บทที่ 1. เสือสองตัวอยู่ผับเดียวกันไม่ได้
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก คำคำนี้เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะใช้บ่อยเมื่อได้พบเจอคนที่ไม่ได้เจอกันนาน โดยเฉพาะเด็กๆ ซึ่งบางครั้งเมื่อเจอกันอีกที เด็กตัวน้อยในวันวานก็พากันโตเป็นหนุ่มเป็นสาวหน้าตาร่างกายเปลี่ยนแปลงไปจนแทบจำไม่ได้ บางคนแทบไม่มีเค้าเดิมหลงเหลือให้เห็น แม้แต่อัจฉรียาพรก็เช่นกัน เด็กหญิงผมหยิกหย็อยตัวอ้วนกลมในวันวาน บัดนี้กลายเป็นหญิงสาววัยยี่สิบสามปีที่สวยแฉล้มเฉิดฉายพริ้งเพราจนหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่พากันมองจนเหลียวหลัง ทำให้ผู้เป็นพ่อไม่อยากให้ลูกสาวตัวน้อยโตเป็นสาวเลยสักนิด...
“พ่อไฟขา ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ” หญิงสาวแนบแก้มกับต้นแขนแกร่งของผู้เป็นพ่อซึ่งทำหน้ามุ่ยมาตลอดทางตั้งแต่กลับจากสนามบินคุณพ่อสุดหล่อก็ไม่พูดอะไรเลยเอาแต่หน้าบึ้งจนถึงบ้าน
“นั่นสิคะพี่ไฟ ทำไมทำหน้าแบบนั้นไม่ดีใจหรือไงที่ลูกกลับมา” อโนมาหันมาขมวดคิ้วใส่สามี
“ก็ดูสิ มีแต่หนุ่มๆ มองลูกสาวเรา”
“เอ้า ก็อิ่มอุ่นเป็นสาวแล้ว แล้วก็สวยด้วย มันแปลกตรงไหนล่ะคะ” อโนมาว่าสามียิ้มๆ
“ก็ไม่แปลกแต่พี่ไม่ชอบ ต่อไปนี้นะพี่จะต้องจัดบอดีการ์ดคอยคุมอิ่มอุ่นไม่ให้คลาดสายตา ใครมองเกินห้านาทีจะต้องเจอควักลูกตา”
“เวอร์ไปค่ะ นี่ลูกนะคะไม่ใช่นักโทษจะได้มีคนคอยคุมแล้วไปทำร้ายร่างกายคนอื่นแบบนั้นมันใช่ที่หรือคะ พี่ไฟนี่เพี้ยนหนักขึ้นทุกที”
“แบบนี้อิ่มอุ่นก็ขึ้นคานสิคะคุณพ่อ แล้วอย่างนี้จะมีหลานให้อุ้มเร้อ..” อัจฉรียาพรทำทีพ้อบิดา แม้อัคคีจะเป็นพ่อเลี้ยงแต่เธอก็รักและเคารพเขาเสมือนบิดาแท้ๆ และคุณอัคคีก็รักและดูแลเธออย่างดีมาตลอดตั้งแต่เป็นเด็กหญิงตัวน้อยจนบัดนี้ ความรักความผูกพันมันมีมากเกินกว่าจะบรรยาย
“ไม่รู้ล่ะ ไปทำงานอิ่มอุ่นก็ต้องไปกับพ่อ ไปไหนก็จะต้องมีคนคุมรายงานพ่อทุกฝีก้าว จะคบไอ้หนุ่มหน้าไหนจะต้องให้พ่อดูหน้าตาสัมภาษณ์อย่างละเอียด หากไม่ผ่านมาตรฐานของพ่อห้ามคบ”
“โห... ขนาดจะมีแฟนต้องมีคิวซีคอยตรวจสอบด้วยหรือคะ” อัจฉรียาพรหัวเราะเบาๆ แล้วหันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้กับมารดาด้วยท่าทางซุกซน อโนมาส่ายหน้ายิ้มๆ กับความทะเล้นซุกซนของลูกสาวคนสวย
ทั้งสามพ่อแม่ลูกก็กลับมาถึงบ้านซึ่ง อาทิตย์วรา หรือ น้องโอม ลูกชายหัวแก้มหัวแหวนของอัคคีกับอโนมายืนยิ้มรอรับพี่สาวคนสวยอยู่หน้าบ้าน
