บทที่ ๑

ท่ามกลางท้องฟ้ามืดสนิท ของคืนข้างแรมในเวลากลางดึกสงัด หญิงสาวซึ่งแต่งกายอยู่ในชุดนอนง่ายๆ เสื้อตัวกางเกงตัว ผมยาวสยายจนถึงกลางหลัง ค่อยๆ เดินไปตามเสียงที่ได้ยิน ก่อนจะหยุดที่พงหญ้าใต้ต้นไม้ใหญ่ รวบรวมความกล้าที่มีอยู่น้อยนิด พลางพ่นลมหายใจออกก่อนจะค่อยๆ ก้มตัวลงเอื้อมไปแหวกพงหญ้าตรงหน้าเพื่อหาต้นตอของเสียงประหลาดที่ได้ยิน

“กรี๊ด!”

“เฮ้ย... เจ้าขา... ไอ้เจ้าขา”

เสียงเรียกของคนที่นอนอยู่ข้างๆ พร้อมกับการเขย่าตัวไปด้วย ทำให้คนที่นอนกรีดร้องต้องลุกขึ้นนั่ง เนื้อตัวสั่นเทาราวกับลูกนกที่โดนสัตว์ดุร้ายกว่าไล่ล่ามาเช่นนั้น

“หล่อนเป็นอะไรของหล่อน อยู่ๆ ก็กรี๊ดขึ้นมาดังสามบ้านแปดบ้านเนี่ยหะ”

“เจ๊...หนู... ฝัน หนู... ฝันร้าย”

“ฝัน... โอ๊ยทำเอาฉันตกใจ คิดว่าหล่อนโดนผีเข้า”

คนสะดุ้งตื่นเพราะเสียงร้องนั้นเอามือขึ้นทาบอกไว้

คนฝันนิ่งอึ้ง ‘นั่นสิ เธอแค่ฝันเท่านั้น’

หลังจากตั้งสติได้ คนที่เมื่อครู่เพิ่งตัวสั่นเหมือนเจอสิ่งน่ากลัวบางอย่าง ก็ยกมือขึ้นรวบผมดำขลับที่ถูกปล่อยสยายเมื่อตอนก่อนนอนขึ้น เอื้อมมือหยิบกิ๊บตัวใหญ่มาหนีบผมทั้งหมด เหลือเพียงไรผมอ่อนระอยู่ตรงหน้าผากโค้งมน

“ไหนฝันว่าอะไรเล่าให้ฉันฟังสิ”

เมรีหรือนายเมธี ช่างแต่งหน้าทำผมมือฉมัง ซึ่งคนในวงการต่างรู้จักกันดีในนาม เมรี-เมคอัพ ซึ่งมีเรือนร่างเป็นชายหากแต่จิตใจเป็นหญิง ด้วยฝีมือเขาจึงถูกวางตัวให้แต่งหน้าซูเปอร์สตาร์ระดับแนวหน้าของเอเชีย ทำให้มีผลงานออกสู่สายตาทั้งคนในวงการ และบุคคลทั่วไปจนเป็นที่ยอมรับ กระทั่งชายหัวใจสาวได้มีโอกาสเข้าร่วมงานแฟชั่นโชว์ระดับประเทศ

และในที่สุดเขาก็ได้เป็น เมคอัพอาทติสท์ ที่มีชื่อในอันดับต้นๆ ของประเทศ และในปัจจุบันเขายังเป็นช่างแต่งหน้าให้กับ พัสวีพิชญ์ ซูเปอร์สตาร์ชื่อดังของเมืองไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในสามเพื่อนสาวร่วมแก๊ง ‘ชะนีไฮโซ’ ของเขา

ด้วยอุปนิสัยของเมรี เป็นคนสนุกสนานเฮฮา เวลาทำงานมักชอบทำอะไรเพื่อเรียกเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนร่วมงานตลอดเวลา เขาจึงมีฉายาประจำตัวในแก๊ง ว่า ‘ชะนีสายฮา’ ติดตัวเป็นเสมือนสัญลักษณ์ประจำตัวก็ว่าได้