนะ ไม่จริง

“แต่เขาก็มาเฝ้าเรานิ มันก็ต้องเป็นเขาสิ” นรินดาพูดออกมาเบาๆแล้วเอามือมาแตะที่ปากตัวเองแบบคิดมาก ก่อนจะยิ้มออกมาแบบเขินๆ เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่มีผู้ชายคนไหนทำดีกับเธอแบบนี้เลย ไอ้พี่ธามถึงมันจะดูกระล่อน แต่มันก็หล่อแล้วก็น่ารักเหมือนกันนะ นรินดาคิดไปก็เขินไป เมื่อเข้าใจว่าคนที่ผายปอดของเธอคือธีรภัทร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel