ตอนที่ 1 เพิ่มระดับของเจ้าซ่ะ

ณ เมืองแห่งหนึ่งซึ่งเป็นเมืองขนาดกลางมีกำแพงสูงที่ล้อมรอบป่าและภูเขาไว้กำแพงสูงหลายร้อยเมตรมันสูงมากเสียจนไม่สามารถรู้ได้เลยว่าข้างในนั้นได้ซ่อนอะไรไว้

เมืองนี้มีประชากรอยู่หลายร้อยครอบครัวที่นี่ถือว่าเป็นอาณาจักรที่ไม่ค่อยมีคนมาแวะเวียนมาเท่าไหร่นัก ประชากรส่วนใหญ่ผู้แข็งแกร่งทางด้านการบ่มเพราะจะถูกส่งตัวไปยังดินแดนนภาเพื่อเสริมสร้างพลัง (ดินแดนนภาคือที่ๆ มีกำแพงสูงลายล้อมรอบ ซึ่งเป็นที่ๆ กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ข้างในนั้นเต็มไปด้วยสัตว์อสูรนับไม่ถ้วน เหมาะสำหรับการทำเควสต่างๆ) มีทีมนักล่าสัตว์อสูรที่รับงานตามสั่งอยู่ห้าทีม ทีมที่ได้รับการยอมรับเป็นอันดับหนึ่งคือทีมพยัคฆ์อัคคีเพราะหัวหน้าทีมมีอสูรอัคคีที่แข็งแกร่งเป็นผู้ทำสัญญาเลือด และด้วยความสามารถอันโดดเด่นของทีมไม่ว่าภาระกิจไหนที่เขารับมาย่อมสำเร็จอย่างสมบรูณ์

“เจ้าอายุ15ปีแล้วนะเหตุใดเจ้ายังบรรลุขั้นแรกไม่ได้”

เสียงตวาดของท่านพ่อดังออกมาจากทางห้องโถง เมื่อเดินไปถึง หลี่เซียวเหอที่โดนท่านพ่อต่อว่านั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นพร้อมน้ำตาไหลอาบแก้มนวล

“...ท่านพ่อ” หลี่หลงเทียนกล่าวทักทาย แล้วเดินไปพยุงน้องสาวเพียงคนเดียวของเขาให้ลุกขึ้น

“เพราะเจ้า! เจ้าเอาแต่คอยแต่ปกป้องนางจนนางจะเป็นง่อยอยู่แล้ว”

เมื่อหลี่ห่าวเทียนเห็นบุตรชายพยุงตัวบุตรสาวไม่รักดีไปนั่งเก้าอี้ ก็อารมณ์ร้อนอย่างทวีคูณ

“บุตรบ้านอื่นอายุเท่านี้เขาไประดับกลางกันหมดแล้ว เจ้าจะเข้าข้างนางไปถึงเมื่อไหร่” ห่าวเทียนโกรธจัด ใช้มืออันสั่นเทาชี้หน้าบุตรชายอายุ20ปีของเขา

ตั้งแต่2ปีก่อนที่ภรรยาของเขาเสียชีวิตไปเนื่องจากต้องการพิชิตอสูรทมิฬสีเลือดแห่งไฟโลกันต์ นางต้องการทำพัธสัญญาเลือดกับอสูรตนนั้นเป็นอย่างมากเพราะเป็นอสูรในตำนานที่หาได้ยากยิ่ง ปีนั้นเธอและสามีได้นำกลุ่มทหารรับจ้างที่มีนามว่า เสือโลหิต ซึ่งตอนนั้นเป็นกลุ่มที่ได้รับการยอมรับว่าแข็งแกร่งมากในยามนั้น

ภาพที่นางนอนบนเตียงที่มีหมอคอยดูแลอยู่ตลอดเวลานางที่หายใจโรยริน ตาที่พยายามหักห้ามไม่ให้หลับ ปากที่พร่ำบอกให้เขาดูแลบุตรทั้งสองของนางให้ดีและต้องทำให้พวกเขาแข็งแกร่งจะได้ไม่มีจุดจบเยี่ยงนาง พลังที่ไม่มากพอนั้นนำมาซึ่งหายนะ

“ท่านพ่อ ข้าจะผลักดันให้นางไปสู่จุดสูงสุดให้ได้ ท่านได้โปรดอย่าว่านางอีกเลย” หลงเทียนรับปากท่านพ่อเพราะรู้ว่าในปีนั้นท่านเจ็บปวดแค่ไหน ท่านปู่ที่มาเจอเข้ากับเหตุการณ์ถึงกับโกรธควันออกหู [เจ้ากล้าดียังไงถึงริอาจท้าทายเจ้าแห่งอสูร พวกเจ้าบ้าไปแล้วรึ] นั่นคือสิ่งที่ท่านปู่กล่าวและเดินจากไปด้วยความโกธา

“ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้วข้าจะตั้งใจบ่มเพาะพลังให้ถึงขั้นแรกให้ได้เจ้าค่ะ” นางพูดพร้อมน้ำตาที่หยดเหมือนไข่มุกเม็ดงามอันล้ำค่า นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านพ่อว่ากล่าวให้นางด้วยความโมโห นางรู้สึกถึงหัวใจที่ถูกบีบรัดหายใจไม่ออกขอบตาร้อนผ่าว

ในความเป็นจริงนางไม่อยากบ่มเพาะพลังนั่นเพราะกลัวการที่ต้องเผชิญกับสัตว์อสูร เพราะนางได้รับรู้ถึงเหตุการณ์คราที่แม่ของนางจากไปเป็นเพราะสัตว์อสูร เซียวเหอจึงมีความคิดที่ว่าหากนางไม่ได้เข้าป่านภานางก็ยังสามารถดูแลท่านพ่อ ท่านพี่ และท่านปู่ได้ นางทำอาหารและเย็บปักถักร้อยได้อย่างยอดเยี่ยม เพียงเท่านี้ก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่หรือ ทว่าท่านพ่อกลับไม่ชอบใจนักในหลายครั้งแต่ไม่เคยมีคราใดที่ท่านพ่อจะเกรี้ยวกราดเชกเช่นครั้งนี้ไม่

“เจ้าคิดว่ามันง่ายนักงั้นหรือ หากมันง่ายดายคนทั้งโลกนี้คงไปถึงจุดการบ่มเพาะระดับราชากันหมดแล้ว คงไม่มาดิ้นร้นเอาชีวิตรอดถึงเพียงนี้”

ระดับการบ่มเพาะพลังมีดังนี้

ระดับผู้ฝึกยุทธเบื้องต้นแบ่งได้3ระดับ

-ขั้นแรก

-ขั้นกลาง

-ขั้นแปรผัน

ซึ่งนางยังไม่แตะขั้นแรกเลยด้วยซ้ำ หากฝึกขั้นแรกสำเร็จจะทำให้ร่างกายแข็งแรงกว่าคนทั่วไปที่ไม่ได้ฝึกเท่าตัว และความแข็งแกร่งจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามลำดับยิ่งระดับเพิ่มสูงขึ้นความแข็งแกร่งยิ่งสูง เมื่อครอบครองสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งยิ่งทำให้ผู้ทำสัณญาแข็งแกร่งทวีคูณ