“พี่อิ่มอุ่นกลับมาแล้ว ดีใจจัง” หนุ่มน้อยวัยสิบแปดปีโผเข้ากอดพี่สาวอย่างแสนรักและคิดถึง วันนี้เขาไม่ได้ไปรับพี่สาวเพราะติดธุระเรื่องการสอบครั้งสำคัญนั่นเอง
“เป็นไงเราตาโอมมีแนวโน้มจะสอบได้หรือสอบตก” หญิงสาวถามน้องชายยิ้มๆ
“โธ่ ระดับนี้แล้ว รับรองได้ว่าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งไม่รอดมือไปไหน” ได้ทีน้องโอมก็คุยโว
“แหม ขี้คุย..” แล้วสองพี่น้องก็หัวเราะให้กันแล้วกอดคอกันเดินเข้าบ้าน คุณอโนมากับคุณอัคคีมองสองพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกันดีอย่างมีความสุข...
อัจรียาพรยิ้มร่าไปเดินหาเพื่อนรักที่ยืนรออยู่ด้วยความตื่นเต้นดีใจเพราะเกือบปีที่ไม่ได้เจอหน้ากัน หญิงสาวโผเข้ากอดชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลาสองคนที่ยืนอ้าแขนรอรับอย่างสนิทสนม ไม่สนใจสายตาใครที่มองมา...
“โอ๊ย คิดถึงๆๆ ขอกอดให้หายคิดถึงหน่อยเถอะทั้งสองคนเลย” หญิงสาวกอด วาริส แล้วก็โผไปกอด ฉัตร ซึ่งก็โอบกอดเธอไว้พร้อมทั้งหอมแก้มนวลซ้ายขวาด้วยความมันเขี้ยว
“โอ้ยๆ พอแล้วๆ แก้มฉันช้ำหมดแล้ว..” อัจฉรียาพรขืนตัวออกจากอกกว้างของฉัตรอย่างแง่งอนเมื่อชายหนุ่มหอมแก้มเธอเสียแรงพร้อมทั้งถูไถใบหน้าที่มีเคราน้อยๆ กับแก้มเธอจนเห่อแดงไปหมด
“แหม บอบบางเสียจริงแม่หญิง” ฉัตรชายไทยใจหญิงสาวกอดอกมองเพื่อนรักตาเขียวเข้มไม่ได้กระตุ้งกระติ้งแสดงออกว่าเขานิยมเพศเดียวกัน ซึ่งวาริสหนุ่มลูกครึ่งอิตาลีก็คือคนรักของเขานั่นเอง
“แกก็ชอบแกล้งเอาหนวดมาถูกนี่ วาริสขาช่วยอิ่มอุ่นด้วย..” หญิงสาวว่าฉัตรแล้วโผเข้าซบอกกว้างของวาริสอย่างออดอ้อนออเซาะแววตาซุกซนน่าหมั่นไส้ ฉัตรส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วกระชากร่างระหงออกจากอกคนรักของตนเบาๆ แล้วลากเข้าไปในผับหรูซึ่งมีเพื่อนๆ อีกสองคนรออยู่ วาริสหัวเราะตามท่าทางเง้างอดของสองเพื่อนรักอย่างเอ็นดู เขาสนิทสนมกับอัจฉรียาพรตอนที่เรียนอยู่เมืองนอกจนมาได้รู้จักกับฉัตรและคบหากันเงียบๆ โดยไม่ได้แสดงออกว่าพวกเขารักกัน ทางบ้านของเขาเองก็ยังไม่รู้และรับไม่ได้ที่ลูกชายคนเดียวของตระกูลจะรักเพศเดียวกัน เขาจึงมีอัจฉรียาพรเป็นหุ่นเชิดในบางครั้งซึ่งหญิงสาวก็เต็มใจช่วยเหลือยามต้องไปพบพ่อแม่ของวาริส ในขณะที่ฉัตรเองก็ต้องปกปิดความเป็นตัวของตัวเองเพราะทางบ้านก็ยังรับไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นอัจฉรียาพรอีกนั่นล่ะที่ต้องแสดงว่าเป็นคนพิเศษของฉัตร...
