สายธารรักซาตาน

208.0K · จบแล้ว
กันเกรา
148
บท
32.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

อสมา หรือ คุณใหญ่ พ่อม่ายได้หย่าร้างกับภรรยา ไม่คิดจะจริงจังกับใครอีกเพราะยังรักอดีตภรรยาที่เลิกกันเพราะความไม่เข้าใจกัน สุดท้ายต้องแพ้กับความใจเย็น และความอดทนของเด็กสาวที่เพิ่งจะผ่านพ้นรั้วมหาลัยที่ตัวเองใช้วิธีบีบบังคับให้มาเป็นเมียนอกทะเบียน

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักดราม่าคนรับใช้สัญญาทางรักปลูกผักโรแมนติก

EP 1

ตอน คุณธรรมกับความสงสาร

บ้านเรือนไทยหลังกระทัดรัดตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางบึงน้ำกว้างใหญ่กินเนื้อที่กว่าสิบไร่ ริมฝั่งลายรอบไปด้วยต้นมังคุดที่กำลังผลิดอกออกผลดกเต็มต้น เลยออกไปจะมีต้นลองกองปลูกสลับสับหว่างเรื่อยๆ จนเกือบจะเต็มพื้นที่สวน

ซึ่งมีเนื้อที่กว่าร้อยไร่ในจังหวัดซึ่งอยู่เขตปริมลฑลที่ไม่ห่างกรุงเทพฯนัก แทบจะทุกตารางนิ้วล้วนเต็มไปด้วยพืชสวนนานาชนิด ซึ่งผู้เป็นเจ้าของสรรหามาลงไว้เมื่อสิบปีมาแล้ว

อสมา อิศรานุกูล หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบต้นๆ กำลังนั่งทอดอารมณ์เรียบเรื่อย เหม่อมองสรรพสิ่งรอบตัวมาตั้งแต่เช้าตรู่โดยไม่คิดจะลุกไปไหน หญิงร่างท้วมวัยห้าสิบสองนามสายหยุดค่อยๆ ยกอาหารเช้ามาจัดวางตรงหน้าเจ้านาย

แล้วรีบเดินออกจากระเบียงบ้านเลาะไปตามสะพานไม้ที่เชื่อมระหว่างตัวบ้านกับสวนเข้าไว้ด้วยกัน นายอ่วมผู้เป็นสามียืนรอรับอยู่ริมบึงด้วยความเป็นกังวลว่าเมียจะตกลงบึงก่อนถึงฝั่งนั่นเอง

สายตาคมจนจะกลายเป็นดุของชายหนุ่มละจากผืนน้ำรอบตัวลงไปมองจานอาหารตรงหน้า กาแฟดำจากกระติกเก็บความร้อนถูกรินลงแก้วช้าๆ ก่อนจะถูกยกขึ้นจิบ หนังสือพิมพ์หลายต่อหลายฉบับทั้งไทยและต่างประเทศถูกเปิดอ่านช้าๆ เมื่ออยากผ่อนคลายสายตาจากวิวทิวทัศน์

ไม่นานขนมปังสองแผ่นก็ถูกเนยป้ายลงอย่างเชื่องช้าละเมียดละไม ก่อนจะส่งเข้าปากสลับกับยกกาแฟขึ้นจิบ และอาหารเช้าในจาน เริ่มถูกกำจัดออกไปอย่างไม่รีบร้อนเช่นกัน

สิบกว่าปีแล้วสำหรับชีวิตอันเงียบสงบ ไม่เร่งไม่รีบของชายหนุ่มที่ส่วนใหญ่มักจะดำเนินอยู่ในสวนแห่งนี้ สวนที่เขาใช้เป็นแหล่งกบดานเพื่อหลีกหนีจากสังคมอันวุ่นวาย น่าเบื่อหน่าย และน่าสะอิดสะเอียนอย่างที่สุด

กระนั้นเขาก็หาได้หันหลังให้กับสังคมไปเสียทีเดียวไม่

หากมีเรื่องจำเป็น หรือธุระสำคัญซึ่งจะต้องสวมหน้ากากไปด้วยเขาก็ต้องลุกขึ้นมาทำอย่างไม่รีรอ เฉกเช่นวันนี้ที่จะต้องบึ่งเฟอร์รารี่ ห้าเก้าเก้า จีทีโอ หนึ่งในรถคู่ใจชายโสดแต่ไม่สดอีกหลายคันที่จอดรอให้หยิบจับมาใช้เข้าเมืองกรุง เพื่อให้ทันประชุมในช่วงบ่าย

แต่ก่อนจะลุกไปเตรียมตัวเขาจำใจต้องให้เวลากับแขกที่ไม่อยากเชิญ ซึ่งยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ใต้ต้นมังคุดมาหลายนาทีแล้ว ชายหนุ่มกวักมือให้อ่วมพาแขกเดินข้ามสะพานมาหาอย่างไม่ใคร่จะยินดีนัก ด้วยรู้ว่าธุระของผู้มาเยือนนั้นคืออะไร อสมามองสองสามีภรรยานั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัวอย่างระอา เงินห้าล้านไม่รวมดอกเบี้ยของเขากำลังจะสูญหายไป หากไม่ใจแข็งยึดบ้านและสวนเอาไว้ก่อน

