สิ้นสุดปีแสง

111.0K · จบแล้ว
Realmook
23
บท
3.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ผมเชื่อมาเสมอว่าทุกคนต่างออกเดินทางเพื่อตามหาจุดสิ้นสุดของตัวเอง และผมคิดว่าตอนนี้ผมเจอแล้ว...จุดสิ้นสุดของปีแสง

นิยายรักโรแมนติกนิยายYaoiนิยายรักรักวัยรุ่นรักหวานๆโรแมนติก

NO.0 เมื่อเราได้พบกัน

NO.0

เมื่อเราได้พบกัน

คุณเชื่อในพรหมลิขิตไหม...?

ถ้าถามผม ผมตอบได้อย่างมั่นใจเลยว่าผมเชื่อ เชื่อสุดหัวใจว่าพรหมลิขิตมีอยู่จริง เพราะมีคนเคยบอกไว้ว่าถ้าเราได้เจอคนที่เรารู้สึกถูกชะตา คนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คนที่ทำให้เราไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้คนคนนั้นคือเนื้อคู่เรา และผมคิดว่าผมเจอแล้วคนคนนั้น คนที่เป็นพรหมลิขิตของผม

“วันนี้จะกลับตอนไหนคะ”

สายตาที่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างไร้จุดหมายละกลับมามองคนข้าง ๆ ที่เอ่ยปากถาม เพียงพริบตาสายตาที่เคยว่างเปล่าก็กลับมาเป็นปกติ ก่อนจะเอ่ยปากตอบคำถาม

“ยังไม่แน่ใจ...ครับ”

“งั้น...ถ้าจะกลับตอนไหนก็โทรมานะคะแม่จะได้มารับ”

“ครับ”

บทสนทนาสิ้นสุดเพียงเท่านั้นก่อนที่รถ BMW สีดำคันงามจะเคลื่อนตัวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยรัฐบาลขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ที่ซึ่งเป็นจุด หมายปลายทางของการเดินทางครั้งนี้

สายตาของคนที่นั่งเงียบมาตลอดทางเริ่มมีประกายวาววับขึ้นเมื่อเห็นฝูงชนมากมายที่มีจุดหมายปลายทางเดียวกันคือมาร่วมงาน open house ใช่วันนี้เขามาเพื่อเข้าร่วมงาน open house ซึ่งเป็นงานเปิดบ้านของมหาวิทยาลัย เปิดโอกาสให้นักเรียนที่สนใจมาดูรายละเอียดต่าง ๆ ของแต่ละคณะได้ว่าเรียนอะไรยังไง เพื่อเป็นการช่วยในการตัดสินใจเลือกเรียนอีกที

จากการที่เอ่ยปากขอแม่ใช้เวลานานเป็นเดือนกว่าแม่จะยอมปล่อยให้เขาเลือกเรียนตามที่เขาต้องการก็นับว่ารากเลือดเลยทีเดียว แม้จะต้องแลกมาด้วยข้อตกลงบางประการแต่ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ เพราะแม่ยืนกรานลูกเดียวว่าจะให้เขาเรียนต่อด้านบริหารเพื่อที่จะสานต่อธุรกิจของแม่ ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

ไม่เคยต้องการเลย...

“ขอให้สนุกนะคะ”

“...”

ไม่มีแม้แต่คำบอกลาจากอีกฝ่ายเขาเดินลงมาจากรถทันทีเมื่อรถจอดเทียบท่า เพราะมันเป็นเรื่องปกติ บรรยากาศปกติของเขากับแม่ เป็นความปกติที่ไม่เคยปกติ...

วันนี้ท้องฟ้าโปร่งไม่มีเมฆมาปกคลุมส่งผลให้อากาศร้อนอย่างที่ควรจะเป็นหรือมากกว่าที่ควรจะเป็น เขายกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาเต็มใบหน้า เพิ่งเดินมาได้ไม่เท่าไรเหงื่อก็ออกเต็มซะแล้ว แต่กลับแปลกเพราะต่อให้ร้อนแค่ไหนมุมปากของเขากลับยกยิ้มอย่างพอใจก่อนที่จะกลับไปนิ่งสนิทราวกับรอยยิ้มเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น แต่แค่เพียงเท่านั้นก็สามารถบอกได้แล้วว่าเขาพอใจกลับสถานที่ข้างหน้ามากแค่ไหน ผู้คนมากมายที่เดินสวนกันไปมาเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับเขา เขาคนที่เคยเรียนแต่โฮมสคูล เขาคนที่ไม่ค่อยได้ออกมาเจอโลกภายนอก เขาคนที่แม่ไม่เคยปล่อยให้ไปไหนคนเดียว แต่ตอนนี้เขาได้รับแล้วอิสระที่ควรจะเป็นของเขามาตั้งแต่แรก

"น้องคะเชิญที่ซุ้มของคณะเราก่อนได้น้าาา"

เดินเข้ามาได้เพียงไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงดนตรีผสมกับเสียงผู้คนที่ดังอยู่ทั่วทุกพื้นที่ เขากวาดสายตามองไปทั่วมีหลายคณะที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นจำนวนมากแต่กลับไม่มีเลยสักคณะที่เขาจะสนใจ

----

เสียงถอนหายใจดังขึ้นจากคนที่เดินจนเหนื่อย ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวที่ว่างอยู่ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ส่วนไหนของมหาวิทยาลัย รู้แต่ว่าเหนื่อย เดินจนทั่วแล้ว เขาก้มลงมองใบปลิวที่ไม่รู้ที่มาที่ไปไม่รู้เลยว่ามาอยู่ที่มือเขาได้ยังไง ไม่รู้ว่าโดยยัดใส่มือมาตั้งแต่ตอนไหน รู้อีกทีก็มีอยู่เต็มมือเขาแล้ว คำเชิญชวนที่ปรากฏบนใบปลิวแตกต่างกันไปตามเอกลักษณ์ของแต่ละคณะแต่ไม่มีคณะไหนเลยที่จะทำให้เขาสะดุดตาได้

ต่อให้เขาเอ่ยปากบอกแม่ว่าเขาอยากจะเลือกเรียนเองแต่เขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเขาจะเรียนอะไร ชีวิตเขาดำเนินไปอย่างไม่มีจุดหมาย มีวูบหนึ่งที่มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวหรือเขาจะเรียนตามที่แม่ต้องการ แต่พอคิดแบบนั้นรอบข้างเขากลับดูไร้สีสัน ทุกอย่างล้วนเป็นสีขาวดำ มองไม่เห็นจุดหมายและทางไป ไม่ชอบเลย

ไม่ชอบเลยจริง ๆ ...

“น้อง...”

“น้องครับ”

เสียงที่ดังขึ้นใกล้กับเขามากจนเขาต้องเงยหน้าขึ้นไปสบตากับคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า สิ่งแรกที่ได้เห็นเมื่อเงยหน้าขึ้นคือรอยยิ้ม รอยยิ้มที่สว่างที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น จะมองยังไงรอยยิ้มนั้นก็ส่งมาที่เขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ คิ้วสองข้างเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม เขาไม่เข้าใจว่าคนคนนี้ต้องการอะไร

“...”

“น้องว่างไหมครับ มีเวลาให้พี่สักแป๊บไหม”

คำถามที่เขาไม่รู้ถึงจุดประสงค์ไม่จำเป็นต้องตอบกลับแต่ไม่รู้ทำไมพอได้เห็นรอยยิ้มนั้น หน้าของเขากับพยักลงเป็นการตอบรับโดยไม่รู้ตัว

คำตอบรับเป็นที่น่าพึงพอใจรอยยิ้มของคนตรงหน้ากว้างขึ้นกว่าเดิม ทำไมถึงต้องยิ้มขนาดนั้นจะมองไม่เห็นตาอยู่แล้วนะ

“ไปกันครับ”

คำบอกเล่าจบเพียงเท่านั้นก่อนที่มือใหญ่จะเอื้อมมาคว้าข้อมือของคนตัวเล็กไว้พร้อมกับออกแรงดึงเพื่อให้เขาเดินตามไป

“ยินดีต้อนรับน้องเข้าสู่บ้านทัศนศิลป์นะครับ”

“...”

รู้ตัวอีกทีก็โดนลากเข้ามาในซุ้มนี้เฉย มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นในเวลาปกติ แต่นี่มันไม่ปกติทำไมเขาถึงไม่ปฏิเสธไปตั้งแต่แรก แถมยังยอมให้โดนลากเข้ามาโดนไม่ขัดขืน เกิดอะไรขึ้นกับเขา ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย

“คณะของเราเรียนไม่ยากเลย ขอแค่น้องรักในศิลปะ...น้องชอบวาดรูปไหมครับ”

“...”

เป็นอีกครั้งที่เขาพยักหน้าตอบคนตรงหน้าไป แต่ถ้าถามเรื่องวาดรูปเขาคงเถียงไม่ได้จริง ๆ ว่าเขาไม่ชอบ เพราะมันคือสิ่งเดียวที่เขาถนัด

“ดีเลยครับคณะนี้มันขึ้นอยู่ที่ใจเลยจะเก่งไม่เก่งมันไม่สำคัญขอแค่ใจรักก็พอ”

“...”

คำอธิบายต่าง ๆ ถูกส่งต่อมาถึงเขาเพื่อเชิญชวนให้เขาเลือกเรียนคณะนี้ สาขานี้ รอยยิ้มของคนตรงหน้ายังคงส่งตรงมาที่เขาอย่างต่อเนื่อง เขาก้มลงมองข้อมือตัวเองที่ยังถูกจับไว้ไม่ปล่อย สัมผัสที่เขาไม่เคยได้รับ ความอบอุ่นที่ถูกส่งผ่านลงมาโดยที่อีกคนไม่รู้ตัว

“เออ...พี่ลืม”

“...”

“พี่ชื่อดาวเหนือนะ” เสียงแนะนำตัวมาพร้อมกับรอยยิ้มที่คงกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของคนคนนี้ไปแล้ว

เขาพยักหน้าตอบรับไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกไปจากปากเขา เหตุผลเดียวเพราะเขาไม่รู้จะพูดอะไรและเขาก็ไม่รู้ว่าเขามาทำอะไรที่นี่ รู้แค่ว่าที่ตรงนี้น่าสนใจกว่าที่อื่น

“แล้วน้องชื่ออะไรครับ”

“...”

เมื่อไม่มีเสียงตอบกลับรอยยิ้มของคนถามเจือลงจนสังเกตเห็น เขาไม่รู้เลยว่าเพราะอะไรเขาถึงไม่ต้องการให้รอยยิ้มของคนตรงหน้าเปลี่ยนไป เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องแคร์ ทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องเริ่มความสัมพันธ์ใด ๆ กับคนตรงหน้าเลยก็ได้แท้ ๆ แต่พอรู้ตัวอีกทีเขาก็ได้ทำมันไปแล้ว

“...แสง”

“ครับ?”

“ชื่อ...ปีแสง”

สิ้นสุดประโยครอยยิ้มปรากฏออกมา ฉับพลันรอบข้างสว่างขึ้น เขายังคงยืนยันคำเดิมรอยยิ้มของคนตรงหน้าเขาสว่างที่สุด รอยยิ้มที่เขารู้สึกอยากที่จะเห็นอีก และเห็นอีกหลาย ๆ ครั้ง

“น้องปีแสงยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

รอยยิ้มนี้ที่เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ สายตาเหลือบไปมองชื่อสาขาที่แปะไว้ที่บอร์ด ‘ทัศนศิลป์’ ก่อนจะเลื่อนสายตากลับมาสบตาคนด้านหน้าที่ยังยิ้มไม่หุบ น่าสนใจ

ถ้าหากการเลือกครั้งนี้จะเป็นการการันตีว่าเขาจะได้เห็นรอยยิ้มนี้อีกมันก็น่าเสี่ยง

“ยินดีที่ได้รู้จัก...ครับ”

รอยยิ้มที่เขาอยากเปลี่ยนให้กลายเป็นรอยยิ้มของเขาเพียงคนเดียว

พรหมลิขิตของคุณเป็นแบบไหน...?

ผมไม่รู้หรอกนะว่าสำหรับคนอื่นให้คำนิยามของคำว่าพรหมลิขิตไว้แบบไหน เพราะพรหมลิขิตสำหรับผมคือการที่ผมได้พบกับคุณ