ในขณะเดียวกันระหว่างที่อัจฉรียาพรพูดคุยหัวเราะอยู่กับทั้งสองหนุ่มนั้นสิงหราชซึ่งก็กำลังจะเดินเข้าไปในผับเช่นเดียวกันต้องหยุดมองเพราะรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาสาวสวยสะดุดตาและเมื่อเห็นรอยยิ้มและใบหน้าของเธอชัดๆ ชายหนุ่มก็ถึงบางอ้อและรู้สึกไม่พอใจอยู่ลึกๆ โดยไม่รู้สาเหตุ...
“หึ ยายอิ่มอุ่นนี่เอง.. มาทำไมที่นี่ดูทำท่าสิ มันน่าจับตีก้นนัก”
“บ่นอะไรวะไอ้สิงโต” ชัช เพื่อนรักของสิงหราชเดินมาตบบ่าชายหนุ่มเบาๆ แล้วกอดคอกันเดินเข้าไปด้านใน
“บ่นไปเรื่อยเปื่อย”
“เหรอ เห็นท่าทางหงุดหงิดน่าดู นึกว่าเจอสาวเท”
“คนอย่างไอ้สิงโตไม่มีทางโดนเทเว้ย..” สิงหราชแย้งยิ้มๆ ด้วยความมั่นใจอ
“ว่าแต่ไอ้ซันนี่พอมีเมียแล้วเลิกคบเพื่อนเลยว่ะ” ชัชเอ่ยพาดพิงไปถึงอัคราที่แต่งงานมีครอบครัวแสนอบอุ่นไปแล้วอย่างเสียไม่ได้ เพราะแก๊งสามหนุ่มที่มักไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอขาดไปหนึ่งหนุ่ม
“นั่นสิ น้องฝนก็ไม่เห็นจะดุเลย ออกจะเรียบร้อยอ่อนหวานน่ารัก แต่เอาไอ้ซันเสียอยู่หมัดแกต้องไปเห็นว่ามันหงอกับเมียแค่ไหน”
“จริงหรือวะ..”
“คนอย่างไอ้สิงโตไม่โกหกเว้ย ไม่เชื่อไปที่บ้านไร่ปลายฝนเลย ฮ่าๆๆ ฉันว่าจะไปเยี่ยมมันอยู่เหมือนกัน นายว่างไหมล่ะสิ้นเดือนนี้”
“เออ น่าสนว่ะอยากรู้นักว่าไอ้ที่ปากดีๆ น่ะพอมีเมียแล้วเป็นไง” สองหนุ่มพูดคุยกันไปที่โต๊ะซึ่งจองไว้แล้วและที่โต๊ะก็มีหญิงสาวสองคนนั่งรออยู่...
“มาช้าจังค่ะสิงโต นก รอจนเมื่อยแล้วเนี่ย” ปานชนก เพื่อนสาวร่วมรุ่นของสิงหาราชที่แอบชอบพอชายหนุ่มมานานเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีเง้างอดหมายจะให้สิงหราชงอนง้อ แต่ชายหนุ่มกับทำเฉยไม่ใส่ใจทำทีว่าเจ้าหล่อนคงโมโหหิวไปเสีย
“ก็บอกแล้วว่าจะมาช้าหน่อย นกก็หาอะไรรองท้องไปก่อนสิถ้าหิว”
“ยายนกไม่ได้หิวหรอกค่ะสิงโต แต่งอนอยากให้คนง้อ..” ศศิ เพื่อนรักของปานชนก เอ่ยเย้าด้วยรู้ใจเพื่อนสาวว่าชอบเป็นจุดสนใจชอบให้คนให้ความสำคัญกับตน เพราะปานชนกเป็นลูกสาวนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียง เจ้าหล่อนเป็นคุณหนูมีคนรองมือรองเท้าให้ความสำคัญมาตั้งแต่เกิด พอมาคบเพื่อนก็ต้องการให้เพื่อนๆ และคนรอบข้างเห็นความสำคัญ และหากไม่ได้ดังใจก็ใช้เงินเพื่อ ซื้อความพอใจ ของตนโดยไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร แต่ภาพภายนอกที่ใครๆ พบเห็นก็คือ หญิงสาวสวยงามสง่าดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว แต่หากใครได้สนิทกับปานชนกแล้วจะรู้ว่าภายใต้หน้ากากอันงดงามนั้น เต็มไปด้วยความเอาแต่ใจอย่าร้ายกาจจิตใจของเจ้าหล่อนก็เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา ไม่ชอบให้ใครได้ดีเด่นไปกว่าตน แต่เพราะศศิเห็นผลประโยชน์จากการคบหาปานชนกจึงอดทนเป็นเบี้ยล่างของปานชนกมาตลอด แต่ลับหลังเธอก็สับ ปานชนกเละเช่นกัน ก็อย่างว่า ความจริงใจหาได้ยากใจหมู่ผู้ดีแต่เปลือก ดังนั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องจริงใจกับคนเช่นนี้...
“แล้วศิล่ะ หิวรึเปล่า” ชัชถามด้วยความห่วงใยไม่เสแสร้งเพราะคบกันมานาน ศศิหันมายิ้มให้ชัช
“ศิทานมาบ้างแล้วล่ะ ขอบใจนะ” ชัชพยักหน้ารับรู้แล้วหันไปจะคุยกับสิงหราชแต่เหมือนว่าเพื่อนรักจะกำลังมองไปยังโต๊ะของหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน
“นายรู้จักโต๊ะนั้นเหรอ” สิงหราชพยักหน้าช้าๆ ปานชนกหันไปมองตามสายตาของชายหนุ่มแล้วก็ต้องเม้มปากอย่างไม่พอใจ
“หึ ยายตุ่มเดินได้นี่เอง พอผอมเข้าหน่อยอ่อยผู้ชายเก่งเชียวดูสวยขึ้นสงสัยไปทำมาเยอะ” ปานชนกเบ้ปากเหยียดๆ คนที่กำลังพูดถึงเธอไม่เคยนึกชอบหน้าอัจฉรียาพรเลยสักนิด ยายเด็กอ้วน ที่เคยมีวีรกรรมแสนแสบกับเธอ..