“ผมจะเอาที่ไหนทำกินครับคุณท่าน”

นายด้วงโอดครวญด้วยสีหน้าและน้ำเสียงอันน่าสงสาร หากเขาไม่รู้มาก่อนว่าคนพูดหาใช่พวกชอบทำมาหากินไม่เขาคงจะเห็นใจจนยกเลิกการเข้ายึดครองแน่ แต่เงินที่สองคนมาหยิบยืมครั้งนั้นครั้งนี้มากบ้างน้อยบ้างติดต่อกันมาหลายปี

ล้วนแล้วแต่หายไปกับบ่อนหรือไม่ก็ขวดเหล้าจากน้ำมือนายด้วงเท่านั้น นางนิรมลผู้เป็นภรรยาถึงกับสะดุ้ง เมื่อถูกศอกผู้เป็นสามีสะกิดโดยแรงเพื่อให้โอดครวญขอความเห็นใจจากเจ้าหนี้

“จริงค่ะคุณท่าน เมตตาครอบครัวเราด้วยนะคะ ลูกเราก็ยังเรียนอยู่เลยค่ะ ถ้าคุณท่านยึดไปเราก็คงไม่มีที่อยู่”

“ฉันให้โอกาสเราสองคนมาเกือบสิบปีแล้วนะ ตอนนี้คงไม่ได้แล้วล่ะ เอาเป็นว่าโอนทุกอย่างมาใช้หนี้ฉันก่อน จากนั้นฉันจะให้อยู่บ้านและทำกินในที่สวนเหมือนเดิม แต่ต้องทำสัญญาเช่านะ มีเงินเมื่อไหร่ก็มาซื้อคืนแล้วกันฉันให้เวลาห้าปี คงจะเตรียมตัวกันทันนะ หมดธุระแล้วก็กลับบ้านเถอะ ฉันเองก็ต้องไปข้างนอกเหมือนกัน”

อสมาเบื่อเต็มทีหากจะต้องนั่งฟังเรื่องราวซ้ำซากไม่รู้จบ จึงรีบตัดบทและทำท่าจะลุกหนีไป นายด้วงเห็นว่าจะไม่ได้การณ์ จึงงัดไม้ตายที่คิดกับเมียไว้แต่แรกออกมา และแน่นอนว่ามันหยุดเจ้าหนี้ตรงหน้าได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“เราสองคนว่าอะไรนะ!”

อสมาไม่เคยคาดฝันว่าจะได้ยินเรื่องนี้กับหูตัวเอง เมื่อทั้งสองยืนยันออกมาอีกครั้ง เป็นการยืนยันว่าเขาไม่ได้หูฝาดแต่อย่างใด เขาจึงได้แต่พยักหน้ารับข้อเสนอไว้พิจารณา ก่อนจะเดินเข้าห้องไปโดยไม่รอให้แขกกลับแต่อย่างใด

รถประจำตำแหน่งสำหรับใช้ขับเข้าออฟฟิศ แล่นออกจากปากซอยด้วยความเร็วเพราะคนขับหัวเสียมาบ้าน และแน่นอนว่าสองสาวกับอีกหนึ่งหนุ่มนักศึกษาก็หัวเสียไม่แพ้กัน เมื่อกลุ่มโคลนในแอ่งน้ำข้างถนนถูกโยกย้ายมาเปรอะเปื้อนเสื้อขาวๆ แทนด้วยล้อรถหรู

“อะไรวะ! แม่งขับไม่เคยดูคนเลย รู้แล้วว่ารวย บ้าเอ้ย!” สิงหาร้องด่าตามหลังอย่างไม่เกรงกลัวเจ้าของรถจะได้ยิน

“นั่นสิ! เกลียดจริงๆ คนแบบนี้”

ปาลิตา พฤกษาชาติ เองก็มีอาการไม่แพ้เพื่อนนัก อีกทั้งแรงเกลียดที่มีต่อเจ้าของรถผู้จากไปก็เพิ่มพูนขึ้นอีกหลายเท่า เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสามพบกับเหตุการณ์แบบนี้และกับชายคนนี้ แต่ป่วยการจะไปเอะอะโวยวาย เพราะนั่นไม่ใช่นิสัย แถมคนที่จากไปก็ไม่อยู่ในข่ายที่จะทำแบบนั้นได้ด้วยโดยง่าย

“พวกไม่มีสมอง วันๆ เอาแต่มองคนเดินถนนเป็นผักเป็นปลา หนอยถ้าลงมาแม่จะด่าให้เสียหมาไปเลย แล้วจะเอาไงดีล่ะแอ้ เปื้อนหมดจะไปมหาลัยได้ยังไงล่ะ” อริสาหันไปหาเพื่อนทั้งสองด้วยสายตาละห้อย ส่วนอีกคนได้แต่ถอนหายใจน้อยๆ ออกมาโดยไม่ตอบอะไรอีก สิงหาจึงชิงตอบขึ้นด้วยความไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย