ตอนที่ 2 [ไปกรุงเทพ ฯ ]
สืบศพสยบวิญญาณ
ตอนที่2
[ไปกรุงเทพฯ]
"ขายได้เท่าไหร่ละพี่พัน"
"ได้สองพันเอง แค่นี้ก็ยังดีพอได้เป็นค่ารถเจ้าขุนมันไปกรุงเทพฯ " ทิดพันเอ่ยกับนางเกษรผู้เป็นเมียก่อนจะเดินไปตักน้ำในโอ่งขึ้นมาดื่มด้วยความกระหาย
"เข็นข้าวไปขายตั้งหลายกระสอบเหนื่อยเหมือนกัน นี่ก็เที่ยงแล้วหาข้าวหาปลากินกันดีกว่า พ่อหิวแล้ว" ทิดพันบ่นพึมพำในลำคอก่อนจะหันไปเอ่ยกับนางเกษรผู้เป็นเมีย
นางเกษรได้ยินอย่างนั้นก็รีบเดินเข้าไปในครัวจัดแจงตักข้าวปลาอาหารยกมาวาง ก่อนจะพากันกินอย่างเอร็ดอร่อยด้วยความหิว
"ขุนเอ้ย! กินข้าวเสร็จแล้วก็เตรียมจัดเก็บข้าวของเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไว้เลยนะลูก เอกสารต่าง ๆ วุฒิการศึกษา ที่จะเอาไปสมัครเรียนต่อเตรียมให้ครบ ไปถึงโน่นแล้วถ้าลืมจะกลับมาเอามันลำบากนะลูก" ทิดพันเอ่ยกับลูกชาย
"ครับพ่อ…ผมจะเตรียมให้ครบเลย"
ขุนพลเอ่ยกับผู้เป็นพ่อก่อนจะเดินเข้าห้องไปเตรียมจัดเสื้อผ้าของใช้และเอกสารการศึกษาที่จะเอาไปสมัครเรียนต่อด้วยอาการตื่นเต้นดีใจ
"พรุ่งนี้ลูกเราก็ไปแล้ว ตั้งเกิดมาเจ้าพงษ์มันไม่เคยไปไหนห่างเราเลย ฉันอดเป็นห่วงลูกไม่ได้มากเลยพี่พัน" นางเกษรเอ่ยกับทิดพันผู้เป็นผัวด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงลูกชาย
"ลูกมันโตแล้วปล่อยให้เขาออกไปเผชิญกับโลกภายนอกบ้าง เขาจะได้เก่ง ในเมื่อลูกมันอยากเรียนต่อ เราก็ให้เขาไปเถอะเขาจะได้มีอนาคตที่ดี ให้เขาเรียนจบสูง ๆจะได้มีงานมีการทำดี ๆ เป็นเจ้าคนนายคน เราต้องปล่อยเขาบ้าง อย่าไปเป็นห่วงอะไรมาก เจ้าขุนมันไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ" ทิดพันเอ่ยกับนางเกษรผู้เป็นเมียที่กำลังเก็บสำรับกับข้าวอยู่
"จ้ะพี่พัน…เพื่ออนาคตของลูก ฉันจะไม่คิดอะไรมาก"
"เดี๋ยวข้าไปเอาฟางให้วัวกินก่อนนะ วันนี้ให้ลูกมันพักผ่อนไป ไม่ต้องให้ทำอะไรหรอก เพราะพรุ่งนี้ลูกต้องไปกรุงเทพฯ แต่เช้าอีก" ทิดพันเอ่ยกับนางเกษรก่อนจะเดินไปเอาฟางให้วัวให้ควายหลังบ้าน
ณ ที่บ้านทิดชุ่ม
หลังจากที่เพลิงจัดเตรียมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็พากันหาข้าวหาปลากินตามตามประสาพ่อแม่ลูก หลังจากกินข้าวมื้อเที่ยงเสร็จผู้เป็นพ่อก็เอ่ยกับลูกชาย
"พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า เดี๋ยวพ่อจะไปบอกญาติพี่น้องให้เขามาไหว้บอกกล่าวผีปู่ย่าตายายเจ้าที่เจ้าทางและผูกแขนให้ ถ้าผูกตอนเช้ามันจะเสียเวลา"
"ครับพ่อ…ก็ดีเหมือนกันครับ ตอนเช้าจะได้ไม่เสียเวลา" เพลิงเอ่ยกับผู้เป็นพ่อ
"ปะ บัวเราไปกันเถอะ" ทิดชุ่มเอ่ยกับสายบัวผู้เป็นเมียก่อนจะพากันเดินออกจากบ้านไป หลังจากทิดชุ่มกับสายบัวออกจากบ้านไปแล้ว สไบผู้เป็นน้องสาวก็หันมาเอ่ยกับพี่ชาย
"พี่เพลิง…พี่แน่ใจนะว่าพี่จะไปหางานได้ ในกรุงเทพฯ มันไม่ใช่จะหางานได้ง่ายนะพี่ คนก็เยอะ แย่งกันทำมาหากิน"
"พี่ก็ไม่รู้ว่าจะหางานได้หรือเปล่า แต่ก็ต้องลองดู ถ้าพี่ไม่ไปหางานทำก็คงไม่ได้เรียนต่อแน่นอน ฐานะบ้านเราก็ยากจน การที่จะเรียนให้จบมหาวิทยาลัยมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ มันต้องใช้เงินเยอะ พี่ไม่อยากรบกวนพ่อแม่ ในเมื่อพี่อยากเรียนพี่ก็ต้องไปหาเงินเรียนเอง เอ็งอยู่บ้านก็ดูแลพ่อกับแม่แทนพี่ด้วยนะ ไว้ว่าง ๆ พี่จะกลับมาเยี่ยม" เพลิงเอ่ยเสียงเรียบกับสไบผู้เป็นน้องสาว
"จ้ะ! พี่ไม่ต้องห่วงอยู่ทางนี้ฉันจะดูแลพ่อกับแม่เอง" สไบเอ่ยกับพี่ชาย
ทั้งสองนั่งคุยกันไปเรื่อยตามประสาพี่น้อง ไม่นานพ่อกับแม่ก็กลับมาพร้อมกับพาญาติพี่น้องมากันหลายคน
"ปะ ขึ้นไปบนบ้านกันเลยจะได้เตรียมไหว้และผูกแขนให้ลูกให้หลานกัน"
ทิดชุ่มเอ่ยกับบรรดาญาติพี่น้องที่กำลังยืนอยู่ ก่อนจะพากันเดินขึ้นไปบนบ้าน
"สวัสดีครับลุง…สวัสดีป้า สวัสดีตายาย" ชัยยกมือไหว้ญาติพี่น้องที่กำลังเดินเข้ามาในบ้าน
"เพลิง! สไบ! พากันไปเอาเสื่อมาปูสิลูก ลุงป้าน้าอาตายายจะได้นั่งกัน" ผู้เป็นพ่อเอ่ยกับลูกชายและลูกสาว
"ครับพ่อ" เพลิงกับน้องสาวเดินเข้าไปในห้องแล้วกลับมาพร้อมกับเสื่อกกสามสี่ผืนมาปูให้ญาติพี่น้องนั่ง
"เอาละมากันพร้อมหน้าพร้อมตา ก็ไปเตรียมของไหว้ผีปู่ยาตายายมาเลย เอาไก่มาต้ม เหล้ายา ดอกไม้ธูปเทียน ข้าวปลาอาหาร ขนมหวาน เอาน้ำใส่แก้วด้วยนะ รีบจัดให้เสร็จก่อนตะวันตกดิน ถ้าตะวันตกดินมันจะทำพิธีไม่ได้" ตาชวนที่เป็นพี่ชายของทิดชุ่มเอ่ยกับน้องชาย
หลังจากที่เตรียมของไหว้เรียบร้อยแล้ว ตาชวนก็จุดธูปหนึ่ง 5 ดอกไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เสร็จแล้วกลับมาจุดธูปหนึ่งดอกไหว้ผีปู่ย่าตายาย
"พรุ่งนี้ไอ้เพลิงมันจะไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ก็ขอให้ปู่ย่าตายายช่วยปกป้องคุ้มครองลูกหลานให้ได้งานได้การทำ จะได้เรียนหนังสือให้จบจะได้เป็นเจ้าคนนายคนและกลับมาพัฒนาหมู่บ้านเราให้เจริญรุ่งเรือง" ตาชวนบอกกล่าวผีปู่ย่าตายายแล้วปักธูปลงพวกญาติพี่น้องก็พากันบอกกล่าวตาม
"เอาละ ตอนนี้ปู่ย่าตายาย เจ้าที่เจ้าทาง ทวยเทพเทวดาท่านรับรู้แล้ว ก็มาผูกแขนอวยพรให้หลานกันได้แล้ว" ตาชวนเอ่ยกับญาติพี่น้องทุกคน ทิดชุ่มกับสายบัวผู้เป็นเมียหยิบด้ายสายสิยจน์ที่ตัดไว้ขึ้นมาส่งให้ญาติพี่น้องคนละเส้นสองเส้นเพื่อผูกแขนให้หลานชาย
"มานี่ลูก...พ่อกับแม่จะผูกแขนให้" ทิดชุ่มเอ่ยกับลูกชาย
"ครับพ่อ" เพลิงยื่นแขนขวาให้ผู้เป็นพ่อ
"พรุ่งนี้ลูกจะไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ พ่อก็ขอให้ลูกเดินทางปลอดภัย ให้ได้งานได้การทำ ได้เงินได้ทองเรียนหนังสือให้จบแล้วกลับมาพัฒนาบ้านเรา" ผู้เป็นพ่อผูกแขนให้ลูกชายพร้อมกับอวยพร
"มะ มานี่แม่จะผูกแขนให้" ผู้เป็นแม่เอ่ยกับลูกชายพร้อมกับผุกแขนและอวยพรให้กับลูกชาย หลังจากนั้นบรรดาญาติพี่น้องก็พากันเข้ามาผูกแขนให้หลานชายต่อ จนครบกันทุกคน
"อ้าว! ตอนนี้ก็ผูกแขนให้ลูกให้หลานเรียบร้อยแล้ว ใครจะกลับบ้านก็กลับได้นะ ส่วนใครยังไม่กลับก็นั่งคุยกันไปก่อน พรุ่งนี้หลานก็จะไปแล้วนะ" ตาชวนเอ่ยกับญาติพี่น้องที่นั่งอยู่
"ฉันขอบใจลุงป้าน้าอาตายายทุกคนมากนะที่พากันมาผูกแขนให้หลาน ใครจะกินเหล้าก็กินกันตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ" ทิดชุ่มเอ่ยกับญาติ ๆ แล้วเดินไปยกเหล้ามาให้ญาติพี่น้องพากันนั่งกินเหล้าคุยกันไปเรื่อยตามประสาคนชอบกินเหล้า ก่อนจะพากันแยกย้ายกลับบ้าน
พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ชาวบ้านพากันจูงวัวจูงควายทยอยกลับมาจากทำนา ความมืดเริ่มเข้ามาปกคลุมหมู่บ้านอีกครั้ง
ณ ที่บ้านทิดชุ่ม
หลังจากที่กินข้าวกินปลากันเรียบร้อยชายหนุ่มก็รีบเข้านอนแต่หัวค่ำเพราะต้องรีบตื่นเดินทางไปกรุงเทพฯ แต่เช้า
รุ่งเช้าของวันใหม่เสียงไก่ขันแข่งกันตั้งแต่ตีสี่ตีห้า
ชายหนุ่มรีบตื่นมาอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน เพราะกลัวไม่ทันรถสองแถวเที่ยวแรกที่จะเข้าไปตัวอำเภอ
"อ้าว! ตื่นแล้วเหรอลูก อาบน้ำอาบท่าหรือยัง?" ทิดชุ่มผู้เป็นพ่อเอ่ยถามลูกชาย
"อาบเสร็จแล้วครับพ่อ ผมไปแต่งตัวก่อนนะ" ชายหนุ่มเอ่ยกับผู้เป็นพ่อก่อนจะเดินเข้าห้องไปแต่งตัว
ครู่หนึ่งชายหนุ่มก็เดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าเป้เสื้อผ้า
"จะไปแล้วเหรอลูก ไอ้ขุนล่ะป่านนี้มันตื่นหรือยังก็ไม่รู้" ผู้เป็นพ่อหันไปเอ่ยกับลูกชาย
"ผมบอกมันให้ตื่นแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปรอที่ศาลาริมทาง มันคงตื่นแล้วมั้งพ่อ" ชายหนุ่มเอ่ยกับผู้เป็นพ่อ
"ถ้าหางานทำไม่ได้ หรือสมัครเรียนไม่ได้ ถ้ามันลำบากยังไงก็กลับมาบ้านเรานะลูก อย่าไปทนอยู่ พ่อกับแม่เป็นห่วงนะลูก" ผู้เป็นแม่เอ่ยกับลูกชายด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือตาแดง ๆ เหมือนจะร้องไห้
"ครับแม่…ถ้าผมอยู่ไม่ได้ผมจะกลับมาบ้านครับ" ชายหนุ่มเอ่ยกับผู้เป็นแม่ก่อนจะเข้าไปโอบกอด
"พี่เพลิง…ถ้าอยู่ไม่ได้ก็กลับบ้านเรานะ อยู่บ้านเราถึงไม่ร่ำรวยอะไรแต่ก็ไม่เคยลำบากหรอก" สไบเอ่ยกับพี่ชาย
"ใช่ลูก…อยู่ไม่ได้ก็กลับบ้านเรา อะนี่ของดีพ่อให้ไปไว้คุ้มครองป้องกันตัว มีอะไรเกิดขึ้นก็เอาออกมาใช้ได้ วิชาอาคมที่ร่ำเรียนไปจากพ่อยามคับขันหรือมีเหตุร้าย ก็เอามาใช้คุ้มครองป้องกันตัวเองและช่วยเหลือคนอื่น เราอย่าไปหวังสิ่งตอบแทนนะลูก เราช่วยคนเพื่อเอาบุญ" ผู้เป็นพ่อเอ่ยกับลูกชายพร้อมกับส่งตะกรุดโทนให้ลูกชาย
"ครับพ่อ…ผมจะห้อยคอติดตัวไว้ตลอด ผมไปนะครับพ่อแม่" ชายหนุ่มเอ่ยกับพ่อและแม่แล้วก้มลงกราบแทบเท้าก่อนจะหันไปเอ่ยกับน้องสาว
"สไบพี่ไปนะ พี่ไม่อยู่ก็ดูแลพ่อกับแม่แทนพี่ด้วย"
"จ้ะพี่…ไม่ต้องเป็นห่วงอยู่ทางนี้ฉันจะดูแลพ่อกับแม่เอง" หญิงสาวเอ่ยกับพี่ชายแล้วโผเข้าไปกอด
"ไปเถอะลูกเดินทางปลอดภัย คุณพระคุ้มครองนะ" ผู้เป็นแม่เอ่ยกับลูกชายด้วยความเป็นห่วง
"เดี๋ยวพ่อขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งดีกว่าเดินไปกว่าจะถึงศาลาที่รอรถอีกตั้งไกล เดี๋ยวจะไม่ทันรถเที่ยวแรก" ผู้เป็นพ่อเอ่ยกับลูกชาย
"ก็ดีเหมือนกันพ่อ จะได้เร็วหน่อย" ชายหนุ่มเอ่ยกับผู้เป็นพ่อ แล้วเดินไปขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ แล้วพากันขี่ออกไปทันที