“นี่นก ไม่มีใครสอนเธอเหรอว่าไม่ควรวิจารณ์เรื่องรูปร่างคนอื่นและไปดูถูกเขาแบบนั้น” ชัชว่าตรงๆ
“ฉันว่ายายนั่นตรงไหน พูดดีๆ นะชัช”
“ก็ตรงที่เธอว่าเขาเป็นตุ่มเดินได้และอ่อยผู้ชายไง ถ้าเธอถูกคนมองว่าอ่อยไอ้สิงโตแต่อ่อยไม่ติด สวยแต่ไม่พัฒนาสมอง สวยแต่เปลือกเธอจะรู้สึกยังไง.. คนเราใช่ว่าตัวเองสวยแล้วจะเที่ยวไปว่าคนอื่นได้ตามใจชอบ..” ด้วยความที่รู้จักนิสัยของปานชนกดีชัชจึงไม่คิดจะพูดอ้อมค้อม ปานชนกเป็นคนสวยชนิดหาตัวจับยากคนหนึ่ง ใบหน้าเรียวสวยดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มวาววับจมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากรูปกระจับงดงาม แต่นิสัยเจ้าหล่อนนี่ห่างไกลคำว่าสวยมาก หากว่าไม่ได้คบกันมานานและไม่เห็นแก่ความเป็นเพื่อนและเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เขาคงเลิกคบผู้หญิงนิสัยขี้อิจฉาเที่ยววิจารณ์ว่าคนอื่นไปทั่วเช่นปานชนกไปแล้ว
แต่เพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนและด้วยความเห็นใจว่าปานชนกไม่มีใครเขาเองก็คอยตักเตือนอยู่เสมอเพื่อให้ปานชนกไม่นิสัยเลวร้ายมากไปกว่านี้ แต่ดูเหมือนจะกู่ไม่กลับ ยิ่งโตยิ่งนิสัยแย่ ยิ่งทางบ้านตามใจและไม่มีใครคอยห้ามยิ่งทำให้ปานชนกเหลิงหนัก ใช้เงินซื้อทุกอย่างแม้แต่เพื่อนเช่นศศิ แต่มีเพื่อนไม่กี่คนที่จะอดทนเหมือนศศิด้วย ส่วนใหญ่มาหามากินมาเที่ยวแล้วก็พากันแยกย้ายกลับ แต่ปานชนกไม่เคยมองว่าการกระทำแบบนั้นของเพื่อนๆ คือเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวเท่านั้น เธอชอบคำเยินยอปั้นแต่งให้ตนเองดูเด่นดูสำคัญกว่าคนอื่นๆ จึงไม่แปลกที่ปานชนกไม่เคยมีเพื่อนจริงๆ สักคนเขาก็ได้แต่หวังว่าจะมีใครสักคนมาช่วยดัดนิสัยปานชนก เพราะจริงๆ และชัชรู้ดีว่าภายใต้ท่าทีแข็งกระด้างไม่แคร์นั้นป่านชนกซ่อนบางสิ่งบางอย่างไว้ และปานชนกเป็นคนที่น่าสงสาร...
“ชัช มันจะมากไปแล้วนะ เห็นว่าเป็นญาติกันนึกจะพูดอะไรก็ได้เหรอ ฉันไม่อยากมีญาติจนๆ เหมือนเธอหรอกนะแต่ช่วยไม่ได้ เพราะเห็นแก่คุณแม่จึงยอมคบด้วย..” เธออ้างถึงมารดาที่ล่วงลับไปนานที่เคยฝากฝังให้พี่น้องรักกันให้รักชัชเหมือนพี่ชาย พี่ชายที่ปานชนกไม่อยากยอมรับเพราะชัชเป็นแค่ญาติห่างๆ ของเธอเท่านั้น
“โธ่.. นก เธอยังหูหนวกตาบอดอยู่อีกเหรอ อย่าให้พูดเลยดีกว่าว่าอะไรเป็นอะไร..”
“เอาล่ะๆ อย่าเถียงกัน ชัช.. นายก็รู้ว่านกนิสัยยังไงไม่ต้องไปยุ่งหรอกน่า” สิงหราชห้ามทัพ
“เห็นมะ สิงโตยังเข้าข้างฉันเลย ยุ่งไม่เข้าเรื่อง..” ชัชแค่นยิ้มแล้วส่ายหน้าช้าๆ อย่างระอาใจ ที่เจ้าหล่อนไม่ได้สำนึกไม่ได้รู้ตัวเลย คนที่มีแต่ตัวในตอนนี้คือปานชนกไม่ใช่เขา ตอนนี้ครอบครัวของเจ้าหล่อนแทบจะล้มละลาย แต่พ่อของปานชนกยังจมไม่ลงและยังไม่ยอมรับความจริงว่าตนเองเหลือแต่เปลือกและลูกสาวก็ยังคงลอยชายเที่ยวเตร่ไปวันๆ และหุ้นในบริษัทส่วนใหญ่ของครอบครัวปานชนกก็เป็นของเขากว่าหกสิบเปอร์เซ็นและอีกสี่สิบเปอร์เซ็นต์เป็นของสิงหราช เพราะพ่อของปานชนกได้ขายหุ้มให้สิงหราชโดยไม่รู้ว่าเขากับสิงหราชทำงานร่วมทุนกัน และชัชก็ไม่อยากให้ใครรู้ว่าตอนนี้เขาไม่ใช่ลูกของญาติฝ่ายแม่จนๆ ของปานชนกแล้ว แต่เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีทรัพย์สินต่างๆ มากกว่าร้อยล้านบาทแล้ว
“ฉันขอตัวสักครู่นะ” สิงหราชเอ่ยขึ้นแล้วลุกออกไป
“เดี๋ยวสิ สิงโต จะไปไหน นกไปด้วย”
“หยุดเลย ไม่ต้องตามไป อยู่เฉยๆ ปล่อยให้ไอ้สิงโตมันมีเวลาส่วนตัวบ้างเถอะ” ชัชดึงมือปานชนกไว้ หญิงสาวหันมามองเขาตาเขียวแต่ก็ยอมนั่งลงโดยดีเมื่อเจอแววตาดุๆ ของชัช
“ยุ่งตลอดเลยนะชัช” บ่นอุบอิบแต่ก็ยอมนั่งโดยดี
“ที่ยุ่งก็เพราะห่วง เป็นผู้หญิงอย่าทำตัวน่ารำคาญ”
“เอ่อ ศิว่าเราสั่งอะไรมาทานกันดีกว่ามั้ย” เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มไม่ดีศศิเองก็เกรงว่าจะเกิดเรื่องหมางใจกันจึงเอ่ยขึ้น
“อยากกินอะไรก็สั่งสิ..” ปานชนกกระแทกเสียงใส่แล้วนั่งกอดอกหน้าตูมอยู่อย่างขัดใจ ชัชกับศศิมองหน้ากันแล้วไหวไหล่ช่วยกันเลือกเมนูอาหารอย่างสบายใจ
ทางด้านสิงหราชที่เดินออกมาจากกลุ่มเพื่อนๆ ก็เดินไปเตร็ดเตร่อยู่ด้านหน้าผับ เพราะเขาเดินตามแม่จอบแสบคู่อริในวัยเด็กมานั่นเอง ดวงตาคมเข้มทอดมองไปยังร่างระหงที่ยืนโทรศัพท์อยู่หน้าผับที่เสียงเพลงไม่ดังมากนัก สายตาของสิงห์หนุ่มสำรวจคนตรงหน้าอย่างพิจารณาและยอมรับยายอิ่มอุ่นตุ่มเดินได้ในวัยเด็กเปลี่ยนไปมาก รูปร่างอ้วนกลมที่เขามักล้อเลียนและโดนบิดามารดาต่อว่าเสมอนั้นสูงเพรียวขึ้น เจ้าหล่อนน่าจะสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบก็ถือว่าสูงกว่ามาตรฐานสาวไทยแต่ก็สูงน้อยกว่าเขาที่สูง 187 เซนติเมตร เรียวขาเสลานั้นได้รูปไม่เล็กจนเรียกว่าขาตะเกียบ อัจฉรียาพรมีขาที่สวยสิงหราช ยอมรับโดยไม่มีข้อแม้ ยิ่งเธอสวมกระโปรงสั้นเหนือเข่าอวดเรียวขางามยิ่งทำให้เลือดหนุ่มร้อนรุ่มขึ้นมาแปลกๆ
จะบ้าไปแล้วไอ้สิงโต เห็นขาผู้หญิงมากก็มาก มารู้สึกตื่นเต้นอะไรกับขายายอิ่มอุ่นจอมแสบ
